STAMPER Learning
เพิ่มนิดปรับหน่อย เปลี่ยนจากการเรียนการสอนที่ประเมินไม่ชัดไม่เห็นภาพ
เป็นการเรียนรู้ที่ชัดขึ้น ทั้งครูและนักเรียน
วัดง่าย เข้าใจตรงกัน เห็นภาพรวม ประยุกต์สอนต่อได้สบาย ๆ
.
“เด็ก ๆ ที่ครูสอนส่วนมาก เป็นเด็กไทยใหญ่ที่มีปัญหาโดยเฉพาะ ทักษะทางภาษา
ทำให้ขาดความมั่นใจในการแสดงความคิดเห็นในรูปแบบต่างๆ การเรียนรู้ในรูปแบบบูรณาการที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และ ส่งเสริมทักษะทางภาษา โดยเฉพาะภาษาธรรมชาติ (Whole Language) จะเป็นประโยชน์มากเป็นพิเศษสำหรับเด็ก ๆ กลุ่มนี้”
.
จากโอกาสที่ได้เข้าร่วมโครงการพื้นที่นวัตกรรมของจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีโอกาสพัฒนานวัตกรรมของตัวเองที่ต่อยอดมาจาก STEAM Design Process (เครื่องมือให้เด็กได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และทำงานอย่างเปลี่ยนระบบ พร้อมทั้งพัฒนาทักษะด้านสังคมและอารมณ์) และทฤษฎีของการศึกษาปฐมวัยต่าง ๆ
.
อัปเกรดเป็น STAMPER Learning ในระดับปฐมวัย
ต่อยอดกระบวนการเรียนการสอนให้สามารถบูรณาการได้ครบมากขึ้น
จุดเด่นคือเป็นทั้งขั้นตอนและการประเมินวิชาสำหรับคุณครู ครบจบในกระบวนการเดียว
STAMPER Learning
S - Science บูรณาการทักษะด้านวิทยาศาสตร์ การสังเกต ความเป็นเหตุและผลในข้อเท็จจริง
T - Technology การบูรณาการเทคโนโลยี สืบค้นข้อมูลสารสนเทศต่างๆ
A - Art ศิลปะ ทักษะการออกแบบผ่านศิลปะ เพื่อการสื่อสาร และส่งเสริมจินตนาการ
M - Math บูรณาการคณิตศาสตร์ การวัด ชั่ง ตวง และคิดคำนวณตามหลัก
P - Present ฝึกการนำเสนอ เพื่อการสื่อสาร และเสริมสร้างความมั่นใจในการพูด
E - Engineer ฝึกออกแบบ วางแผน และลงมือทำจริง
R - Response การให้และรับผลตอบรับ จากมุมมองและความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์
.
ภาพขั้นตอนการใช้ STAMPER Learning สำหรับผู้สอน
โดยระยะเวลาการใช้กระบวนการ STAMPER Learning นั้น จะใช้เวลาโดยประมาณ 1 สัปดาห์
.
การที่กระบวนการเรียนรู้นั้นแยกเป็น s-t-a-m-p-e-r นั้น
ทำให้นักเรียนมีขั้นตอนทำโครงงาน พัฒนาทีกษะด้านต่าง ๆ ที่ชัดเจน
และครูสามารถเห็นได้ง่าย ว่าเนื้อหาที่จัดให้นักเรียน
มีความครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน ในภาพรวมตลอดเทอม
อีกทั้งยังสามารถระบุได้ว่าแต่ละหัวข้อ มี s/t/a/m/p/e/ หรือ r เยอะแค่ไหน
ครูสามารถเช็ค และพัฒนาเพื่อให้เป็นไปตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่เราออกแบบไว้
.
ตัวอย่างการใช้ STAMPER Learning ในคาบเรียน
1 กิจกรรม ทุกกระบวนการ = ชื่อหน่วย อาหารดีมีประโยชน์ อนุบาล 3
S - สังเกตเปรียบเทียบผัก ผลไม้ ส่วนผสมต่างๆ ของอาหารดีมีประโยชน์แต่ละชนิด
T - ค้นหา สืบค้นอาหารดีมีประโยชน์ จากอินเทอร์เน็ต หนังสือ (มุมหนังสือ) ผู้ให้ข้อมูล เช่น ผู้ปกครอง คุณครู แม่ครัว และให้เด็ก ๆ ตัดสินใจเลือกข้อมูลสารสนเทศของกลุ่มตนเอง
A - วาดรูป วางแผน ออกแบบอาหารดีมีประโยชน์ของกลุ่มตนเองว่าจะทำอะไร มีลักษณะยังไง (นำกระบวนการ STEAM Design Process มาให้เด็กใช้ในการออกแบบ)
M - รู้จักรูปร่าง สี จำนวน การชั่ง วัดปริมาณ ของส่วนผสมต่าง ๆ เพื่อนำมาใส่ในส่วนผสมของกลุ่มตนเอง
P- ฝึกการนำเสนอหน้าชั้นเรียนให้เพื่อนกลุ่มอื่น ๆ ฟัง ว่ากลุ่มของตนเองเกิดผลอย่างไรบ้าง ตรงกับที่วางแผนไว้หรือไม่ และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
E- ออกแบบและสร้างสรรค์ออกมา วิธีการต่างๆ ต้องผ่านกระบวนการหรือขั้นตอนอะไรบ้าง
R- หลังจากนำเสนอ เปิดโอกาสให้เพื่อนสะท้อนความคิดเห็นกลับมา ว่าการทำงานของกลุ่มนี้เป็นอย่างไร รสชาติของอาหารเป็นยังไง การเติมปริมาณของส่วนผสมต่าง ๆ ควรใส่กี่ช้อน มีผลเป็นยังไง เพื่อยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น
คำแนะนำ
ติดตามห้องเรียนของครูพิมได้ที่