โครงงานนี้ครูชอบมากที่สุด แต่ก็โดนติงกลับมามากที่สุดเหมือนกัน...
“เมื่อฉันไม่ใช่ฉัน แล้วฉันเป็นใคร”
วันนี้เราอยากจะลองเป็นใครดีนะ
ครูสอนชั้นอนุบาลอยู่ในโรงเรียนที่มีเด็ก ๆ หลากหลายชาติพันธุ์
หลาย ๆ คนยังไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้เข้าใจนัก การเรียนการสอนแบบ “maker” เลยเป็นกระบวนการที่เหมาะกับเด็ก ๆ มาก ๆ เป็นการเรียนที่เน้นการลงมือทำตามจินตนาการของเด็ก ๆ ซึ่งได้ทดลองโดยไม่มีผิดมีถูก แต่เน้นการเปิดโลกทัศน์ที่แปลกใหม่
กิจกรรมนี้เป็นการเรียนแบบบูรณาการ เรื่องเครื่องแต่งกายประจำฤดูกาล
เด็ก ๆ ได้คิดเองว่าอยากเป็นใคร ถ้าเขาไม่ใช่ตัวเอง เด็ก ๆ ได้มีโอกาสสวมบทบาทต่าง ๆ แต่งตัวในแบบต่าง ๆ ที่ปกติไม่เคยแต่ง โดยไม่มีการตัดสิน
Ask, Imagine, Plan
Create, Reflect
ครูมองว่ากิจกรรมนี้คือการสร้างสรรค์ และการทดลองสวมบทบาทและตัวตนต่าง ๆ ที่เด็ก ๆ สามารถจินตนาการได้ ... เมื่อฉันไม่ใช่ฉัน
แต่เป็นเคสที่ทางการเมื่อมาตรวจแล้วไม่ปลื้ม ด้วยเหตุผลที่ว่า เด็กผู้ชายไม่ควรแต่งหญิง
ซึ่งครูมองว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรห้าม แต่เป็นสิ่งที่ควรให้พื้นที่เด็ก ๆ ในการสำรวจและ
ทดลอง และก้าวข้ามความไม่กล้าของตนเอง
ความสำคัญคือการที่เด็ก ๆ กล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงออก
กล้าที่จะลองแต่งเป็นคนอื่น เป็นแบบอื่น และได้ลองแสดงออกในรูปแบบนั้น
เด็ก ๆ สนุกกันมาก ๆ สนุกจนไม่มีใครเขินอาย แม้แต่เด็กที่เรียบร้อยมาก ๆ ยังแต่งสาวเดินโชว์เพื่อนอย่างมั่นใจ
ผู้ใหญ่บางคนมองว่าเด็ก ๆ ไม่ควรทำอะไรต่าง ๆ หรือ ทำอย่างโน้นอย่างนี้ไม่ได้หรอก
แต่เรามองว่า ถ้าเขาอยากจะลองอะไร ก็ควรจะได้ลอง
เราควรสร้างพื้นที่การเรียนที่นักเรียนได้ทดลองด้วยเอง ได้ ฝึกทำสิ่งต่าง ๆ และพวกเขาจะได้เรียนรู้เป็นไปตามเป้าหมายที่เราได้วางไว้
ครูจะภูมิใจเสมอเวลาเด็ก ๆ พูดว่า "ครูไม่ต้องทำ ไม่ต้องช่วยหนู หนูทำเองได้"
มันเป็นการเปิดโลกทั้งใบของเขา โลกกว้างกว่าที่เคย และโลกที่ไม่ใช่ฉัน แต่ฉันแค่อยากเป็น