แชร์ไอเดียการสอนแบบห้องเรียนลุกเป็นไฟ
วิชาวรรณกรรม ม.1 สัปดาห์นี้ มีโจทย์ที่ท้าทายในการชวนนักเรียนเรียนรู้ร่วมกัน นั่นคือ เรื่องสั้นแนว Sci-Fi มันคืออะไร มีผลอะไรกับชีวิตของเรา รวมทั้งเราจะเรียนรู้อะไรจากการอ่านเรื่องสั้นแบบ Sci-Fi ได้บ้าง เรื่องสนุกเลยเกิดขึ้น
โดยเริ่มจากชวนเด็กระดมความคิดแชร์ประสบการณ์ว่าถ้าเราพูดถึง Sci-Fi เราจะนึกถึง อะไรบ้าง ดึงประสบการณ์เดิมให้เด็กลองค้นหาและทำความเข้าใจในสิ่งที่ตนเองรู้
จากนั้นตั้งคำถามต่อเลยว่า สรุปแล้ว Sci-Fi คืออะไรให้นักเรียนลองเขียนตอบตามประสบการณ์เดิมของตัวเอง แล้วแอบบอกว่าครูจะเฉลย โดยให้ลองดูหนังสั้น Sci-Fi เรื่อง DUST (ในyoutube) พอดูจบก็ถามนักเรียนต่อว่า สรุปแล้ว นิยามของคำว่า Sci -Fi ของนักเรียนเปลี่ยนแปลงไปไหม.... และช่วยกันสรุปอีกรอบ เป็นการจุดไฟแบบเบา ๆ
เมื่อไฟติดจึงรีบใส่ฟืนและพัดแบบรัว ๆ ชวนเขาเรียนรู้กรณีศึกษา เรื่องสั้น Sci-Fi เรื่อง กาเหว่า จากหนังสือ มนุษย์อนาคต โดยเล่าเรื่องผสมผสานกับการอ่านให้นักเรียนฟัง แล้วสวมวิญญานครูใจร้าย หยุดเล่า ตอนที่พีคที่สุดของเรื่อง แล้วถามนักเรียนว่า ถ้านักเรียนเป็นตัวละครในเรื่องนักเรียนจะตัดสินใจอย่างไร ? (ประเด็นที่ชวนถกเถียงคือเราควรจะฆ่าตัวโคลนนิ่งเพียงเพราะเขามี DNA ของอาชญากรก่อนที่เขาจะเติบโตเป็นอาชญากรในอนาคตเพื่อเป็นการตัดไปแต่ต้นลมดีหรือไม่) (อะไรเป็นสิ่งประกอบสร้างฆาตกรกันแน่ระหว่าง DNA กับ การเลี้ยงดู) ทำเอาเด็กๆ คิดหนัก ที่สนุกกว่านั้นคือ เมื่อทุกคนคิดคำตอบในมุมมองและเหตุผลของตัวเองเสร็จ จึงให้จับกลุ่มคนทีมีความคิดคล้ายกันมาคุยกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้มุมมองความคิดของแต่ละคนให้ลึกซึ้งมากขึ้น
พีคกว่านั้น คือ กิจกรรมต่อไป ให้เด็ก ๆ แต่ละกลุ่มแสดงจุดยืนของตัวเอง และเปิดโอกาสให้เพื่อนกลุ่มอื่น ตั้งคำถาม หรือ โต้แย้ง ความคิดของเพื่อนได้ ตรงนี้แหละ ทำให้ห้องเรียนลุกเป็นไฟ ต่างคนต่างโต้แย้ง แสดงเหตุผล และตั้งคำถามต่อกันอย่างดุเดือดประหนึ่งอยู่ในสนามรบทางความคิด ที่ชิงความเป็นหนึ่งกันด้วยเหตุผล
จากนั้นจึงเล่าเรื่องต่อและชวนนักเรียนหาเหตุผลในมุมที่ตัวละครตัดสินใจ รวมกันสรุปการเรียน และทิ้งระเบิดตูมใหญ่เป็นเรื่องสั้น Sci-Fi อีกเรื่อง ก่อนจากไปตอนหมดคาบ เพื่อให้เด็กกลับคิดต่อ....
ด้วยกระบวนการนี้ ครูแทบไม่ต้องสอนอะไรแค่ช่วยตั้งคำถาม ลับคมความคิด (ยุและปั่นบ้างเล็กน้อย) แล้วที่เหลือก็ปล่อยให้เด็ก ๆ ที่รักทุกคน ร่วมกันสร้างการเรียนรู้ด้วยตนเอง
พวกเราเข้าใจการเสพวรรณกรรมในฐานะของการพัฒนาความคิด และทำให้เข้าใจตนเอง ผู้อื่น สังคม และโลกใบนี้มากขึ้น รวมทั้งวรรณกรรมยังทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ของตัวมันเองโดยการจุดประกายให้ผู้เสพวรรณกรรม รู้สึกและมองเห็นความไม่ปกติในความปกติ ตั้งคำถามกับมัน จนเกิดแรงผลักดันให้ผู้อ่านเกิดแรงบันดาลใจในการลุกขึ้นมาสร้างความเปลี่ยนแปลง
การจัดการเรียนรู้วิชาวิชาวรรณกรรมมีอะไรมากกว่าแค่การชวนเด็กอ่านหนังสือแล้วจบไปและนี่คือสิ่งที่เราจะตามหาและเรียนรู้ไปกับมันต่อไป...
ไฟล์ที่เกี่ยวกับไอเดีย
ไฟล์ที่ 1 จากทั้งหมด 1