inskru

รวมไอเดียเปลี่ยนโรงเรียนสุดเจ๋ง ! จากห้องเรียนนอก

0
0
ภาพประกอบไอเดีย รวมไอเดียเปลี่ยนโรงเรียนสุดเจ๋ง ! จากห้องเรียนนอก

รวบรวมไอเดียการสอนของประเทศต่าง ๆ มาไว้ในที่เดียวกัน จะสุดเจ๋งขนาดไหน ชวนคุณครูมาดูกันน

รวมไอเดียเปลี่ยนโรงเรียนสุดเจ๋ง จากห้องเรียนต่างเเดน

.

โลกหมุนและเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา การศึกษาก็ไม่ควรอยู่นิ่ง ๆ เช่นกัน !

วันนี้พวกเรา insKru รวมไอเดียเปลี่ยนโรงเรียนจากหลากมุมโลก ที่เเก้ปัญหาทางการศึกษามากมาย ให้ผู้อำนวยการและคุณครูไทยลองได้ไอเดียไปปรับใช้ทั้งโรงเรียนหรือบางห้องเรียนตามบริบทของตัวเองกันนะคะ

.

ไปดูกันเลย !



ฟินแลนด์ 

.

การศึกษาของหนึ่งในประเทศที่ถูกขนานนามว่าดีที่สุดในโลก ที่มีเด็ก ๆ ประสบความสำเร็จทั้งด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่านมากที่สุด ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาต่ำกว่าบางประเทศถึง 30% !!! อะไรที่ทำให้ประเทศฟินแลนด์ประสบความสำเร็จขนาดนี้ แล้วเราจะเรียนรู้จากพวกเขาได้อย่างไรกันบ้างนะ ไปดูกันเลย !

.

 ไม่มีสอบ ไม่มีการบ้าน

.

หนึ่งในสิ่งที่ประเทศฟินแลนด์โด่งดังอย่างมากคือการไม่มีการสอบและไม่มีการบ้านให้แก่เด็ก ๆ เลยในช่วง 6 ปีแรกของการศึกษาในโรงเรียน

.

และการสอบบังคับที่เด็ก ๆ ต้องสอบจริง ๆ จะมีขึ้นตอนเด็ก ๆ อายุ 16 ปี

.

ซึ่งการทำเเบบนี้ส่งผลให้…

- เด็กไม่ต้องรู้สึกกดดันและเครียดจากการแข่งขันด้านการเรียนระหว่างเพื่อน ๆ ในชั้น

- เด็ก ๆ จะโฟกัสไปที่ “การเรียนรู้” และมี Mindset เกี่ยวกับการเรียนเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาวิชาอย่างเเท้จริงมากกว่าการเรียนเพื่อให้ “สอบผ่าน” เท่านั้น

.

 ไม่เเบ่งเเยกเด็ก ๆ

.

สำหรับการศึกษาฟินแลนด์ พวกเขาจัดเด็ก ๆ ในทุกระดับความสามารถและทักษะให้อยู่ในห้องเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่เรียนเก่ง มีพรสวรรค์ หรือแม้แต่เด็ก ๆ ที่มีพัฒนาการช้ากว่าเพื่อน ทุกคนได้อยู่ร่วมห้องกัน ไม่มีห้องคิง ห้องควีน หรือห้องบ๊วยใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้เด็ก ๆ ที่มีพัฒนาการช้ากว่าเพื่อน ๆ ในห้องในช่วงเริ่มแรกได้เรียนรู้จากเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ที่เรียนเก่งกว่า หรือมีพัฒนาการที่เร็วกว่า และก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

.

ซึ่งการทำเเบบนี้ส่งผลให้ห้องเรียนในฟินแลนด์มี Gap หรือช่องว่างระหว่างเด็กเก่งและเด็กไม่เก่งน้อยที่สุดในโลก ! 



สวีเดน 

.

 ไม่ทำโทษด้วยการตี

.

ประเทศสวีเดนมีการบังคับใช้กฎหมายไม่ให้ลงโทษเด็ก ๆ ด้วยการตีอย่างไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นครูหรือผู้ปกครองเอง และหากใครก็ตามฝ่าฝืน คนผู้นั้นคือผู้กระทำผิดกฏหมาย !

.

การทำเเบบนี้ส่งผลให้

- ผู้ใหญ่ทุกคน ทั้งคุณครูและผู้ปกครองต่างหาแนวทางอื่น ๆ ในการกระตุ้นพฤติกรรมเชิงบวกของเด็ก ๆ แทนการลงโทษด้วยการตี

- เด็ก ๆ เติบโตอย่างมีความสุข เพราะหลาย ๆ ครั้งที่การลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกายนั้นฝังรากลึกลงไปถึงจิตใจ และอาจนำมาซึ่งปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย

.

 เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายเท่าเทียมกัน

.

ประเทศสวีเดนเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความเท่าเทียมทางเพศสูงมาก เด็ก ๆ ทุกคนมีอิสระที่จะเติบโตตามที่ตัวเองอยากเป็น เนื่องจากการไม่แบ่งแยกชายหญิงทางการศึกษา และการไม่เลือกปฏิบัติของคุณครู เช่น

- ไม่มีการใช้คำนำหน้าชื่อ (เด็กชาย เด็กหญิง) หรือการใช้ He หรือ She แต่จะใช้ชื่อของกลุ่มหรือชื่อของเด็กคนนั้น ๆ แทน

- ไม่มีแยกห้องน้ำชาย-ห้องน้ำหญิง (บางแห่ง)

- ทุกคนถูกปลูกฝังและปฎิบัติอย่างเท่าเทียมทั้งเด็กชายและเด็กหญิง เช่น การอ่านนิทานให้เด็ก ๆ ฟัง จะมีการเปลี่ยนบทบาทให้เจ้าชายถูกช่วยเหลือจากเจ้าหญิงบ้าง ซึ่งต่างจากแบบดั้งเดิม เพื่อให้เด็ก ๆ เข้าใจว่าเราควรตัดสินคนอื่นจากการกระทำมากกว่าบทบาททางเพศ

.

การทำแบบนี้ส่งผลให้เด็ก ๆ มีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับความเท่าเทียมกันของทุก ๆ คน ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำหรือปัญหาอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้



อังกฤษ 

.

 ให้เด็ก ๆ นอนให้เพียงพอ

.

ปัญหาใหญ่ทางการศึกษาที่ประเทศอังกฤษต้องเผชิญคือการที่เด็ก ๆ ไม่มีสมาธิเรียน มาโรงเรียนสาย และขาดเรียน

ซึ่งจริง ๆ เเล้วเด็ก ๆ โดยเฉพาะวัยรุ่น แค่ต้องการเวลานอนที่มากขึ้น ! 

.

โรงเรียนในลอนดอนแห่งหนึ่งเลยหาทางออกสำหรับปัญหานี้

โดยการให้เด็ก ๆ นอนให้เต็มอิ่มและมาเรียนสายได้ !

ผ่านการให้คุณครูเริ่มการเรียนการสอนช้ากว่าเวลาเดิม 25 นาที

ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นน่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

.

จากงานวิจัย การทำแบบนี้ส่งผลให้...

- เด็ก ๆ มีความตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะได้มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ

- มีสมาธิในการเรียนในห้องสูงขึ้น มีอัตราการถามคำถามเเละตอบคำถามมากขึ้น

- มาเรียนตรงมากเวลามากขึ้น

- อัตราการขาดเรียนลดลง

- จังหวะในการเรียนการสอนเร็วขึ้น เพราะเด็ก ๆ มีสมาธิและปฏิสัมพันธ์ในห้องเรียนมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าคุณครูสามารถส่งต่อบทเรียนได้ในเวลาที่กระชับขึ้นกว่าเดิม



เนเธอร์แลนด์ 

.

 โรงเรียน Hi-Tech

.

เนเธอร์แลนด์มองเห็นการเปลี่ยนแปลงและความสำคัญของเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตของเด็ก ๆ

สำหรับพวกเขา เทคโนโลยีอย่าง iPad ไม่ใช่สิ่งรบกวน แต่เป็นโอกาสในการสอนและเข้าถึงเด็ก ๆ ได้ดีขี้น !

สิ่งที่เจ๋งยิ่งไปกว่าการนำเทคโนโลยีมาสู่การเรียนการสอนให้เข้าถึงเด็กได้ดีขึ้น คือ การทำให้เด็ก ๆ แต่ละคนได้เรียนเนื้อหาวิชาตามที่ตัวเองต้องการตามจังหวะการเรียนรู้ที่เหมาะสมของตัวเอง

.

สำหรับโรงเรียนเหล่านี้

คุณครูเปลี่ยนบทบาทจากการยืนสอนหน้ากระดาน

เป็น “โค้ช” ข้างเด็ก ๆ ผู้คอยชี้แนะและไกด์เด็ก ๆ ให้ได้เรียนรู้เนื้อหาวิชาผ่าน iPad เอง 

.

การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้...

- การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่จำกัดเฉพาะช่วงเวลาที่มาโรงเรียน เด็ก ๆ มีความยืดหยุ่นในการเรียนรู้สูงขึ้นเพราะพวกเขา สามารถเรียนรู้ได้ แม้วันที่ไม่ได้ไปโรงเรียน

- เตรียมความพร้อมด้านทักษะการใช้เทคโนโลยีให้แก่เด็ก ๆ



จีน 

.

 เทคนิคสอนเลขสุดเป๊ะ!

.

