“ เรามีเป้าหมายในการออกแบบกิจกรรมคือการให้เด็ก ๆ ได้สัมผัสธรรมชาติรอบตัว ”
ถ้าพูดเรื่องการอนุรักษ์หลายคนอาจนึกถึงการไปปลูกป่า แต่หากเด็ก ๆ มีใจสัมผัสกับธรรมชาติจริง อาจเริ่มจากเรื่องง่าย ๆ รอบตัวมาโยงกับความรู้สึกพวกเขา แล้วเรื่องอนุรักษ์จะตามมาเอง
‘กิ่งไม้สีสัน’ คือกิจกรรมที่ครูเก๋พาเด็ก ๆ ไปสัมผัสกับธรรมชาติใกล้ตัวอย่างกิ่งไม้
ได้ใช้ทั้งความรู้สึก จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ และสิ่งที่ได้มากกว่าการสัมผัสกับธรรมชาติก็คือเด็กได้อยู่กับตัวเอง มีสมาธิตั้งใจทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ
การพันไหมพรมรอบกิ่งไม้ที่คนอื่นอาจมองว่าทำง่าย แต่ครูเก๋สัมผัสได้ว่าเด็ก ๆ มีสมาธิและมีความอดทนที่จะทำชิ้นงานให้เสร็จ
เดินเข้าป่ากัน...
ครูเก๋พาเด็ก ๆ ไปเดินป่าให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติ ชวนให้ check-in ด้วยการถามความรู้สึกของทุกคน
“ถ้านึกว่าตัวเองเป็นธรรมชาติ เราเป็นอะไรนะ”
เด็กบางคนตอบว่าเป็นท้องฟ้า มด แมลง
สำรวจกิ่งไม้
ชวนเด็ก ๆ ขยับไปสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
ชวนให้ลองหยิบกิ่งไม้ที่อยู่ตามพื้นขึ้นมาหนึ่งกิ่ง ที่มีรูปร่างแตกต่างกัน
ครูเก๋ตั้งคำถามให้เด็ก ๆ ได้ลองคิดว่า กิ่งไม้ที่หยิบมานั้นมาจากต้นอะไร
ทุกคนก็สงสัยและเริ่มสังเกตรอบตัวอีกครั้งว่ากิ่งนี้หยิบมาจากตรงนี้ ต้องเป็นของต้นนี้แน่เลย
ปราชญ์ชาวบ้านที่เชิญมาร่วมกิจกรรมด้วยก็จะเล่าให้ฟังถึงชนิดพันธุ์และความหลากหลายของต้นไม้ในป่าบริเวณนั้น
กิ่งไม้หลากพันธุ์ กับ ไหมพรมสีสันหลากหลาย
เมื่อเด็ก ๆ ได้เลือกกิ่งไม้มาแล้ว ครูเก๋มีอุปกรณ์ที่เตรียมมาให้คือ กรรไกรและไหมพรม
ให้เด็ก ๆ ลองเอาไหมพรมมาพันรอบกิ่งไม้ที่เลือกมา ได้เลือกสีไหมพรมมาออกแบบพันกิ่งไม้ตามความรู้สึกจินตนาการของตัวเอง
เมื่อพันกิ่งไม้เสร็จแล้ว ครูชวนให้เอากิ่งไม้หลากสีสันของทุกคนมาวางประกอบกันบนกระดาษขาวแผ่นใหญ่ เริ่มจากเด็กคนแรกเอามาวาง แล้วคนอื่น ๆ ก็เอากิ่งของตัวเองมาวงต่อ ๆ กันเป็นพุ่มของกิ่งไม้
หลังจากต่อกิ่งไม้กันครบแล้ว ครูเก๋ชวนให้เด็ก ๆ นึกถึงความรู้สึกของแต่ละคน เด็กบางคนบอกว่า ชอบที่กิ่งไม้มารวมกันแล้วสวยดี กิ่งไม้ของแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย แต่พอมาประกอบกันแล้วสวยอย่างไม่น่าเชื่อ เกิดเป็นความมหัศจรรย์เล็ก ๆ เด็กบางคนเริ่มตั้งคำถามว่าทำไมกิ่งไม้เป็นสีแบบนี้ ต้นไม้จริงไม่มีสีแบบนี้
เด็กคนหนึ่งพูดว่า “เฮ้ย ทำไมสวยจังวะ”
ตอนที่ทำของตัวเองดูยู่ยี่แต่พอมารวมกันแล้วสวย
เด็กคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ร่วมกั๋นคืองามออก”
ครูเก๋หยิบเอาเรื่องราวที่มีอยู่ในชุมชนมาเชื่อมกับศิลปะ ให้เกิดการเรียนรู้ที่ดูไม่เป็นวิชาการหรือการท่องจำซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการเรียนรู้ได้ แต่ใช้ศิลปะมาหลอกล่อให้เด็ก ๆ สนใจอยากจะเรียนรู้ เข้าใจและได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
ออกแบบตามบริบท ไม่มีสูตรตายตัว
กิจกรรม ‘กิ่งไม้หลากสี’ ที่ครูเก๋ได้มาแบ่งปันในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่สามารถนำไปปรับใช้กับบริบทของพื้นที่และผู้เรียนที่แตกต่างกันได้มากมาย
ครูเก๋ได้เล่าให้ฟังว่า ที่ ‘บ้านประกอบฝัน’ จังหวัดสุรินทร์ ครูเก๋ได้ชวนเด็ก ๆ ชั้นประถม ทั้งเด็กที่พูดเขมร ลาว และไทยอีสาน ให้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนจากความหลากหลายร่วมกัน ไปชวนปราชญ์ชาวบ้านมาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้กับเด็ก ๆ แล้วพาไปทำกิจกรรมกันในป่าจริง ๆ เลย
ส่วนถ้าเป็นการจัดกิจกรรมในพื้นที่ที่อยู่ในเมืองมาก ๆ ถ้าไม่สามารถพาเข้าไปเดินป่าได้ ครูเก๋ก็เอาป่าเข้ามาในเมืองให้เด็ก ๆ ได้เห็น ด้วยการเตรียมกิ่งไม้มาให้แทน
กิจกรรมนี้เคยนำไปจัดให้กับเด็ก ๆ ที่ญี่ปุ่นด้วย ในการจัดกิจกรรมครั้งนั้นได้มีการเตรียมต้นไม้ที่ทำจากลังกระดาษและทำช่องสำหรับเสียบกิ่งไม้เอาไว้ เมื่อเด็ก ๆ พันกิ่งไม้เสร็จ ก็เอามาเสียบกับต้นไม้นี้
กิ่งไม้ที่เตรียมมาให้ใช้ก็หามาจากบริเวณใกล้เคียงนั้น
กิจกรรมนี้พอเอาไปเล่นกับเด็กประถมเค้าจะมีความพุ่งไปทำเลย ทำตามจินตนาการความรู้สึก ไม่ได้คิดว่าจะออกมาสวยไม่สวยมากนัก แต่พอเอาไปจัดกับนักเรียนมัธยมและนักศึกษา เขาจะมีความคาดหวังว่าต้องออกมาสวยเปะมากกว่า และรู้สึกว่าครูกำลังทำอะไรกับพวกเขาอยู่
ในมุมมองของครูเก๋
“พอพูดถึงสิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติ โดยทั่วไปคนจะนึกถึงการพาเด็กไปเดินป่า ไปปลูกป่า แต่เราคิดว่ามาเริ่มจากเรื่องง่ายรอบตัวอาจเรียนรู้ได้ง่ายกว่าปลูกต้นไม้ลดโลกร้อน เราทำงานกับป่าชุมชน เราจะดูแลรักษาธรรมชาติอย่างไรให้ได้เรียนรู้ เลยหยิบเอากิ่งไม้ในป่ามาทำงานศิลปะ ใช้สิ่งเล็ก ๆ อย่างกิ่งไม้ที่ตกทิ้งอยู่ ชวนให้เด็กได้คิดว่ากิ่งไม้เล็ก ๆ นี้มาจากต้นไม้ใหญ่นะ”
ตอนที่เรียนอยู่ครูเก๋เคยทำค่ายบ่มเพาะกับกลุ่มเด็กรักป่า จังหวัดสุรินทร์ ทำให้เกิดแนวคิดการเรียนรู้ธรรมชาติของเด็ก ครูเก๋เชื่อว่าการเรียนรู้ธรรมชาติทำให้เรียนรู้เรื่องอื่น ๆ ได้อย่างนอบน้อม
เมื่อได้มาทำงานกับสมาคมป่าชุมชนอีสาน บ้านประกอบฝัน ครูเก๋จึงได้ออกแบบกิจกรรมต่าง ๆ มากมายที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ธรรมชาติให้กับเด็ก ๆ โดยสร้างสรรค์กิจกรรมมาจากความสนใจในกระบวนการศิลปะของตัวเองประกอบกับบริบทของผู้คนและพื้นที่
ในช่วงที่สำนักงานบ้านประกอบฝันเริ่มมาตั้งในพื้นที่ชุมชน ครูเก๋ปั่นจักรยานไปรอบหมู่บ้านไปชวนเด็ก ๆ มาทำกิจกรรมด้วยกันวันเสาร์อาทิตย์ ช่วงแรก ๆ มีเด็กมาแค่ห้าหกคน แล้วเด็ก ๆ ก็ไปบอกต่อ ๆ กันไปเรื่อย ๆ จนเพื่อนที่โรงเรียนก็อยากมาทำกิจกรรมบ้าง ครูในโรงเรียนเริ่มสนใจ จึงได้ไปจัดกิจกรรมให้กับเด็กในโรงเรียนด้วย
แบ่งปันเรื่องราวโดย ครูเก๋ เกษณี ซื่อรัมย์
เข้าไปติดตามเรื่องราวและกิจกรรมจากบ้านประกอบฝันได้ที่