“เราจะขุดยังไง เราจะขุดที่ไหน เราจะใช้อะไรขุดดีครู !?!”
คำถามของนักเรียนที่พรั่งพรูมาอย่างตื่นเต้น
เมื่อรู้ว่าในดินที่โรงเรียนมีอะไรซ่อนอยู่
เรื่องมีอยู่ว่า เด็กชั้น ป.5 คนหนึ่งตั้งคำถามว่า ไม่อยากเรียนหนังสือในห้องแล้ว
ทำไมเราไม่ออกไปทำงาน แล้วได้เรียนหลาย ๆ วิชา
ด้วยความเคยเป็นนักโบราณคดีมาก่อน
เราเลยเกิดไอเดีย เพื่อสนองความอยากรู้ของเด็ก ๆ
โดยจะให้ออกไปขุดดินดีกว่า เพราะใต้ดิน มีอะไรมากมายให้เด็กเรียน
“ดีค่ะครู...แม่ชอบว่าหนูทำอะไรไม่เป็นเลย
หนูจะทำให้ทุกคนเห็น” นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
หลังจากนั้นเราชวนครูทุกสาระมาคุยกัน..และแล้วแผนปฏิบัติการเงียบ ๆ เพื่อเปิดหน้าดิน หาพื้นที่เรียนรู้ใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นในโรงเรียนต้นกล้า
สรุปได้ว่าเราจะเอาหลักฐานทางโบราณคดีไปฝัง
และจะให้เด็กขุด โดยไม่บอกให้เด็กรู้
ครูคณิตวางแผนเพื่อให้เด็กวางผังหลุม วัดขนาด หาตำแหน่งทิศ พร้อมเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ตลับเมตร เข็มทิศ อีกทั้งครูต้องวางแผนซ่อนหลักฐานไว้ เพื่อให้ค้นหาซึ่ง เด็กจะต้องระบุตำแหน่งของหลักฐานได้ด้วยคณิตศาสตร์
ครูศิลปะ เตรียมเด็กป.5 ปั้นหม้อจากดินเหนียว นำเด็กป.4 เรียนรู้ลวดลายต่าง ๆ บนภาชนะดินเผาบ้านเชียง เพื่อจะวาดลวดลาย
หลังจากพี่ ๆ ป. 5 ป. ป.6 ขุดพบแล้ว
ครูภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เตรียมชวนนักเรียนค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ทั้งอังกฤษและไทย
เพื่อนำเสนอเรื่องราวในขั้นการสรุป
การเรียนรู้ Banchiang Module นี้ จึงบูรณาการหลาหลายวิชา
และได้เรียนตั้งแต่ชั้นป. 4 - ป. 6
เมื่อแผนการเรียบร้อย พวกเราช่วยกันหาของ
ที่มีความใกล้เคียงกับยุคสมัยบ้านเชียง
ขุดหลุมลึกกว่า 1 เมตร ในยามที่เด็กไม่เห็น
แล้วต้องกลบให้เนียนที่สุด ทิ้งไว้ประมาณ 10 วัน
พอถึงคาบที่ต้องสอนหลักฐานทางประวัติศาสตร์
เราเอาภาพงานโบราณคดีทั้งในต่างประเทศ
และของไทยมาให้เด็ก ๆ ดู ชวนคิด ชวนคุย
แล้วพาออกไปเดินสำรวจรอบ ๆ โรงเรียน
“เค้าไปหาหลักฐานจากไหนหรอ”
“เค้าขุด แล้วจะไม่พังหรอ”
“อยากขุดมากเลยค่ะ ต้องขุดเร็วแค่ไหน”
เด็ก ๆ อยากจะออกจากห้องเรียนลูกเดียวเลย
เรากระตุ้นการเรียนรู้เด็กสำเร็จละ..!
เด็กป.5 ป. 6 ลงมือขุด 6 วันตลอดทั้งบ่าย สัปดาห์ละ 2 วัน
พอกินข้าวเสร็จปุ๊บ รีบใส่รองเท้าออกไปขุดกันทันที
เด็ก ๆ ได้ลองแบ่งหน้าที่กันขุด เป็น Supervisor Discoverer และ Recorder
เด็กก็มีความสุขกับการลงมือทำ
ค่อย ๆ ใช้เกรียงเซาะดินไปเรื่อย ๆ ดินหนักก็ต้องขุด ก็ต้องขน
ซึ่งต้องใช้ความอดทน พยายามมาก หลุมขุดค้นทางโบราณคดีต้องสะอาด แต่งผนังหลุมตรง สวยงาม สิ่งของที่ขุดพบทั้งลูกปัด เศษภาชนะดินเผา ต้องล้าง ตาก บันทึก และเก็บทั้งหมด
วันที่ 1 ไม่เจอ วันที่ 2 ก็ไม่เจอ แต่ทุกคนยังไม่ท้อ
แม้บางวันฝนตกเด็กๆก็ไม่ยอมหยุด
“ครูครับ ลงมือแล้ว ไม่เจอ เราไม่หยุดครับ ” นักเรียนชายคนหนึ่งพูดขึ้น
เข้าบ่ายแก่ๆ ของการขุดวันที่ 3
“ เราเจอแล้วครู..! ” เสียงหนึ่งดังขึ้น เท่านั่นแหละ เสียงเฮ ! ก็ลั่นหลุม
“ อันนี้เหมือนของบ้านเชียง ที่ครูให้ดูเลย ! ”
เด็กตื่นเต้นกันมาก
ขุดไป เรียนไป แบบนี้ก็ได้เหรอ
เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ขั้นตอนงานโบราณคดี เรียนรู้การแต่งโครงกระดูก ภาชนะดินเผา และอาวุธโบราณ ในหลุมขุดค้น เช่นใช้ลูกยางเป่าลม ใช้แปรงปัด ใช้เครื่องมือแกะสลัก ...ทำงานอย่างช้าและละเอียดมาก ๆ
“พวกเราเป็นนักโบราณคดีแล้วเหรอนี่.. เหมือนงานของหมอเลยค่ะ ! ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
เด็กอีกคนวาดรูป วัดระดับความลึกจากขอบหลุม
Drawing หลักฐาน ค้นคว้าข้อมูล เพื่อนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษ
เด็กทำได้ดีเกินที่ครูทุกคนคิดมาก ๆ
มันเรียนไปไกลเกินกว่าที่เราจะสอนไปอีก
เด็ก ๆ เรียนรู้ และฝึกใช้งานตลับเมตร ลูกดิ่ง ลูกน้ำ รวมทั้งฝ่าย Record ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเขียนอีก...ดูแล้วทุกเรื่องมันแสนจะตื่นเต้น...สับสน...พื้นที่ในหลุมและ บนหลุมวันนั้นจึงเต็มไปด้วยคำถามมากมายของเด็ก ๆ ...อยากรู้ อยากลอง ไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ
หลังจากนั้นเด็กเล่าให้ฟังว่าเวลา
ออกไปท่องเที่ยวเค้าค้นคว้ามากขึ้น
เขากระหายที่อยากจะเรียนรู้
ทำไม เพราะอะไร ทำไมชั้นดินที่แตกต่างกัน
สามารถเป็นยุคสมัยที่แตกต่างกันของมนุษย์ได้
ผมค้นพบว่าสอนแบบนี้ไม่ยากอย่างที่คิดเลย
และเห็นชัดว่า โลกการเรียนรู้ของเด็ก ๆ เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะเรื่องใหม่ ๆ ที่ท้าทาย แต่จะยิ่งมีความสุข และสนุกมาก หรือได้เสริมสร้างจินตนาการด้วยแล้ว พื้นที่การเรียนรู้นั้น ๆ เด็ก ๆ ต้องได้ลงมือทำ ได้คิด ได้วางแผน ได้ผ่านอุปสรรคของการทำงาน รวมทั้งได้เรียนรู้ถูกผิดก็จะยิ่งดีมาก ๆ