เชื่อว่าคุณครูหลายคน เคยพบเจอปัญหาเหล่านี้ เด็กๆไม่เข้าเรียน เด็กไม่ทำการบ้านมาส่ง ไปจนถึงเด็กๆไม่ตั้งใจเรียน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณที่สื่อให้เห็นว่าความสุขของผู้เรียนในชั้นที่ไม่ได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ เพราะ ห้องเรียนที่เขาเรียนอาจไม่ได้สร้างความสุขและดึงดูดให้เขาอยากเรียนรู้เท่าที่ควร ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
.
บทความนี้ จะพาไปรู้จักกับเทคนิคง่าย 5 ข้อที่จะมาช่วยปรับปรุงห้องเรียนของคุณครูทุกคนให้กลายเป็นห้องเรียนที่เติมเต็มความสุขให้ผู้รียนได้มากขึ้น โดยจะมีเทคนิคอะไรบ้างนั้นไปติดตามชมพร้อมกันได้เลยครับ...
.
สร้างห้องเรียนแหง่ความสุขด้วยเทคนิค 5 ข้อ
.
เทคนิคที่ 1 เปิดกว้างความคิด ไม่ตัดสิน
หนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้ผู้เรียนไม่อยากเข้าเรียน คือ การที่ผู้เรียนถูกตัดสินโดยครู การถูกตัดสินว่าผิดเมื่อคิดต่างหรือตั้งคำถาม การถูกตัดสินทั้งๆที่ยังไม่ได้พูดคุยหรือฟังเหตุผล ดังนั้นแนวทางที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ได้คือ ครูทุกคนต้องเปิดกว้างทางความคิดมากขึ้น ไม่ด่วนตัดสินไปก่อน แต่ควรรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน พูดคุยกันด้วยเหตุผล มากกว่ามุ่งตัดสินด้วยอารมณ์และทิฐทิ เท่านี้ ห้องเรียนก็กลายเป็นพื้นที่ๆสร้างความสุขให้ผู้เรียนได้มากขึ้นแล้วครับ
.
เทคนิคที่ 2 ไม่เปรียบเทียบ ยอมรับความแตกต่าง
อีกหนึ่งปัญหาที่มักพบได้บ่อยคือ การถูกเปรียบเทียบ ผู้เรียนหลายคนตกเป็นเหยื่อของการเปรียบเทียบในโรงเรียน เพียงเพราะเขาแตกต่าง และทำได้ไม่ตรงตามที่ครูคาดหวัง การถูกเปรียบเทียบทำให้ผู้เรียนรู้สึกด้อยค่าในตนเองลง สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างให้เกิดเป็นความรู้สึกด้านลบที่มีต่อโรงเรียน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กเหล่านี้จะ โดดเรียน หรือ ไม่เข้าเรียน เพราะเขาตัดสินใจไปแล้วว่า ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเขา เขาไม่สามารถมีความสุขอยู่ในที่แห่งนี้ได้ ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเป็นหน้าที่ของคุณครูทุกคนที่จะต้องช่วยเหลือกันเพื่อสร้างให้ห้องเรียนกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาอีกครั้ง โดยครูจะต้องเลิกเปรียบเทียบเด็กกับคนอื่น ๆ ครูจะต้องเปิดกว้างและยอบรับความแตกต่างมากขึ้น ให้คิดไว้เสมอว่าผู้เรียนแต่ะคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน "จงอย่าเปรียบเทียบและกดเขาด้วยมาตรฐานของเรา แต่ให้มองในมุมกว้างและยอบรับในสิ่งที่เขาเป็น" เมื่อทำได้เช่นนี้ห้องเรียนก็จะกลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขสำหรับพวกเขาอีกครั้ง
.
