Learning แบบนั่งนิ่งนิ่ง VS Learning by doing
“ครูสอนเด็ก พูดไปบรรยายไป แต่เด็กนั่งนิ่ง ๆ หรือไม่ครูก็สั่งให้เด็กนั่งนิ่ง ๆ เอง หรือไม่ก็ครูถามเด็กแล้วให้เด็กตอบ แต่เด็กก็นั่งนิ่งนิ่งอีก ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น”
จากข้อความดังกล่าว คาบเรียนของผมจึงเน้นไปที่ Learning by doing ไม่ต้องนั่งนิ่ง ๆ ฟังครูต้น อีกต่อไป
Self-Talk คุยกับตัวเองเพื่อสร้างชีวิตที่ดีขึ้น
จากที่ครูต้นได้ศึกษาเรื่อง self-talk พบว่าการพูดคุยกับตัวเองคือหนทางหนึ่งในการ เริ่มรักตัวเอง
เพราะภาษาที่เราใช้จะมีผลต่อมุมมองต่อโลกของเรา ส่งผล ไปถึงความสัมพันธ์กับผู้อื่น และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ของเราด้วย
ดังนั้นการพูดจาของเราบ่งบอกถึงการที่เรามองเห็นตัวของเราเอง ว่าเป็นอย่างไร และครูต้นเชื่อว่าการมี “บทสนทนากับตัวเอง” จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความจำ สมาธิและอื่น ๆ
นำมาจัดกิจกรรมในชั้นเรียน 2 คาบ
คาบที่ 1 รู้จักกันมากขึ้น
1. ให้ทุกคนในห้องได้รู้จักกันมากขึ้น โดยครูต้นมีชุดคำถามให้นักเรียนได้ เข้าไปสัมภาษณ์เพื่อน สัมภาษณ์คนไหนก็ได้ คำถามละ 1 คน เพียงให้รู้จักกันมากขึ้น คุ้นเคยกันพร้อมที่จะเปิดใจเรียนรู้ไปด้วยกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังกิจกรรม
เกิดความสนุกสนานกันมาก เพราะคำถามสัมภาษณ์อยู่ที่นักเรียน แต่คำตอบของนักเรียนอยู่ที่เพื่อน จึงเกิดความตื่นเต้นไปพร้อมกับความสนุก บางคนก็แลกกันถามในข้อเดียวกัน
ที่น่าสนใจคือ นักเรียนเลือกถามคำถามนี้เฉพาะกับเพื่อนคนนี้ เช่น ถ้าเปรียบตัวเองเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง นักเรียนเลือกที่จะถามเพื่อนคนนี้
หรือว่าคำถามความฝันในวัยเด็ก นักเรียนก็เลือกถามอีกคนหนึ่ง นี่คือจุดที่ส่งผลให้เด็ก ๆ ได้คิดว่า มีคนคิดแบบเดียวกับเรา
คาบที่ 2 สร้างคำถามขึ้นมาเอง
1. ให้นักเรียนได้สร้างคำถามขึ้นมาเองจากกระบวนการเดี่ยว สู่กระบวนการกลุ่ม เรื่องความคิด ความรู้สึก การศึกษา อนาคต หรือเป็นคำถามเชิงสมมติ
2. ให้การบ้านโดยให้เวลาทำ 2 เดือน
ครูต้นให้การบ้านนักเรียนเกี่ยวกับ การ Self-talk เพื่อสร้างความสุข ประมาณว่า
2.1 ออกแบบวิธีคุยกับตัวเอง หรือสร้างคำถามมาสัมภาษณ์ตัวเอง สมมติว่าตัวเองเป็นพิธีกรสัมภาษณ์แขกรับเชิญ ประมาณนี้
จะสามารถทำให้นักเรียนเข้าใจตัวเองมากขึ้น
ตรงนี้ส่งผลให้นักเรียนได้รู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักความชอบของตนเอง นักเรียนได้สื่อสารกับตัวเอง ทำให้รู้ถึงเป้าหมาย จากคำถามนั้น ความสุขเกิดขึ้นในระหว่างการสร้างคำถาม
ที่มาของแนวคิด https://www.welovebookpacker.com/self-talk/
ผลลัพธ์และความประทับใจ
วัตถุประสงค์หลักของครูต้นคือ Career Exploration and Self-Awareness กิจกรรมจึงเป็นไปเพื่อค้นหาความอยาก ความชอบ จุดแข็ง-จุดอ่อน อาชีพที่มีอยู่ อาชีพที่ยังไม่เกิดขึ้น อุปสรรคในชีวิต โอกาสที่อยากไขว่คว้า สถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจ สังคม
ดังนั้นคำถามที่เด็ก ๆ สร้างขึ้นจึงมีความสัมพันธ์กับเรื่องราวเหล่านี้ แม้แต่คำถามที่ว่า ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรี ฉันจะ… ก็น่าฟังมาก
สรุปได้ว่า เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ไปตามวัตถุประสงค์ เพราะการบ้านที่ให้ทำ ครูต้นได้ตรวจคำถามที่เด็ก ๆ สร้างขึ้นว่าโอเคแล้วหรือยัง
ความประทับใจไม่ได้มาจากผลลัพธ์อ่ะครับ มันเกิดขึ้นระหว่างทาง
นักเรียนได้นั่งคุยกับตัวเองแบบไม่รู้ตัว เค้าได้ถามตนเอง ได้เตือนตนเอง ได้ค้นคว้าคำตอบ เด็ก ๆ ต้องตอบตัวเองให้ได้ ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น และที่สำคัญคือเด็ก ๆ เข้าใจตัวเองมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นไปด้วย
สิ่งที่อยากบอกต่อ
ครูต้นก็คิดว่าครูต้นทำงานไปตามปรัชญาการแนะแนวครับ
การแนะแนว หมายถึง กระบวนการทางการศึกษาที่ช่วยให้ บุคคลรู้จัก และเข้าใจตนเองและสิ่งแวดล้อม สามารถนำตนเองได้ แก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง และพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพ ปฏิบัติตนให้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม และขอยกคำพูดของโสคราติส (Socrates. 469-399 B.C.) มาเป็นหลักการสักเล็กน้อยนะครับ
เพราะเขาเป็นบุคคลแรกที่มองเห็นคุณค่า และความสำคัญของการรู้จักตนเอง โดยเขาได้กล่าวว่า
“จงรู้จักตนเอง (Know yourself) และกล่าวว่าชีวิตที่ไม่รู้จักตนเองเป็นชีวิตที่ไม่มีค่า (An unexamined life is not worth living) ชีวิตของบุคคลนั้นจะเป็นชีวิตที่มีคุณค่าหรือไม่นั้น อยู่ที่การที่บุคคลนั้นรู้จักหรือสำรวจตนเอง หรือตระหนักรู้ว่า ชีวิตคืออะไร กำลังทำอะไรอยู่และมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร”