“เราจะทำอย่างไร ให้นักเรียนที่โดนบังคับเรียนวิชาเคมีทั้งวิทย์เทพและอาร์ทติส เรียนได้อย่างมีความสุขและมีความหมาย”
เป้าหมาย - วิชาเคมีที่ออกแบบให้เด็กทุกสาย
ที่โรงเรียนม.ปลายไม่ได้แบ่งวิทย์ศิลป์ แต่มีวิชาพื้นฐาน ที่นักเรียนม.ปลายทุกคนควรได้เรียนรู้ เพื่อเป็นประโยชน์กับตัวเอง
วิชานี้เป็นวิชาพื้นฐาน มีเงื่อนไขว่า ไม่ว่าผู้เรียนจะเลือกลงลึกไปทาง learning area ไหน เราต้องสร้างบทเรียนให้มีความหมาย แล้วทุกคนได้ประโยชน์จากการเรียนวิชานี้
ให้ผู้เรียนเห็นความสำคัญว่าโพลิเมอร์นั้นอยู่ในรอบตัวในชีวิต และเมื่อได้เรียนรู้แล้วจะได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์
บทเรียนนี้สอนเป็น team teaching ประกอบด้วยผู้สอน 2 บทบาท อ.ป๊อก ผู้เชี่ยวชาญเนื้อหาวิชา อ.ศิ ครูกระบวนกร ผู้สนในเคมีที่เป็นทั้ง learning designer และ facilitator เราจึงเริ่มต้นด้วยการที่ อ.ป๊อก นำ core content บทเรียนมากาง แล้ว ครูศิ ก็เริ่มวางแผนการออกแบบบทเรียน
‘ทำอย่างไรให้เค้า มีความสนใจเข้าใจเห็นความสำคัญ ของการเรียนเรื่องนี้’
วิชาเคมีในชีวิตประจำวัน จึงออกแบบให้เป็นวิชาเคมีที่ให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้ และเป็นประโยชน์ในการนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตจริง
เลยออกแบบให้มีหลายช่วงหลายตอน เพื่อเด็กที่มีความแตกต่างกัน เนื่องจากวิชานี้เป็นพื้นฐานของเด็กทุกคน ต้องให้เค้ารู้ว่าจะไปต่อกับเรื่องนี้มั้ย
แบ่งคาบเคมีแบบ 70: 30
เราแบ่งการสอนเป็น 2 ส่วน
1) 70% เนื้อหา Polymer และความเกี่ยวข้องกับตัวเรา
2) 30% แบ่งเป็น 3 ทางเลือกสำหรับผู้เรียนที่มีความแตกต่างกัน
70%
ช่วงที่ 1
โจทย์คือ ต้องหาตัวอย่างให้นักเรียนเห็นสิ่งเหล่านี้
ตัวอย่างที่ใช้ประกอบการสอนจากครู : กล่องเอนกประสงค์ของ Muji
จากการชอบเก็บของไว้ในรถพบว่ากล่องพลาสติกบางอย่างก็กรอบง่าย บางอย่างทนกว่า แต่เลือก Muji เพราะความที่เป็นพลาสติกที่ไม่แข็งเปราะ และความทนทานในอุณหภูมิที่เหวี่ยง ๆ ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวอย่างกับเนื้อหา Polymer :
สามารถนำคุณสมบัติของ Polymer มาอธิบายได้ เช่น ทำไมของคล้าย ๆ กัน มีหลายราคา มีหลากหลายการใช้งาน
เพื่อให้เห็นความหลากหลายและคุณประโยชน์ของ Polymer เราต้องเลือกตัวอย่างที่เกี่ยวโยงกับทุก ๆ คน โดยพยายามเลือกตัวอย่างให้ไปช้อนนักเรียน ที่ยังไม่เห็นเวทมนต์ของเคมี ให้หันมามองได้
ตัวอย่างที่ใช้กับนักเรียน : เราต้องเฝ้าสังเกตการความสนใจของนักเรียนมาแล้ว เช่น
สายกีฬา - พื้นรองเท้ากีฬาประเภทต่าง ๆ ยกตัวอย่างด้วย Air Jordan
สายกีตาร์ - กระจกอะคูสติก
ผลลัพธ์ : นักดนตรี นักกีฬา หันมาหมดจ้ะ แถมยังเป็นกูรูอธิบายรายละเอียดบางอย่างเพิ่มให้ด้วย
ช่วงที่ 2
30%
แบ่งนักเรียนเป็น 3 ทางเลือก
1. เรียนรู้เรื่องที่ลึกลงไปอีก
2. สังเกตปฏิกิริยาของ Slime จากการทดลอง
3. ไม่อยากไปต่อแล้ว ขอพักก่อน
สิ่งที่เราเห็น:
“อีกอย่างที่สังเกตเห็นคือบรรยากาศที่ นักเรียนเอื้อกันเอง และเอื้อโอกาสให้ครูพร้อมให้ความรู้ พร้อมเรียน ก่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการเรียนรู้”
ผลลัพธ์
ผู้เรียนรู้
เด็กจะรู้จักตัวเอง ได้รู้ตัวว่า เค้าอยากไปแค่ไหน กับบทเรียนแบบนี้ ทำให้ได้รู้สึกว่า จริง ๆ แล้ว
วิทยาศาสตร์อยู่รอบตัว ไม่ใช่เรื่องยาก เรียนรู้ให้เข้าใจ concept และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ต่อ ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
หรือเตรียมไปต่อสำหรับการเรียนเคมีที่ลงลึกมากขึ้นก็ได้
ผู้ร่วมสร้างสรรค์
เด็กบางคนอิน slime มากเลย ไปทำต่อ ไปลองสูตรอื่น มาถามว่าเอาอันนี้นั้นมาเพิ่ม เอาสบู่เหลวไปทำได้มั้ย เด็กมีความสนใจ แสดงความคิดเห็น ถามอยากรู้ลึกขึ้น เริ่มมีการ engage มากขึ้น
เด็กใช้สายตาจากเคมีไปมองเรื่องอื่นนอกห้องเรียน เช่น น้ำมันทอดซ้ำ คุณสมบัติของทรายแมว การทำงานแบตเตอรี่ องค์ประกอบของยาย้อมสีผม
เค้าเอาข้อมูลที่เรียนในห้องไปวิเคราะห์สิ่งที่เค้าเห็นอยู่ แล้วมาเล่าให้ฟัง ตรงนี้เป็นความรู้ที่เรานึกไม่ถึง เป็นการผนวกเคมีในห้องกับสิ่งที่เค้าสนใจ
Reflection
ชวนให้รู้สึกว่าวิทยาศาสตร์อยู่รอบตัว ไม่ใช่เรื่องยาก ให้นักเรียนรู้ตัวเองว่าอยากไปต่อกับเรื่องนี้ไหม ชอบเรื่องนี้ไหม และทำให้นักเรียนเริ่มมีการเชื่อมโยงสิ่งรอบตัว ที่ตัวเองสนใจนอกห้องเรียนกับเรื่องที่เรียน