"จะทำยังไงให้เด็กเล็กเข้าใจว่ากระทงของเราจะกลายไปเป็นขยะในวันข้างหน้า ?”
ปกติทุกปีจะมีการทำกระทง แต่ปีที่ผ่านมาเทรนด์หยุดลอยกระทงมาแรง
เพราะเป็นการทำให้เกิดขยะ แม้จะเป็นสิ่งที่ย่อยสลายได้
แต่ถ้าเอาไปตู้ม ! มันก็ย่อยสลายไม่ทันกลายเป็นขยะมากมายในชั่วข้ามคืน
เราเลยคิดว่าสอนเหมือนเดิมไม่ได้แล้วเปลี่ยนเป็นว่า ความสำคัญของการลอยกระทงคือสิ่งนี้ ในฐานะครู ควรสอนว่าผลกระทบเกิดอะไรบ้าง
แต่ว่าโจทย์ก็ตามมาคือเด็กที่เราสอนเป็นเด็กอนุบาล
จะเอาข้อมูลเชิงสถิติมาอ้างก็ไม่ได้ ไปบอกเด็กปากเปล่าก็ไม่เก็ทเพราะเด็กเล็กมาก
เลยต้องทำให้เห็นว่า ถ้าเราลอยกระทงแล้วเวลาผ่านไป กระทงเรากลายเป็นขยะในแบบไหน
สิ่งที่ทำในคาบ
ลองให้เด็กเลือกกระทง
เราได้เอากระทงยอดฮิต 3 แบบมาให้เค้าดู คือ กระทงใบตอง กระทงขนมปัง และกระทงน้ำแข็ง จากนั้นก็ให้นักเรียนเลือกใครอยากลอยแบบไหน แล้วเดี๋ยววันนี้ครูพาไปลอยกระทง
ก่อนเอาไปลอย เราถามเด็ก ๆ ว่า ในกระทง 3 แบบนี้ถ้าเอาไปลอย คิดว่าอันไหนจะเหลือขยะในแม่น้ำเยอะที่สุด เด็กก็ตอบต่าง ๆ กันไป แต่เราก็ไม่ไปตัดสินว่าผิดหรือถูก เราแค่อยากได้สมมติฐานของเค้า
มาลอยกระทงกัน
จากนั้นก็ให้เด็ก ๆ เอากระทงที่ตัวเองเลือกไปลอยในกะละมังแยกตามประเภทกระทง
และให้เด็ก ๆ ได้ลองจุดไฟ ร้องเพลง แล้วลอยกระทงจริง ๆ ในกะละมัง
ปล่อยทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง ในระหว่างนั้นครูก็เตรียมรูปวัสดุส่วนประกอบในกระทงให้เด็ก ๆ ระบายสี
ไหนดูซิ เหลืออะไรในน้ำบ้าง
เมื่อครบเวลา เราพาเด็ก ๆ ไปดูกระทงที่ลอยทิ้งไว้ ภาพที่เกิดคือ ขนมปังก็เปื่อย ธูปเทียนมอด ครูชวนเด็กสังเกตกะละมังแต่ละใบที่ตัวเองเลือกไปลอย แล้วตั้งคำถามว่าเหลืออะไรบ้างในน้ำ
จากนั้นก็ให้เด็ก ๆ ไปสรุปผลในตารางที่ทำไว้ ว่าหลังจากผ่านเวลากระทงแต่ละแบบ เหลืออะไรบ้างจากที่ตาเห็น เนื่องจากเด็กยังเขียนหนังสือไม่ได้ จึงให้ใช้ภาพที่ระบายสีไว้แล้วตอนรอ เอามาติดในตารางสรุปผลว่าเหลืออะไรบ้าง เช่น ใบตอง ธูป เทียน เศษดอกไม้ เอามาเทียบกันว่าใน 3 แบบนี้อันไหนเหลือเศษเยอะสุด เอามาสรุปว่าเป็นตามที่เด็กเลือกจากการคาดคะเนตอนแรกหรือไม่
ด้วยความที่เค้าเป็นเด็กเล็ก ตอนแรกเราต้องนำเค้าทำกิจกรรมไปก่อนนิดนึง มากกว่าเด็กโต พอเค้าเริ่มจุดติด ก็จะเริ่มเข้าใจวิธีกระบวนการเค้าจะไปเอง บางกระบวนการเราก็ปล่อยเค้าได้ไม่ต้องนำแค่ตั้งคำถามกับเค้า หรือรวบรวมสิ่งที่เค้าพูดมองเป็นวิธีที่เค้าอยากเรียนให้ออก สรุปได้ว่ากระทงที่เหลือเยอะคือขนมปัง รองมาเป็นใบตองและน้ำแข็ง
สรุปแล้วเราจะลอยกระทงประเภทไหนดี
เราให้เค้าเรียงลำดับ ถ้าเป็นเด็กๆ เองอยากลอยกระทงแบบไหน ให้เหลือขยะน้อยสุด เค้าบอกว่าน้ำแข็ง แต่ยังเหลือขยะ
เราเลยชวนถามต่อว่า ทำอย่างไรให้ไม่เหลือเลย เด็ก ๆ ช่วยกันตอบ เช่น ก็ไม่ต้องใส่ดอกไม้ ในกระทง ไม่ต้องใส่ทูปเทียน ไม่ต้องลอย
หรือถ้าเราไปลอยกระทงเพราะเป็นการขอขมา ก็ไปขอโทษเฉย ๆ ไม่ต้องลอยเลย ลอยในกะละมัง ลอยแล้วเก็บทิ้ง
น้อง ๆ อยู่ในครอบครัวที่ไม่ค่อยพร้อมเข้าไม่ถึงเทคโนโลยีเท่าที่ควร บางคนที่บ้านไม่มีคอมหรือโทรทัศน์ เค้าไม่ค่อยทันเทคโนโลยีปัจจุบัน
พอเราถามว่าใครเคยลอยกระทงในอินเตอร์เน็ตบ้าง ก็ไม่มีใครเคยได้ยินเลย
เราเลยพาเด็ก ๆ ไปลอยกระทงในเน็ท ลองเปิดหน้าเว็บให้ดู เด็กชอบอะไรแบบนี้ นั่งดูกันนิ่งมาก ชอบมาก ว่าได้เห็นกระทงในทีวี เชื่อมคอมเข้าไป ให้ลองลอย ก็เลยถามว่าลอยแบบนี้มีขยะมั้ย เด็ก ๆ ตอบว่าไม่มี
ในคาบนั้น...
