9 แนวทางจากต่างประเทศ เปิดเทอมใหม่ปลอดภัยจากโควิด

9 แนวทางจากต่างประเทศ เปิดเทอมใหม่ยังไง ปลอดภัยจากโควิด-19

หลาย ๆ โรงเรียนคงกำลังวางแผนกันอยู่ว่าเทอมหน้านี้จะสอนยังไงดี

ต้องสอนออนไลน์ไหม ? ถ้าเด็ก ๆ และผู้ปกครองไม่พร้อม ทำไงดี ?

แล้วต้องทำอะไรก่อน ? วางแผนยังไง ?

insKru เลยลองไปหาแนวทางที่จากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและนักการศึกษาจากต่างประเทศที่เริ่มเปิดเทอมแล้วมาฝากกันค่ะ

มาดูกันเลย

เพื่อไม่ให้โรงเรียนกลายเป็นสถานที่กระจายเชื้อ เราต้องเข้มงวดเรื่องสุขอนามัยตั้งแต่ผู้ใหญ่จนเด็กเล็ก ทั้งเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย วัดไข้ ล้างมือบ่อย ๆ ฆ่าเชื้อตามอาคาร และการอยู่ห่างกัน

ที่โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก วันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา เปิดแค่โรงเรียนสำหรับเด็กเล็กก่อนเท่านั้น

เด็ก ๆ ต้องอยู่ห่างกันอย่างน้อย 2 เมตรเวลาเข้าแถว แล้วให้มีเด็ก ๆ แค่ 10 คนกับครู 1 คนต่อ 1 ห้องเรียนเท่านั้น

คุณครูบางวิชาก็จะสอนออนไลน์ เช่น วิชาศิลปะ

เด็ก ๆ เล่นในสนามเด็กเล่นได้พร้อมกันแค่ 5 คนเท่านั้น

คุณครูก็คิดค้นเกมแบบใหม่ขึ้นมาคือ “ไล่จับเงา” เด็ก ๆ จะได้ไม่สัมผัสตัวกันจริง ๆ

ถ้ายังไม่มีวัคซีน ก็ยังไม่ปลอดภัยที่จะให้เด็ก ๆ หลาย ๆ คนมาอยู่รวมกัน

ในต่างประเทศจึงปรับจำนวนเด็ก ๆ ต่อ 1 ห้องให้เหลือน้อย ๆ ที่เหมาะกับการเว้นระยะห่างเมื่อเทียบกับขนาดของห้องเรียน

ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาปรับเป็น : นักเรียน 12 คนต่อห้องเรียน

ที่ประเทศเดนมาร์กปรับเป็น : นักเรียน 10 คนต่อห้องเรียน

ไม่ใช่แค่เพื่อสุขภาพของเด็ก ๆ แต่เพื่อคุณครูและบุคลากรในโรงเรียนด้วยค่ะ

ที่สหรัฐอเมริกามีรายงานว่าบุคลากรในสถานศึกษาเสียชีวิตเพราะโควิด-19 กว่า 60 รายแล้วค่ะ

พอลดจำนวนเด็ก ๆ ต่อหนึ่งห้องเรียน คุณครูก็ต้องปรับตารางสอนด้วย

หัวหน้าสหภาพครูแห่งเมืองนิวยอร์กเสนอแนวทางเป็นตัวอย่างว่า

ให้นักเรียนกลุ่มที่ 1 มาเรียนในวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ตามด้วยอังคาร และพฤหัสบดี

ให้นักเรียนกลุ่มที่ 2 มาเรียนในวันอังคาร พฤหัส ตามด้วยจันทร์ พุธ ศุกร์

แบบสับหว่างกัน

หรืออาจจะเป็นกลุ่มแรกเรียนภาคเช้า อีกกลุ่มเรียนภาคบ่ายก็ได้

ที่เดนมาร์กเปิดเทอมให้เด็กประถมมาโรงเรียนก่อน

ในขณะที่นอร์เวย์เปิดให้เด็ก ๆ อนุบาล ปฐมวัยก่อน

ทางฝั่งอิสราเอลเปิดสำหรับเด็กอนุบาลที่มีความต้องการพิเศษก่อน

เหตุผลเพราะว่าชั้นประถมศึกษามักจะมีคุณครูประจำชั้นเพียงคนเดียว ที่สอนทุกวิชา ทำให้ปรับตารางเวลาสอนได้ง่ายกว่า