เทคนิคที่ 3 ไม่บังคับแต่ร่วมกันหาทางออก
บางครั้งเหตุผลง่ายๆของการไม่มาเรียนก็คือ กฎระเบียบ หรือข้อบังคับที่รัดกุมมากจนเกินไป แน่นอนว่าการมีกฎระเบียบนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญแต่บางครั้งกฎระเบียบบางอย่างก็ลุกล้ำสิทธิบนร่างกายของเด็กจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กจะไม่พอใจ และเกิดความรู้สึกด้านลบต่อการมาเรียน ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น การหาทางออกร่วมกันจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ครูสามารถทำได้เพื่อความสุขของเด็ก การให้เด็กมาพูดคุยตกลงกฎระเบียบร่วมกันจะทำให้พวกเขารู้สึกมีพื้นที่ มีสิทธิของตัวเองมากขึ้น การเปิดพื้นที่ให้เขาแสดงความต้องการและตัวตนของตนเองจึงนับเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยสร้างให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่แห่งความสุขได้ค่อนข้างดีทีเดียว
.
เทคนิคที่ 4 เคารพกัน อย่างเท่าเทียม
ครูและเด็กนั้นมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่มีหลายครั้งที่สิทธิเหล่านั้นถูกลุกล้ำผ่านการ ลงโทษ โดยอ้างเหตุผลว่า เป็นหน้าที่ของครู ห้องเรียนกลายเป็นพื้นที่ๆ อำนาจของเด็กถูกลดทอนลง ครูกลายเป็นผู้มีอำนาจและนำอำนาจเหล่านั้นมากดทับเด็ก จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กจะมีความรู้สึกด้านลบกับการเรียน เพราะสิทธิของพวกเขาโดนกดทับอย่างไม่เท่าเทียม ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาและสร้างพื้นที่แห่งความสุขให้กับเด็ก จึงเป็นหน้าที่ของครูที่จะรู้จักเคารพเด็กมากขึ้น มองว่าเขาเท่าเทียมกับเรามากขึ้น ไม่ลงโทษอย่างไร้เหตุลแต่พูดคุยกันอย่างเท่าเทียมตรงไปตรงมา และไม่ใช่แค่ครูที่ต้องเคารพเด็ก แต่ตัวเด็กเองก็ต้องเคารพสิทธิของครูด้วย ไม่ลามปาม ไม่ล่วงเกินครู การเคารพซึ่งกันและกันจึงนับเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญที่ช่วยสร้างให้ห้องเรียนกลายเป็นพื้นที่ ๆ ครูและเด็กเรียนรู้ร่วมกัน ได้อย่างมีความสุข
.
เทคนิคที่ 5 ไม่ลงโทษ พร่ำเพรื่อ และการลงโทษต้องไม่ใช่การใช้กำลัง
ไม่มีผูเรียนคนไหนชอบถูกลงโทษ อีกทั้งการลงโทษโดยการใช้กำลังยังไม่สร้างให้เกิดผลประโยชน์แต่อย่างใด รังแต่จะสร้างให้เกิดความกลัวและความรู้สึกด้านลบกับการเรียนเท่านั้น ดังนั้น แนวทางการแก้ปัญหาที่ทำให้ผู้เรียนมีความสุข คือ ลงโทษแต่พอดี สมเหตุสมผล และเลือกใช้วิธีการที่ไม่รุนแรง แนวนอนว่าวิธีการลงโทษนั้นไม่ได้มีแต่การใช้กำลัง การลงโทษที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ก็มีเช่นกัน เช่น การให้โจทย์ไปทำ หรือ การให้อยู่ช่วยงานก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางการทำโทษที่ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเด็ก และ ครูได้ดี ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของอาจารย์ที่จะคิดหาแนวทางการทำโทษที่เหมาะสม สร้างสรรค์และไม่รุนแรง หากทำได้เช่นนี้ ห้องเรียนแห่งความสุขก็ไม่ใช่ฝันที่ไกลเกินจริงอีกต่อไป
.
ก็จบกันไปแล้วนะครับกับ บทความเรื่อง "สร้างห้องเรียนแห่งความสุขง่าย ๆ ด้วยเทคนิค 5 ข้อ" ก็หวังว่าข้อมูลครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนครูทุกคนไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาศึกษาบทความชิ้นนี้ ขอบคุณครับ...
Content Creator By: Warawat Nimanong
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!