4 เทคนิคการเปลี่ยนห้องเรียนแห่งความวุ่นวายให้กลายเป็นความเงียบ
โดย อาจารย์ ดร.จุฬินฑิพา นพคุณ
อาจารย์ประจำหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ในห้องเรียนเรามักพบปัญหาเสมอว่า นักศึกษาของเราชอบพูดคุยกันเสียงดัง ทั้งขณะต้นคาบ กลางคาบและท้ายคาบ ทำให้ขาดสมาธิในการเรียน การสร้างความเงียบให้เกิดขึ้นจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้นักศึกษาเกิดสมาธิมากขึ้น ทำให้จิตใจสงบ เนื่องจากไม่มีสิ่งใดมารบกวนจิตใจ นอกจากนั้นการยังสามารถฝึกฝนการเป็นผู้ฟังที่ดีซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ดีในการเป็นผู้สื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การฝึกเงียบนั้นอาจทำได้ยาก แต่หากฝึกฝนบ่อยๆจะสามารถทำได้ดี การเป็นผู้นำทางการศึกษาที่ดีนั้นอาจต้องปรับเปลี่ยนมาเป็นผู้ฟังให้มากขึ้น การเป็นผู้ฟังที่ดีคือต้องสามารถอยู่กับความเงียบได้ ทำให้มีสติพิจารณาสิ่งต่างๆ
ในรายวิชาการสอนแบบมอนเตสซอรี่ นักศึกษาปฐมวัย จะต้องเรียนรู้บทบาทครูมอนเตสซอรี่ที่ดี คุณลักษณะหนึ่งที่นักศึกษาควรมีนั่นคือ การสังเกต การสังเกต หมายถึง การเฝ้าดูอย่างใส่ใจ โดยใช้วิธีการถอยห่างออกมาสังเกตขณะเด็กทำงาน การเฝ้าดูเด็กต้องอาศัย "ความเงียบ" ที่ต้องเกิดภายในจิตใจ เพื่อพิจารณาดูว่าเด็กสามารถทำงานนั้นได้หรือไม่ หากทำไม่ได้ นั่นแปลว่า งานนั้นอาจยากเกินไปสำหรับเด็กหรือไม่ ถ้ายากเกินไป ครูมอนเตสซอรี่ต้องปรับเปลี่ยนและหางานใหม่ที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก
ดังนั้นเราจึงคิดว่าการเสริมสร้างความเงียบในห้องเรียนนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับนักศึกษาปฐมวัยที่เรียนในรายวิชานี้ การนำกิจกรรมดังกล่าวมาใช้ในการสอนจะทำให้นักศึกษาได้ฝึกฝนความเงียบ ได้เรียนรู้เทคนิคการสอนในกิจกรรมนี้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเด็กปฐมวัยในห้องเรียนมอนเตสซอรี่ หรือประยุกต์ใช้ในห้องเรียนปกติได้ทุกระดับชั้น
โดยเทคนิคต่างๆ ที่จะนำเสนอนี้ เป็นเทคนิคที่อาจารย์ได้แปลเนื้อหาบางส่วนจากเว็บไซต์หนึ่งของต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการสอนด้วยนวัตกรรมมอนเตสซอรี่ ซึ่งได้ทำการอ้างอิงไว้ท้ายบทความแล้ว โดยได้นำมาเรียบเรียงใหม่และนำมาประยุกต์ใช้ในการสอน ได้เพิ่มเติมการสอดแทรกการออกจากความเงียบด้วย เพลง กลอนหรือคำคล้องจอง เพิ่มเติมการสอนบางส่วนเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจและการนำไปประยุกต์ใช้ และได้เสนอเทคนิคเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความสนุกสนานจากประสบการณ์การสอนที่ผ่านมา
4 เทคนิคการสร้างความเงียบในห้องเรียน
เทคนิคที่ 1 : ส่งระฆังในความเงียบ
1. เชิญนักศึกษานั่งเป็นรูปครึ่งวงกลม อยู่ในความเงียบ
2. บอกนักศึกษาว่าเราจะมาส่งระฆังในความเงียบ
3. ให้นักศึกษาส่งระฆังไปรอบๆวง
4. กระตุ้นไม่ให้นักศึกษาปล่อยระฆัง ให้ส่งระฆังต่อไปรอบๆวง
เทคนิคที่ 2 : ฟังสิเสียงอะไร
1. เชิญนักศึกษานั่งเป็นรูปครึ่งวงกลม อยู่ในความเงียบ
2. บอกนักศึกษาว่าเราจะมาฟังสิว่าเสียงที่เราได้ยินคือเสียงอะไร
3. บอกนักศึกษาว่า ให้นั่งหลับตา ขณะที่อาจารย์เปิดเสียงต่างๆให้ฟัง เช่น เสียงนกร้อง เสียงฝนตก ให้นักศึกษาทายในใจว่าเสียงนั้นคือเสียงอะไร
4. ให้นักศึกษาหลับตาและฟังว่าได้ยินเสียงอะไร
5. นำนักศึกษาออกจากความเงียบด้วยการใช้เพลง กลอน หรือคำคล้องจอง
6. ให้นักศึกษาลืมตา ถามนักศึกษาว่า “ขณะที่นั่งหลับตาได้ยินเสียงอะไรบ้าง”
เทคนิคที่ 3 : เสียงแห่งความเงียบ
1. เชิญนักศึกษานั่งเป็นรูปครึ่งวงกลม อยู่ในความเงียบ
2. บอกนักศึกษาว่าเราจะมาฟังเสียงแห่งความเงียบ
3. ให้นักศึกษาหลับตาและให้ฟังในความเงียบว่าขณะหลับตาได้ยินเสียงอะไรบ้าง
4. นำนักศึกษาออกจากความเงียบด้วยการใช้เพลง กลอน หรือคำคล้องจอง
5. ให้นักศึกษาลืมตา ถามนักศึกษาว่า “ขณะที่นั่งหลับตาได้ยินเสียงอะไรบ้าง”
เทคนิคที่ 4 : เสียงกระซิบ
1. เชิญนักศึกษานั่งเป็นรูปครึ่งวงกลม และอยู่ในความเงียบ
2. บอกนักศึกษาว่าเราจะมาฟังเสียงกระซิบ
3. อาจารย์เดินไปที่มุมห้อง หรือเดินออกนอกห้อง
4. ให้นักศึกษาหลับตา อาจารย์จะกระซิบเรียกชื่อนักศึกษาทีละคน เมื่อได้เสียงกระซิบของอาจารย์ ให้นักศึกษาคนนั้นเดินมาหา และนั่งข้างๆอาจารย์ อาจารย์กระซิบเรียกชื่อเด็กทุกคน
หมายเหตุ : หากในห้องมีนักศึกษาจำนวนมากจึงต้องใช้สมาธิในการอดทนรอคอยเพื่อถูกเรียกชื่อ คนที่อาจารย์เรียกชื่อคนสุดท้ายจะเป็นคนที่รักษาความเงียบได้นานที่สุด เพราะนั่งรอนาน ส่วนคนที่อยู่ไม่นิ่ง ไม่ค่อยมีสมาธิ อาจารย์จะเรียกชื่อช่วงกลางๆ ถ้าหากว่ามีสมาธิมากขึ้นแล้วค่อยเลื่อนการเรียกชื่อเป็นช่วงท้ายๆ
ที่มา : montessoriservices.com/ideas-insights/the-importance-of-the-silence-game
Tips ในการสอนให้สนุกสนาน
- เทคนิคที่ 1 ส่งระฆังในความเงียบ สามารถดัดแปลงใช้อุปกรณ์ในห้องเรียน เช่น แทมบูรีนมือ ลูกแซค ฉิ่ง กระดิ่ง เป็นต้น
- อาจเพิ่มเติมเทคนิค การหาต้นเสียงในความเงียบ ด้วยการให้นักศึกษานั่งครึ่งวงกลม อยู่ในความเงียบ หลับตา อาจารย์นำปากกา หรือดินสอปล่อยไปที่พื้นให้มีเสียง หรือใช้วัตถุที่มีในห้องเรียน เช่น แทมบูรีนมือ ลูกแซค กระดิ่ง มาเขย่าให้เกิดเสียง แล้วให้นักศึกษาชี้ไปที่ต้นเสียงขณะที่หลับตา
ประสบการณ์ที่ได้นำไปใช้
สำหรับการนำมาใช้กับนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย ที่เรียนในรายวิชาการสอนแบบมอนเตสซอรี่ พบว่า นักศึกษาสามารถควบคุมตนเองได้ดี มีสติ สมาธิในการฟังคำสั่งและทำตามได้ ได้เรียนรู้กานำเทคนิคการสร้างความเงียบในห้องเรียนมอนเตสซอรี่ไปประยุกต์ใช้ การนำนักศึกษาออกจากความเงียบด้วยการใช้เพลง กลอน หรือคำคล้องจองทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้เทคนิคการเก็บเด็กทางอ้อมไปในตัว และนักศึกษาจะได้เรียนรู้เทคนิคการเก็บเด็กใหม่ๆจากอาจารย์อีกทางหนึ่ง
หากนำไปประยุกต์ใช้ในการสอนเด็กปฐมวัยสามารถนำไปใช้สอนในช่วงเช้าก่อนเริ่มต้นกิจกรรมแรกของวัน หรือตามช่วงเวลาที่คุณครูเห็นเหมาะสม