“ ระบายสีสร้างสรรค์ จากพู่กันธรรมชาติ ”

คลาสศิลปะน่ารักๆของเราในวันนี้ เกิดจากการตั้งคำถามของเด็กๆ

หากครูอธิบายคำตอบเป็นข้อเท็จจริง บทสนทนานั้นจะจบลงเพียงในคลาสเรียน

แต่ถ้าเราฟังดีๆ คำถามนั้น ชวนน่าทดลองสนุกๆเสียจริง..

คุณครูมองไปรอบตัว จึงเกิดไอเดีย..ปิ๊งงง

งั้นเราไปเก็บใบไม้ ใบหญ้า กิ่งไม้ และหาอุปกรณ์เหลือใช้ในบ้านมาลองทำพู่กันด้วยตัวเองกันค่ะ^^

รอบๆบ้านของเรามีต้นไม้หลากหลาย ใบไม้ ดอกหญ้า กิ่งไม้ หญ้าแห้ง มีรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป

เด็กๆเลือกมาเยอะแยะ แล้วเรานำมาคัดเลือกกันอีกที โดยให้แต่ละชนิดมีรูปร่างคุณสมบัติแตกต่างกันค่ะ

เด็กๆวิ่งกลับมาล้อมวง

ครูเริ่มต้นจากการเล่าเรื่องสั้นๆ

“ ขนพู่กันที่เราใช้กันโดยทั่วไป นิยมทำมาจากขนสัตว์ เช่น ขนกระรอก ขนกระต่าย ขนม้า ขนหนู

และ ขนสังเคราะห์ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาจากขนสัตว์อีกที เพื่อตอบโจทย์เรื่องปริมาณและราคา

โดยขนแต่ละชนิดจะให้คุณสมบัติแตกต่างกันไปตามการใช้งาน

ควรจะอ่อนนุ่ม อุ้มน้ำ อุ้มสีได้ดี สะดวกต่อการใช้ค่ะ “

หลังจากนั้น คุณครูให้เด็กๆช่วยกันสังเกตและอธิบายความแตกต่างทางกายภาพของวัสดุแต่ละชนิด

แล้วเริ่มปฏิบัติการ ประดิษฐ์พู่กันจากธรรมชาติ ด้วยฝีมือเด็กๆกันค่ะ

เริ่มจากคัดใบไม้ที่มีขนาดใกล้เคียงกันแล้วมัดรวมกับกิ่งไม้ให้แข็งแรง

เมื่อทุกคนทำเสร็จเรียบร้อย เรานำมาวางรวมกันอีกที

เด็กๆตื่นเต้นมากเพราะ พู่กันแต่ละอันมีรูปทรงแปลกตาออกไป

บางคนบอกคล้ายพู่กัน , หางสัตว์ , ไม้กวาด , ต้นไม้ ฯลฯ

หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมสร้างพู่กันแล้ว

ถึงเวลามาทดลองอุปกรณ์กันค่ะ..เย้

ดูจากวัสดุแล้ว ครูเฟิร์นเลือกสีน้ำให้เด็กค่ะ ผสมน้ำกับสีในปริมาณที่พอดี ไม่ข้นเกินไป ไม่เหลวเกินไป

ส่วนกระดาษ เนื่องจากเราใช้สีน้ำ ควรเลือกกระดาษที่มีความหนา หรืออุ้มน้ำได้ดี ครูเฟิร์นเลือกใช้กระดาษสาค่ะ

เริ่มทดลองกันเลยยย...

ผลงานทดลองใช้พู่กันฝีมือของหนูค่ะ^^

ตัวอย่างผลงานของเด็กๆบางส่วน

เด็กๆได้อะไรจากการทดลองศิลปะสร้างสรรค์

• ได้ความรู้เกี่ยวกับขนพู่กันแต่ละชนิดที่นิยมใช้โดยทั่วไป
• ได้สังเกตสิ่งของรอบๆตัวและลงมือปฏิบัติอย่างสร้างสรรค์
• ได้ทดลองและสังเกตความแตกต่างของคุณสมบัติของพู่กันแต่ละชนิด
• ได้ความภาคภูมิใจในผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยฝีมือของตนเอง
• 
  

กิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในการทดลองด้านศิลปะที่บูรณาการกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว

จะออกมาสมบูรณ์แบบก็ต่อเมื่อเรามีการลงมือทำร่วมกัน

“ จินตนาการจากเด็กๆเป็นสิ่งสำคัญและจะเกิดประโยชน์ยิ่งขึ้น หากเราช่วยกันต่อยอดความคิดของเค้าไปเรื่อยๆค่ะ “

ครูเฟิร์น