เทอมแรกเราทำเรื่องอาหารปลอดภัย
เทอมสองเราทำเรื่องผักปนเปื้อนได้ยังไง แล้วมันไปจบตรงไหน
ชุมชนเราเจออะไรบ้างผักปนเปื้อน แหล่งน้ำ
ถ้าเค้าไม่เห็นปัญหาเค้าจะไม่อิน เค้าไม่อินก็จะไม่เกิดการเรียนรู้
เราเลยให้เด็กไป survey หาผักแต่ละตำบล
แล้วเก็บตัวอย่างผักมาตรวจที่โรงเรียน
พอพบว่าเก็บผักมา 10 ตัวอย่าง ไม่ปลอดภัย 9
หลังจากนั้นเด็กไม่กล้าหยิบผักเข้าปาก
เข้าไปหาข้อมูลเพิ่มใน internet แล้วหนูไม่กินผักหนูก็ไปเจอมันที่อื่นอยู่ดี
ก็เลยให้เค้าลองหาทางออกว่ามีทางออกแบบไหนบ้าง
เด็กก็คิดขึ้นมาได้ว่า ทำต้นทางให้ปลอดภัย
เราไม่ได้กินข้าวบ้าน กินข้างนอกเราก็ต้องเจอผักพวกนี้อยู่ดี
ทำยังไง ชุมชนเราถึงจะได้อาหารปลอดภัย เราจะทำยังไงถ้าเรารู้แบบนี้
เราต้องหาความร่วมมือในชุมชนเรา
แล้วในชุมชนเราเกี่ยวข้องกับใครบ้าง
อสม. เกษตร เกษตรอินทรีย์ พัฒนาชุมชน โรงพยบาล
นอจากเราจะสำรวจผัก ตรวจตัวอย่างน้ำในชุมชน
เรายังจัดงานตรวจเลือด โดยขอความอนุเคราะห์ในโรงพยาบาล
ตรวจชาวบ้าน 100 คน
เด็ก ๆ ออกแบบสอบถามเอง เพื่อไปสอบถามการใช้ชีวิต
บางคนชาวบ้านอ่านหนังสือไม่ออก เด็ก ๆ ก็ได้อ่านให้ฟัง
และยังมีจัดละครถกแถลงทางเลือกทางรอด เคมีกับอินทรีย์
เด็ก ๆ ก็ได้เรียนรู้ไปด้วย
หลังจากจบเทอม ก็มาจัดนิทรรศการผลงานที่เด็ก ๆ ได้สร้างกัน แล้วเชิญชวนคนในหมู่บ้านมาโรงเรียนประถม ลงทะเบียนตั้ง 700 คน มีผักอินทรีย์มาจำหน่ายด้วย
ค้นพบอะไรบ้าง
เราค้นพบว่า กิจกรรมนอกห้องเรียนทำให้เด็กเติบโต แล้วก็ได้พัฒนาศักยภาพบางอย่าง มากกว่าเรียนในห้อง กิจกรรมนี้เด็กทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดง รำ ๆ ไม่ถนัด พี่ก็ให้เค้าไปถือผ้าแทน
ถ้าผมย้อนเวลากลับได้ ผมอยากรำ ผมไม่อยากถือผ้า เรื่องเล่าโคตรอาย เค้าก็ได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเอง พิธีกรก็เป็นเอง เด็กบางคนภูมิใจมาก คนนำเสนอแล้วฟังเค้า เด็กคลิก ตอนออกนอกพื้นที่ เด็กไปคลิกที่ค่าย จัดค่ายเอง จัดตีมงานวัด การจะพัฒนาเด็กคนนึงให้ เค้าได้พัฒนาศักยภาพเค้าจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะคลิกกิจกรรมไหน ถ้าเราจัดแค่กิจกรรมเดียว
--
แมวมอง เขียนไอเดียให้ คุณครูสไว
แท็กที่เกี่ยวข้อง