เป้าหมาย
ชวนนักเรียนฝึกคิดวิเคราะห์ เชื่อมโยงภาษากับชีวิต ชวนเป็นเจ้าของการเรียนรู้
ที่มา
ห้องเรียนที่มีชีวิต คือห้องเรียนที่มีความรู้สึก และห้องเรียนที่เด็ก ๆ ได้คิด
เราดึงกิจกรรมเพลงมาเป็นสื่อการสอนวิธีการคิดวิเคราะห์และเชื่อมโยมเนื้อหาต่าง ๆ เข้ากับชีวิตของนักเรียน
กระบวนการ
เวลา : 5-10 นาทีตอนต้นคาบ (แต่ถ้าอินมาแล้วไม่จบ ก็ต่อยาว ๆ)
- เด็ก ๆ สลับคิวกันเลือกเพลงที่เขาชอบ ส่งมาให้ครูก่อนล่วงหน้า
- (การที่นักเรียนได้เลือกเพลงจากที่เขาชอบทำให้เขามีส่วนร่วม รู้สึกเป็นเจ้าของการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังทำให้เรารู้จักเขามาขึ้นด้วย เพราะการเลือกทุกเพลงเขามีเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเขาในตอนนี้)
- ครูเปิด MV เพลงให้นักเรียนดูและฟังตอนต้นคาบ
- ครูชวนคุยให้ได้คิด ...
- เราอยากเถียงเพลง ไม่คล้อยตาม ตรงไหนไม่ปกติในเพลง มาเป็นประเด็นคุยต่อ อะไรที่เหมือนปกติแต่ไม่ปกติ มันเป็นอะไรก็ได้จริงๆ
- สร้างประเด็นจากเพลง มีอะไรที่เราหรือนักเรียน “เอํะ”
- เช่น หากมีคนส่งเพลงนี้ให้เราจะรู้สึกอย่างไร
- ชวนนักเรียนตั้งคำถาม
- เชื่อมโยงกับเนื้อหาที่เรียนอยู่ เช่น เพลงนี้ตรงกับสิงสมุทรอย่างไร
- ชวนคุยสัก 3 ประเด็น
- ครูต้องตั้งคำถามไว ช่างสังเกต สามารถสร้างประเด็นขจากเพลงได้ หรือ โยนให้นักเรียนตั้งจะได้อัพ skill
- ครูกับนักเรียนฝึกบ่อยๆ ถ้าเราฟังเฉยๆ จะไม่ได้อะไร
- ครูสรุปประเด็น ชวนนักเรียนกลับมาสะท้อน คุยอะไรกันไปบ้าง มีปรากฏการณ์อะไรเกิดขึ้น landing โดยโยงเข้าภาษาไทยและชีวิตนักเรียน
- เช่น เคยมีคุยเรื่องระดับภาษา และการใช้ “กู-มึง” ในเพลง ซึ่งนักเรียนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเป็นเช่นนั้น เราเลยจัดการใช้ “กู-มึง” ในห้อง จนนักเรียนทนไม่ไหว เริ่มเข้าใจการใช้ภาษาตามความเหมาะสมของระดับและสถานที่
ผลลัพธ์
- ห้องครูสอนเนื้อหาน้อยมาก แต่เน้นฝึกคิดวิเคราะห์แนวนี้มา 3 ปีแทน คะแนน o-net กลายเป็นที่ 3-5 ของจังหวัด
- กิจกรรมทำให้รู้จักนักเรียนลึกขึ้นจากเพลงที่เขาเลือก
- นักเรียนไม่เคยลืมการส่งการบ้านเรื่องเพลงที่เขาเลือก เขาจะตั้งใจมาก
- นักเรียนอินเพราะเพลงสื่อถึงตัวเขา เจ้าของอยากสื่ออะไร บรรยากาศในห้องเรียนดีมาก มีความน่ารัก อารมณ์ในห้องขุ่น ๆ แซว ๆ กัน สร้างความสัมพันธ์ในห้อง
- เคยพีคมาก คือเพื่อนครูโพสเรื่องกิจกรรมและดันถึงคนแต่เพลง เขาก็มาเฉลยว่าตอนที่แต่งนึกถึงอะไร
- เมื่อนักเรียนเอ็นจอยการเรียนแบบนี้ เมื่อต้องสอบ เขาจะตั้งใจทำมาก ๆ เพราะอยากเรียนแบบนี้ต่อไป
ความคิดลึก ๆ ของความเป็นครูสไตร์ครูมะนาว
- การเป็นครูคือการเคารพนักเรียน เวลาเด็กๆ มาเรียนกับเรา เขาควรจะได้อะไรกลับไป ความรู้เป็นสิ่งที่หากกดโทรศัพท์ก็หาได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องเติมบ่อยๆ คือทักษะการคิด เราช่วยให้นักเรียนรู้ว่าอยากรู้อะไรแล้วต้องเสิร์ชอย่างไง เรามีหน้าที่ชวนทำชวนคิด ชวนให้ใช้สมองบ่อยๆ
- ครูต้องลดอำนาจ เวลามองกัน คุยกัน เราต้องแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม เราถามเพราะอยากรู้ ไม่ใช่เพราะจับผิด
- เราสามารถสร้างห้องเรียนที่เรียนรู้จากความรู้สึก ไม่จำเป็นต้องเป็นตำรา ครูสามารถพาเข้าบทเรียนเอง เช่น ในเพลงนี้ใช้สรรพนามอะไรบ้าง ทำไมในเพลงใช้เธอกับฉัน รู้สึกอย่างไรกับการใช้กูมึง พอเราสอนเสร็จเราค่อยติ๊กตัวชี้วัด มันไม่ได้มีแบบแผน เราสอนเฉพาะหน้า ภาษาไทยเชื่อมได้กับทุกอย่าง
สไตล์การสอนของครูมะนาวเป็นแบบสบาย ๆ ตลก ๆ บวกดราม่านิด ๆ ไม่ได้เล่นใหญ่
เป็นการชวนนักเรียนคุยและแลกเปลี่ยน เป็นการคิด การถาม การ dialogue ง่ายๆ ไม่ต้องทำอะไรเยอะ
เพียงแต่ในวันนั้นเรามองเห็นเด็ก ๆ และเขาได้บอกความรู้สึกของเขาออกมา
สุดท้ายแล้ว อยากทิ้งท้ายว่า การสอนและห้องเรียนที่ประทับใจ ไม่จำเป็นที่มีสีสันมาก ๆ อลังการงานสร้าง เราเตรียมเยอะ หรือ ราคาแพง เพราะจริง ๆ หัวใจของห้องเรียนที่สร้างสรรค์อยู่ที่ impact กับผู้เรียนมากกว่า
สิ่งที่เขาได้เรียนรู้ผ่านความรู้สึก ดีกว่ากิจกรรมที่เขาสนุก แต่ไม่จดจำ
เรามาเพิ่มรายละเอียดเล็กๆ ที่เติมชีวติให้ห้องเรียนกันนะคะ :)