จุดเริ่มต้นของการออกแบบบทเรียนนี้คือ ครูในทีมกลุ่มประสบการณ์มนุษย์กับสังคม ต้องการให้นักเรียนเริ่มต้นเรียนรู้จากเรื่องใกล้ตัวที่สุด ก็คือเรื่องตัวเอง ก่อนจะขยายไปสู่ความสัมพันธ์ของตัวเองกับคนอื่นในสังคม จึงย้อนไปสู่คำถามที่ว่า “มนุษย์คือใคร มาจากไหน” ซึ่งก็มีคำอธิบายทั้งในแง่มุมของศาสนา วัฒนธรรม หรือกระทั่งวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา
คาบเรียน “กำเนิดมนุษย์”
เราและทีมลองผสมประวัติศาสตร์ ศาสนา ความรู้วิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน
โดยยกเรื่อง “การกำเนิดมนุษย์” มาเป็นจุดตั้งต้นว่าแท้จริงแล้วตัวเรามาจากไหนกัน มีใครอธิบายไว้ยังไงบ้าง
ก่อนมาเรียน
ให้นักเรียนอ่านเรื่องกำเนิดมนุษย์ ตามความเชื่อหรือคำสอนของศาสนาและวัฒนธรรมต่าง ๆ รวมถึงอ่านคำอธิบายกำเนิดมนุษย์แบบวิทยาศาสตร์ วิวัฒนาการของมนุษย์
ในห้องเรียน
เราชวนเด็กคิด ชวนให้ดูจุดร่วมจุดต่างของเรื่องเล่ากำเนิดมนุษย์ที่อ่านมา เช่น คุยกันว่าศาสนาไหนเชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างมนุษย์บ้าง คำอธิบายของศาสนาหรือวัฒนธรรมต่างกับความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ยังไง
งั้นมาลองเล่าคำอธิบายในแบบของตัวเองกัน
ให้เด็กแต่งเรื่องเล่ากำเนิดมนุษย์แบบของตัวเอง
ทำงานเดี่ยว ให้เขียนเล่าประมาณหนึ่งย่อหน้า
โดยโจทย์กำหนดให้ใส่บริบทสังคมในปัจจุบันไปด้วย เช่น Social Media เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ เป็นส่วนหนึ่งในการอธิบายเรื่องกำเนิดมนุษย์
เรื่องที่เด็กแต่งออกมาน่าสนใจมาก ๆ
เช่น พระเจ้าดาวน์โหลดความรู้ผ่าน google ให้มนุษย์มีความรู้
เด็กได้สร้างสรรค์คำอธิบายใหม่ ๆ ออกมา โดยอ้างอิงจากโลกท่ีเข้ารู้จัก ชีวิตที่เขาเข้าใจ
วงคุย แลกเปลี่ยนเรื่องเล่า
หลังจากเด็กแต่งเรื่องเสร็จ ก็ทำเป็นวงพูดคุย ให้มาเล่าเรื่องที่ตัวเองแต่ง แล้วถามว่าทำไมแต่งแบบนี้ ชวนถอดสิ่งที่เด็กได้อ่านมากับเรื่องที่แต่งขึ้น
ส่งผลต่อเราอย่างไร
เราชวนเด็ก ๆ ตั้งข้อสังเกตว่า คำอธิบายเรื่องกำเนิดมนุษย์มีหลากหลายมาก เปลี่ยนไปได้ตามแต่เครื่องมือที่สังคมหรือยุคสมัยนั้นมี หรือความรู้ที่สังคมนั้นมี ในสมัยที่เครื่องมือความรู้วิทยาศาสตร์ยังมีไม่มากเท่าไร เราก็อธิบายผ่านความเชื่อ ความศรัทธา หรือคำสอนทางศาสนา
ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางศาสนาหรือวิทยาศาสตร์
ทุกอย่างเป็นคำอธิบายเหมือนกันหมด
คือเป็นเรื่องเล่าที่ช่วยอธิบายให้เราเข้าใจโลกและสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
ในมุมมองเรา คาบเรียนนี้ส่งเสริมให้เป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง เพราะได้พาไปสำรวจความแตกต่างหลากหลายของเรื่องเล่า “กำเนิดมนุษย์” ที่แต่ละสังคมวัฒนธรรมมี ช่วยสะท้อนให้นักเรียนเห็นว่าแต่ละสังคมวัฒนธรรมก็ความรู้ ความคิด ความเชื่อที่ต่างกันได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องว่าอะไรดีกว่าอะไร
คาบนี้ส่งเสริมให้นักเรียนเป็นผู้เรียนรู้ เพราะเขาได้ทำงานกับที่มาที่ไปของเรื่องเล่า “กำเนิดมนุษย์” ให้เด็กเห็นว่าข้อมูลที่เขารับรู้ คนเขียนหรือผู้สร้างข้อมูลมีอิทธิพลกับเรื่องเล่านั้นยังไงบ้าง ทำให้เขากลับไปตั้งคำถามกับข้อมูลต่าง ๆ ที่พบเจอในชีวิต ว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนเล่า เล่าด้วยจุดยืนหรือบริบทแบบไหน เครื่องมือและความรู้ที่ใช้เล่าคืออะไร เพื่อจะได้เข้าใจและเท่าทันกับข้อมูลข่าวสารที่เขาได้รับ
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!