เด็ก ๆ ได้ลองสังเกตเก็บข้อมูลการทดลองเอง ปกติเราให้เค้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงการทดลอง จากสิ่งที่เค้าไม่เคยสังเกตมาก่อน เด็กลอยกระทงเสร็จก็จบไม่รู้ว่าหลังจากนั้นกระทงมันเป็นอย่างไร อาจะเป็นครั้งแรกที่เค้าได้รู้ว่ากระทงเค้าลอยแล้วเป็นอย่างไรหลังจากได้สังเกตเอง
เค้าได้เป็นคนเก็บข้อมูลเชิงสถิติเอง มาเปรียบเทียบกันว่าอะไรเหลือขยะเยอะสุด เปรียบเทียบข้อมูล ที่เค้าได้มาว่าอันไหนเยอะสุดหรือน้อยสุด ได้ลงมือทำเองทุกขั้นตอนโดยมีครูเป็นผู้สังเกตการณ์อีกที
หลังจากนั้น...
ได้เปลี่ยนความคิดของเค้า นอกจากอยากลอยเพราะอยากเที่ยวเล่น เกิดความคิดว่า การลอยกระทงนอกจากลอยเพื่อความสบายใจตัวเองแล้ว เราต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น และไม่สร้างขยะให้แม่น้ำ
ก่อนหน้านั้นเด็กรู้แค่ว่าลอยกระทงห้ามใช้โฟม เพราะไม่ย่อยสลาย แต่ไม่มีใครบอกอีกว่าการเอาขยะธรรมชาติมหาศาลไปโยนในเวลาอันสั้น การย่อยสลายเองใช้เวลา และไม่มีใครบอกว่ามันเป็นผลเสียต่อแม่น้ำในเรื่องมลภาวะทางน้ำ
เค้าได้รู้ว่าการลอยกระทงต่อให้ใช้วัสดุธรรมชาติ ก็เกิดขยะอยู่ดี เป็นครั้งแรกที่เค้าได้รับข้อมูลนี้ ที่การลอยกระทงบางครั้งก็ไม่ได้เป็นประเพณีที่สวยงาม ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
เด็กเล็กเป็นเหมือนฟองน้ำที่ซึมซับแล้วเก็บไว้
พัฒนาการบางอย่างเห็นผลช้า บางอย่างเห็นทันที ทุก ๆ วันเห็นเค้าพัฒนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปเรื่อย ๆ รู้สึกประทับใจ ในทุกหน่วยทุกเรื่องที่สอน
หลังจากวันลอยกระทงที่เป็นวันเสาร์ วันจันทร์เรามาถามเค้า
บางคนตอบว่าไปลอย แต่แทนที่จะทั้งครอบครัวคนละอัน ก็ลอยกับพี่พ่อแม่ทั้งบ้านอันเดียว อีกคนบอกไม่ลอย ไปลอยในเน็ท หนูลอยในกะละมัง
คือมันไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็น ด้วยความประเพณีเป็นค่านิยมที่อยู่มานาน เรามาเปลี่ยนชั่วข้ามคืนไม่ได้แต่เป็นสัญญาณที่ดี ให้เค้ารู้จักไม่สร้างภาระต่อคนอื่นและต่อแหล่งน้ำ
ตอนถามแล้วเค้าตอบกลับมาว่าไม่ลอย ลอยออนไลน์ ก็อ๋อ แสดงว่าที่เราสอนเค้าเข้าใจว่าเค้าควรไม่สร้างภาระให้แหล่งน้ำ
เค้าเข้าใจคอนเซปว่าวันลอยกระทงเป็นประเพณีที่ดี แต่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย