จากคาบโฮมรูมในวีคที่ผ่านมา
พยายามสร้าง safe zone ให้นร.ประจำชั้นของตัวเอง
ด้วยเพลง I have a voice ที่มีเด็กร้องเพลงประสานเสียงกัน
ซึ่งพยายามจะสื่อให้นร.รู้สึกว่า เสียงของตัวเองมีคุณค่า
เราถามนร.ว่า : 'เคยรู้สึกว่ามีเรื่องราวมากมาย ที่อยากจะเล่าให้ใครสักคนฟัง แต่กลัวว่าเขาไม่อยากฟังบ้างไหมคะ ?'
นร.ทุกคนเงียบ บรรยากาศในห้องชวนให้เดาสถานการณ์ออกว่า ทุกคนมีเรื่องเล่าที่อยากจะเล่าหรือระบายให้ใครสักคนฟังทั้งนั้นแหละ
โดยทั่วไปที่คนเรามักจะเงียบหรือไม่กล้าพูดมาจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
(ปล. เราวิเคราะห์เองนะคะ ในความเป็นจริงอาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้)
• พูดไปก็เท่านั้น : ไม่มีใครอยากฟังหรอก
• รู้สึกไม่ safe zone : กลัวเขาจะเอาไปเล่าให้คนอื่นฟังต่อ
• ไม่ชอบพูด : เป็นคนพูดน้อย แต่อาจจะชอบสื่อสารด้วยวิธีอื่น เช่น การเขียน
• กลัว : กลัวผิด กลัวถูกมองในแง่ไม่ดี ต่าง ๆ นานา หรือแม้กระทั่งกลัวถูกครูตีและหักคะแนนในห้อง
• ป่วย : เมื่อร่างกายทรุดลง ส่งผลให้เราไม่อยากฝืนใช้เสียงไปมากกว่านี้ อาจมีความขี้เกียจผสมอยู่ด้วยก็ได้
ซึ่งนร.หรือแม้กระทั่งตัวครูเอง ก็เคยประสบพบเจอกับเหตุผลเหล่านี้มาแล้วด้วยกันทั้งนั้น
ในเมื่อนร.รู้ตัวว่า มีเรื่องมากมายที่อยากจะเล่า แต่เกรงว่าจะไม่มีคนฟัง คนที่จะเป็น safe zone ให้นร.ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และคือคนเดียวที่พร้อมรับฟังนร.ในทุก ๆ เรื่อง ก็คือ ครูนั่นเอง
ครูจะเป็นคนรับฟังนักเรียนทุกคนเองค่ะ
เราให้นร.เขียนลงใน Post-it และหยอดใส่กล่อง safe zone โดยจะแจ้งนร.ไปว่า มีครูคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปิดได้ ดังนั้นทุกคนไม่ต้องกลัวนะคะ มัน safe zone แน่นอน
เรื่องเล่าที่นร.เขียนมา อ่านแล้วสัมผัสได้เลยว่า มันเป็นเรื่องที่เขาไม่กล้าเล่าให้ใครฟังจริง ๆ ดีใจที่นร.รู้สึกปลอดภัยที่จะเล่าให้เราฟัง
หลังจากคาบนี้ผ่านไป
เราก็หวังว่า เราจะเป็น safe zone ให้เขาได้ในวันที่เขามีเรื่องราวมากมายที่อยากจะเล่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี ๆ หรือไม่ดีก็ตาม
ก่อนหมดคาบ ให้นร.ร้องเพลง I have a voice พร้อมกัน เพื่อให้เขารู้สึกว่า เสียงของเขามีคุณค่า ผ่านบทเพลง ที่แต่งมาเพื่อเด็กทุกคนบนโลก รวมถึงตัวของพวกเขาเองด้วย.
แท็กที่เกี่ยวข้อง