ทุกข์ในใจเธอจะเก็บไว้ทำไมปล่อยมันออกมา
สายตาที่ส่งถึงครู หลังจากผลักประตูเดินเข้าห้อง “ครูจะสอนในแนวไหน" "น้ำตาจะต้องไหลอีกแน่เลยอาจารย์” เสียงพูดดังขึ้นก่อนนักเรียนบอกทำความเคารพ
มีคนว่ากันว่า " อดีต คือความทรงจำ ที่มีผลต่อปัจจุบัน
ปัจจุปัน คือความอยาก ที่มีผลต่ออนาคต
อนาคต คือความกลัวที่มีผลต่ออดีต"
คาบนี้ ครูจะได้เห็นความทุกข์ ตั้งแต่เรื่องความรักของวัยเรียน จนถึงเรื่องไม่คาดคิดที่ติดใจเขามาตลอดจากการแสดงพฤติกรรมของผู้ปกครอง คนที่เขารักมากที่สุด
หลักใหญ่ของคาบนี้คือครูต้องการทราบถึงปัญหาของนักเรียน ว่านักเรียนมีความทุกข์อะไรบ้างที่ฝังอยู่ในจิตใจ ถ้าปัญหาไหนที่พอจะแก้ได้ครูก็เข้าไปแก้ เข้าไปพูดคุย ผ่านการสอนสอดแทรกหลักธรรมอริยสัจ๔
หลังจากปฏิบัติภาระกิจที่ต้องทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว (สวดมนต์ ) ครูเริ่มเข้าเนื้อหา โดยการ พูดถึง หลักอริยสัจ๔ ความจริงอันประเสริฐ ๔ประการ โดยใช้ตาราง ๔ ช่อง (แนวการสอนนี้ ได้รับจากครู ป๊อป สมัยผมเรียนอยู่ ม.๖ แล้วจำหลักมาได้ถึงทุกวันนี้ )
หลังจากนั้นครูก็ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ มากขึ้น และแก้ไขด้วยหลักอริยสัจ ๔ ส่งต่อไปด้วย วิธีการดับทุกข์ จาก คลิป วิธีดับทุกข์ในเสี้ยววินาที ของท่าน พุทธทาสภิกขุ ที่เห็นอยู่ตามเฟสบุ๊คและ ยูทูบ ( https://www.youtube.com/watch?v=KNTfDJwYByE&index=2&t=2s&list=PLdAKF6lcCRll6qhPc7O3C9vKZQPj_XGHM) แล้ว พูดคุยกันว่านักเรียนเห็นอะไรบ้าง ได้อะไร จากวีดีโอบ้าง
หลังจากพูดคุย ครูก็ให้นักเรียนนั่งสมาธิ คิดย้อนว่ามีเรื่อง อะไรที่ยังคงค้างคาใจ เรื่องอะไรที่เป็นเรื่องทุกข์ใจที่สุดในชีวิต ผ่านเหตุการณ์ตรงนั้นมาได้อย่างไร (ขึ้นอยู่กับครูในการบริหารเวลา ครูจะรู้สึกได้ว่าพอ หรือ บริหารให้มีเวลาเหลือ สัก ๒๐ นาที )
ให้นักเรียนลืมตา แล้วแสกน QR Code ที่ครูสร้าง ที่บันทึกเรื่องราวเรื่องความทุกข์ของนักเรียนไว้ใน google forms พิมพ์เรื่องราวของนักเรียนที่ทุกข์ใจที่สุด ลงไป ให้นักเรียนได้ อยู่กับตัวเอง (ครูบริหารเวลาให้เหลือ ๑๐ นาที )
๑๐ นาทีที่เหลือครูเก็บไว้ เพื่อ พูดคุย เรื่องของความทุกข์ ผ่าน ๕ คำถาม สุ่มนักเรียน หรือให้นักเรียนอาสา เลือกหมายเลข ๑ - ๕ และให้นักเรียนที่ไม่ได้ตอบ ตอบกับตัวเองในใจ (คำถามได้จากการ์ด happinessisthailand.com )
๑. เมื่อต้องผิดหวังนักเรียนสามารถแสดงอารมณ์ที่แท้จริงและหาทางออกให้ชีวิตแทนที่จะเก็บความเสียใจนั้นไว้กับตัวเองหรือไม่
๒.นักเรียนเชื่อไหมว่านักเรียนดีพอและควรค่าจะเป็นที่รักของคนอื่นมากขนาดไหน // รักตัวเองอย่างเพียงพอหรือไม่
๓.นักเรียนพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างมั่นใจไหม // แล้วในเรียนเชื่อไหมว่า เมื่อล้มแล้วจะสามารถลุกขึ้นใหม่ได้
๔.นักเรียนได้เผื่อใจกับสิ่งต่างๆและมักมองหาแสงสว่างในความมืดหรือเปล่า
๕.เมื่อนักเรียนเคียดหรือมีความกังวล นักเรียนสามารถสงบและปล่อยวางได้ดีแค่ไหน
หลังจากจบคาบ
ในวันที่ครูเริ่มทยอยอ่านเรื่องราวของแต่ละคน ครูจะได้เห็นความทุกข์ ตั้งแต่เรื่องความรักของวัยเรียน จนถึงเรื่องไม่คาดคิดที่ติดใจเขามาตลอดจากการแสดงพฤติกรรมของผู้ปกครอง คนที่เขารักมากที่สุด ครูจะเห็นได้ว่า ทำไมชีวิตเธอถึงต้องมารู้สึกถึงความเจ็บปวดแบบนี้ ครูคงแก้ปัญหากับนักเรียนไม่ได้ทุกคน แต่อยากให้ครูลองไปพูดคุยกับนักเรียน(ครูจะสัมผัสได้เองจากการเขียนของนักเรียนว่ากรณีนี้เราน่าเข้าไปให้กำลังใจ น่าจะเข้าไปพูดคุย ) ให้เขาปรับมุมมอง เพื่อผ่อนคลาย ลืมความคิดแบบนั้นแล้วตั้งใจเรียน พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
สิ่งที่ได้
ครู ได้เห็นปัญหาของนักเรียน พื้นฐานครอบครัวของนักเรียนที่แตกต่างกัน ได้เข้าถึงนักเรียน ได้คิดทบทวน ได้ฝึกการรับฟัง ได้ฝึกการแก้ปัญหาและให้กำลังใจนักเรียน มองเห็นอีกมุมของนักเรียน
สิ่งที่ระวัง
ในช่วงแรกที่อ่านระวังครูจะจมกับความทุกข์ของนักเรียน ทำให้โลก มันมืดมน คิดจนปวดหัวว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร อาจจะนอนไม่หลับ หลังจากครูปรับได้แล้วครูจะเริ่มรู้ว่าควรไปพูดคุยกับใครก่อน
ครูที่เป็นผู้ชาย อาจจะให้เพื่อนครูที่เป็นผู้หญิงพูดคุยแทนกับนักเรียนหญิงที่มีปัญหาแทน
ตอนหลังจากพูดคุย
ใบหน้าที่เริ่มยิ้มได้ จะทำให้โลกที่ครูมนในช่วงที่อ่านเรื่องราวกลับมาเติมเต็มพลังของครูให้มาพัฒนาการสอนให้ดีขึ้นและสอนหนังสือได้ดีขึ้น “เพราะครูเข้าใจเด็ก เด็กก็เข้าใจครู”
แท็กที่เกี่ยวข้อง