และเด็กเล็ก ๆ ชั้นอนุบาลมีความเสี่ยงที่จะเอามือแหย่ปาก เอามือสัมผัสใบหน้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย หากไม่ได้สอนพวกเขา

เพื่อชดเชยเวลาเรียนที่เสียไป ก็มีคำแนะนำว่ารีบเปิดเทอมไว ๆ หรือไม่ก็ขยายเวลาเรียนไปจนถึงซัมเมอร์ (หรือทำทุกวิธีเลย)

เพราะหากเลื่อนไปนาน ๆ อาจเกิดปรากฏการณ์ความรู้นักเรียนถดถอย (Summer Slide)

แต่ละโรงเรียนต้องรีบคุยกันแล้วว่าจะปรับยังไงดีให้เหมาะสม ให้เด็กได้เรียน ได้พัก คุณครูได้สอนเนื้อหาสำคัญ ได้ดูแลชีวิตตัวเองด้านอื่น ๆ จนกว่าจะมีวัคซีน

(แอบเห็นบางโรงเรียนในกรุงเทพฯ เปิดให้นักเรียนเรียนล่วงหน้าด้วยนะ)

แม้ว่าจะเปิดให้นักเรียนมาโรงเรียน แต่ถ้าผู้ปกครองยังเป็นห่วงลูกหลาน อยากให้เรียนที่บ้านหรือลาหยุดก่อน โรงเรียนก็ควรอนุญาต และมีนโยบายเช็คการเข้าเรียนแบบใหม่

ตอนปี 2459 ที่โรคโปลิโอระบาดในนิวยอร์ก ทางภาครัฐก็ประกาศนโยบายผ่อนปรนให้เด็ก ๆ หยุดอยู่บ้านก่อนได้ เพื่อความปลอดภัย

งดทุกกิจกรรมที่ให้ทุกคนมารวมตัวกันไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือผู้ปกครอง

ควรจะเตรียมพร้อมเรียนทางไกล เรียนออนไลน์กันด้วย เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดการระบาดระลอกใหม่จนต้องปิดโรงเรียนอีกไหม

ตอนนี้ต้องเตรียมพร้อมให้ครูสอนออนไลน์ สอนทางไกลให้ได้ สอนเด็กว่าจะเรียนออนไลน์ได้ยังไง ใช้แอปพลิเคชันยังไง หรือถ้าดูผ่านทีวีดาวเทียม จะต้องตั้งค่าเครื่องรับสัญญาณยังไง

แล้วอาจต้องสนับสนุนอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้คุณครูและนักเรียนด้วย ให้เข้าถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสัญญาณอินเทอร์เน็ต

ต้องลดความเหลื่อมล้ำนี้ และเปลี่ยนทัศคติว่า “ซื้อแจกไป เด็กก็ไปใช้เล่นเกม” เพราะความคิดเช่นนั้นทำให้เด็กที่มีอุปกรณ์พัฒนาตัวเองไปได้ไกลแล้วทิ้งให้เด็กที่เข้าไม่ถึงอยู่ข้างหลัง ไกลลิบเรื่อย ๆ

ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการกล่าวว่า สถานการณ์โรคระบาดครั้งใหญ่ส่งผลต่อจิตใจเด็ก ๆ

นอกจากที่คุณครูจะมอบความรู้ ทักษะ ทัศนคติ หรือสมรรถะให้เด็ก ๆ แล้ว การดูแลจิตใจเด็ก ๆ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่คุณครูจำเป็นต้องทำ และคุณครูก็เป็นคนสำคัญที่ทำสิ่งนี้ได้ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก NPR (www.npr.org/2020/04/24/842528906)