ครูปุ้ยให้นักเรียนจับคู่กัน โดยจะคู่กับใครก็ได้ สลับกันเล่าเรื่องในหัวข้อ “เรื่องที่นักเรียนเสียใจที่สุด” ผัดกันเล่าคนละ 2 นาที ซึ่งเรื่องที่นั่งเรียนเล่าก็มีตั้งแต่ความรัก การเรียน เงิน หรือแม้กระทั่งเรื่องครอบครัว
จากนั้นก็ให้นักเรียนกลับเข้าที่ แล้วสุ่มตัวแทน (ครูปุ้ยใช้วิธีสุ่มจากเลขที่) ออกมาเล่าความรู้สึกหลังจากที่ได้ฟังเรื่องของเพื่อนเรา โดยไม่ให้เล่าเรื่องต่อ แต่พูดเฉพาะว่ารู้สึกยังไงต่อเรื่องนั้น
เมื่อมีตัวแทนออกมาเล่า 4-5 คน ครูปุ้ยก็ได้เปลี่ยนหัวข้อเป็น “เรื่องที่ทำให้ตัวเองมีความสุขมากที่สุด” และให้นักเรียนจับคู่เล่าใหม่อีกครั้ง
หลังจากที่นักเรียนได้แบ่งปันความรู้สึกทั้งสองหัวข้อแล้ว ครูปุ้ยก็ได้เริ่มกิจกรรมหลัก “ไข่ดาวแบ่งปันความสุข”
“ของกินเป็นของที่แบ่งกันได้ ถ้ามันอร่อย เราก็อยากจะแบ่งปันให้คนอื่นได้กิน”
ครูปุ้ยแจกกระดาษที่ได้ปริ้นท์รูปไข่ดาวให้กับนักเรียนในห้อง
“ไข่แดง” ให้เขียนชื่อ และเลขที่ลงไปเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
“ไข่ขาว” ให้เขียนความสุขที่เราอยากแบ่งปันให้แก่คนอื่น
ตัวอย่างของความสุขที่นักเรียนได้แบ่งปันมา
“ขอบคุณครอบครัวที่ทำให้เราได้เรียนหนังสือ”
นักเรียนอยู่บนโลกคนเดียวไม่ได้ เรายังต้องไปเจอคนอีกมากมาย เราไม่รู้เลยว่าคนในสังคมเป็นยังไง ถ้าชีวิตเราคิดแต่เรื่องบวกไว้จะทำให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น แต่ครูไม่ได้หมายความว่าให้เรามองข้ามเรื่องลบ เรายังต้องมองเรื่องลบเพื่อป้องกันตัวในบางสถานการณ์
สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จัก Empathy หรือ เห็นอกเห็นใจ บางอย่างที่เราชอบคนอื่นอาจจะไม่ได้ชอบ และทำทุกวันให้เป็นด้านบวก
หลังจากจบคาบครูปุ้ยได้เอางานไปตรวจ และขอเอา “ไข่ดาวแบ่งปันความสุข” ไปแบ่งปันให้คนอื่น ๆ ต่อ ที่บอร์ดแนะแนว
ใบงานจะถูกคละกับห้องอื่น ๆ แล้วติดบนบอร์ด
เนื่องจากบอร์ดแนะแนวจะอยู่ติดกับโรงอาหาร เลยมักจะเป็นที่ ๆ นักเรียนแวะเวียนผ่านมาอ่านความสุขที่ถูกแบ่งปันอยู่เสมอ เมื่อได้อ่านไข่ดาวบนบอร์ด ก็จะพบรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของนักเรียน เพราะบนบอร์ดมีแต่เรื่องบวก ใครผ่านมาอ่านก็ได้รับแต่ความสุข
ครูปุ้ย ครูแนะแนว ที่เคยผ่านการเรียนแนะแนวที่มันไม่แนวเอาซะเลย
ครูปุ้ย อยากจะให้นักเรียนเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้มันอาจจะยังไม่เห็นผลชัด แต่มันจะค่อย ๆ ปรับ และพัฒนาไปตามกิจกรรมที่ครูจัดขึ้นมา
แท็กที่เกี่ยวข้อง