เวลาสอนเรื่องเมฆเป็นเรื่องที่ปราบเซียน
ส่วนใหญ่ก็จะให้เด็กจำชื่อเมฆแต่ละชนิด
แล้วก็จบไป...
...แต่ด้วยความที่เราสนใจวิทยาศาสตร์กับวัฒนธรรม
และได้แรงบันดาลใจมาจากโพสต์นึง ที่เขานำลักษณะของเมฆ
ไปเชื่อมโยงกับสิ่งรอบตัวชุมชน
บริบทของเด็กของเราที่ปัตตานี
คงมีภูมิปัญญาชาวบ้านเกี่ยวกับเรื่องลมฟ้าอากาศมีมากมาย
เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินคำพูดที่คนในชุมชนพูดคุยกัน
เช่น ฝนตกปรอย ๆ ภาษาใต้จะใช้คำว่า ฝนลงดอก
ในบางพื้นที่เมฆในภาษาอีสาน เรียกว่า ฟ้าลายเห็ดบด
เเต่ภาษาใต้ เรียกว่า “แกล๊ดฝ่า” ซึ่งมีที่มาของชื่อเหล่านั้น
ทำให้เราอยากรู้เพิ่มเติมว่า เเล้วในภาษามลายูหรือภาษาใต้
มีคำพูดที่เกี่ยวกับลมฟ้าอากาศอะไรบ้าง
เราเลยชวนเด็ก ๆ ไปหาคำตอบจากคนรอบตัว
เด็กอาจจะไปถามปู่ย่าตายายของเขาถึงที่มาของชื่อ
ชื่อเหล่านั้นอาจจะเป็นตำนานบางอย่าง
ได้สร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวอีกด้วย
จากนั้นเรารวบรวมข้อค้นพบจากนักเรียน
มาชวนหาความเชื่อมโยง
ข้อค้นพบเหล่านั้นกับคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
เมื่อเด็กไปถามคุณยาย ก็ไปเจอว่าจะเรียกเมฆชนิดหนึ่งว่า
“ซีซีอีแก” เป็นภาษามาลายู ที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า เกล็ดปลา
อะไรทำให้เกิดปราฏการเมฆเกล็ดปลากัน
และสภาพอากาศมักจะมาพร้อมความเชื่อ
“คุณย่าไม่ให้ผมออกไปตอนเมฆสีครึ้ม ๆ เพราะจะโชคร้าย”
“เวลาท้องฟ้าเป็นแบบนี้ เขาว่าไม่ให้ออกทะเล”
เราก็ชวนคุยต่อว่าถ้ามองในมุมวิทยาศาสตร์
อธิบายเรื่องนี้ไว้ว่าอะไร
ภูมิปัญญาเหล่านี้หากมันไม่ถูกคุยกัน
บางอันก็จะกลายเป็น fake news
บอกต่อ ๆ ด้วยความเชื่อ
แต่การชวนเด็กคุยแบบนี้มันทำให้เขาตั้งคำถาม
กับสิ่งที่บอกต่อ ๆ กันมาในชุมชนมากขึ้น
กลายเป็นพลเมืองเข็มแข็ง
เมื่อรู้จักตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ครูครับทำไมเราไม่ตั้งชื่อเมฆให้มันง่ายกว่านี้
เช่น ตั้งชื่อเมฆว่า แฮมเบอร์เกอร์”
“เราคิดว่าทำไมล่ะ”
“เค้าคงตั้งเพื่อให้มันเหมือนทั่วโลกเพื่อให้รู้เรื่องมั้งครับ”
คาบเรียนนี้เลยไปไกลกว่าชื่อเมฆที่ถูกตั้งขึ้น
แต่ไปถึงการพูดคุย ถกเถียงกัน
และเราก็ได้ความรู้ใหม่ ๆ จากเด็ก ๆ ไปในตัว
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!