เด็ก ๆ ชาวจีนขึ้นชื่อเรื่องการมีทักษะทางคณิตศาสตร์ที่โดดเด่นมาก

สิ่งที่ทำให้พวกเขาเก่งคณิตศาสตร์มาจากการที่การศึกษาของจีนให้ความสำคัญกับการฝึกซ้อมทำโจทย์

และทำให้เด็ก ๆ เข้าใจตรรกะและคอนเซปต์เบื้องหลังโจทย์ปัญหาเหล่านั้น

ด้วยสิ่งเหล่านี้เอง ทำให้เด็ก ๆ ชาวจีนสามารถแก้โจทย์ปัญหาที่มีความพลิกแพลงและซับซ้อนได้ดีมาก

.

สิ่งที่พวกเขาทำคือ...

- คุณครูแสดงตัวอย่างและให้เด็ก ๆ ฝึกโจทย์ปัญหามากมายที่มีความยากแตกต่างกัน ทำให้เด็ก ๆ ได้เห็นโจทย์เลขหลากหลายรูปแบบ

- เด็ก ๆ ทุกคนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ได้เรียนรู้เป็นกลุ่มมากกว่าการที่เด็ก ๆ ต้องเรียนรู้และแก้โจทย์ปัญหาเพียงลำพัง

- เด็ก ๆ ทุกคนถูกสอนให้เรียนรู้ภาษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ที่ถูกต้อง และต้องเป๊ะเท่านั้น ! ถ้าพวกเขาใช้ภาษาและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ไม่ถูกต้อง พวกเขาจะต้องแก้ไขอย่างด่วน !



สิงคโปร์ 

.

 Subject-Based Banding

.

อีกหนึ่งประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการศึกษาอย่างมากคือสิงคโปร์

ล่าสุดได้มีการประกาศว่าจะมีการปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาให้เหมาะกับการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ณ ปัจจุบันมากขึ้น

โดยเปลี่ยนจากการแบ่งเกรดความสามารถของเด็ก ๆ 3 สาย (สายเร่งด่วน, สายปกติวิชาการ, และสายปกติเทคนิค)

เป็นการเรียนเเบบ Subject-Based Banding เพียงระบบเดียว

ให้เด็กนักเรียนสามารถเรียนวิชาในกลุ่มต่าง ๆ ตามความถนัดและความสนใจได้ (ไม่ว่าจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าสายของตัวเอง) และได้รับประกาศนียบัตรแบบเดียวกัน

.

“จะไม่มีปลาที่แยกกันว่ายน้ำในลำธารสามสายอีกต่อ ต่อไปนี้จะมีแม่น้ำสายใหญ่สายเดียว ที่ปลาแต่ละตัวได้เรียนบนหนทางของตัวเอง” - นายออง เย กัง

.

พวกเขาเชื่อว่าโรงเรียนจะสามารถแบ่งกลุ่มเด็ก ๆ ในรูปแบบอื่น ๆ ได้ โดยไม่ต้องแบ่งกลุ่มจากความสามารถทางวิชาการเพียงอย่างเดียว

ให้เกิดสังคมผสมผสาน และการช่วยเหลือกันและกันของเด็ก ๆ

.

การเปลี่ยนเเปลงครั้งนี้ช่วยให้...

- สร้างสังคมผสมผสาน และการช่วยเหลือกันและกันของเด็ก ๆ

- ลดทัศนคติด้านลบของการแบ่งสายตามความสามารถของเด็ก ๆ เพราะเด็ก ๆ ที่อยู่ในสายหรือลำธารที่มีภาพลักษณ์ด้อยกว่าสายอื่นอาจจะมีทัศนคติว่า “ฉันอยู่ในสายนี้เพราะฉันทำได้เเค่นี้เเหละ ฉันเก่งได้เเค่นี้” ซึ่งส่งผลให้ขาดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้และพัฒนาไปข้างหน้า

- เพิ่มความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้ในจังหวะที่เหมาะกับตัวเองในแต่ละวิชา เพราะไม่ใช่เด็กทุกคนจะเก่งทุกวิชา ทุกคนมีจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง

- สร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้กับอนาคตของเด็ก ๆ จากการได้เรียนวิชาหลากหลายที่ไม่ได้จำกัดแค่สายของตัวเอง

เทคนิคการสอน#ห้องเรียนต่างแดน#ไอเดียการสอน

ไอเดียนี้เป็นไงบ้าง?

0
ได้แรงบันดาลใจ
0
ลงไอเดียอีกน้า~
avatar-frame
แบ่งปันโดย
insinsKru
insKru Official Account เราจะคอยผลักดันและเชิญชวนคุณครูมาร่วมสร้างสรรค์ไอเดียการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการศึกษาไทยต่อไป

อยากร่วมแลกเปลี่ยน?

please login

แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru

เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย

icon-please-commentมาเป็นคนแรกที่แลกเปลี่ยนสิ!
credit idea

ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!

ไอเดียน่าอ่านต่อ