กิจกรรม : บัวลอยแสนอร่อย
วัตถุประสงค์ : เพื่อเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องการชั่ง ตวง ในระดับปฐมวัย ซึ่งจะทำให้เด็กรู้จักวิธีการตวงของแห้งที่ถูกต้อง และเรียนรู้เรื่องการเรียนรู้เรื่องการเปรียบเทียบน้ำหนักของวัตถุเปรียบเทียบน้ำหนักของวัตถุสองกลุ่ม เพื่อให้เข้าใจความหมายของมากกว่า น้อยกว่า และเท่ากับ
กลุ่มเป้าหมาย : เด็กอายุ 4-6 ปี (จำนวน 15 คน)
เวลาทั้งหมด : 120 นาที
ประกอบไปด้วยกระบวนการ 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
1.ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
2.ขั้นตอนการสอนและการลงมือทำ
3.ขั้นสรุปบทเรียน
อุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรม
1.กระดาษฟลิบชาร์ต
2.ปากกาเมจิก - สีเทียน
3.อุปกรณ์ – วัตถุดิบสำหรับทำขนมบัวลอย
อุปกรณ์
วัตถุดิบ
อัตราส่วนผสมแป้ง : ผัก (1 สี) ทำให้สุกและบดให้ละเอียด
2 ถ้วย(100กรัม) : 1 ถ้วย (50กรัม)
สีม่วง จาก มันม่วง
สีเหลือง จาก ฟักทอง
สีชมพู จาก บีทรูท
สีส้ม จาก แครอท
สีเขียว จาก น้ำใบเตย
4.กระบอกวัดปริมาตรแป้ง (อุปกรณ์สำหรับกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการตวง)
5.เครื่องชั่งสองแขน (อุปกรณ์สำหรับกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการชั่ง)
การวิเคราะห์ธรรมชาติการเรียนรู้ตามช่วงวัยของผู้เรียน
จากการศึกษาค้นคว้าพบว่าพัฒนาการด้านสติปัญญาในเด็กช่วงวัย 4-6 ปี มีความสามารถในการใช้สัญลักษณ์ในการแทนภาษาที่จะมาอธิบาย วัตถุ สิ่งของ สถานที่ ตามประสบการณ์ที่เขามี และเป็นวัยที่สามารถใช้ความคิดในการคำนึงสิ่งต่างๆ ได้อย่างไม่ซับซ้อน รวมไปถึงมีการสร้างจินตนาการและการประดิษฐ์ ซึ่งเด็กวัยนี้จะมีความสามารถในการจดจ่อ และทำสิ่งต่างๆได้ทีละอย่าง ยังไม่สามารถพิจารณาสิ่งต่างๆ หรือแบ่งเกณฑ์ต่างๆ หลายอย่างได้พร้อมกัน
เด็กวัยนี้ค่อนข้างจะมีความสับสนในเรื่องของการเปรียบเทียบน้ำหนัก ปริมาตร ความยาว ของสิ่งของต่างๆ โดยการเรียนรู้และการตัดสินใจของเด็กในวัยนี้จะขึ้นอยู่กับการรับรู้ ต้องมีการส่งเสริมให้เด็กได้มีประสบการณ์ เกิดกระบวนการในการค้นคว้า สังเกต สำรวจ องค์ความรู้ได้ด้วยตนเองผ่านการลงมือทำจริง (เตวิช วรจารุวรรณ, 2558)
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำสู่บทเรียน : 25 นาที
1.เชื่อมโยงประสบการณ์เกี่ยวกับขนมไทย และชวนพูดคุยเรื่องขนมบัวลอย
มีขั้นตอนดังนี้
- ผู้เรียนนั่งล้อมเป็นวงใหญ่
- คุณครูจำลองสถานการณ์ว่าวันนี้จะมีการจัดงานปาร์ตี้ขนมไทย โดย
o ตั้งคำถามเชื่อมโยงประสบการณ์กับขนมไทย เช่น รู้จักขนมไทยหรือไม่? รู้จักอะไรกันบ้าง?
o พูดคุยเชื่อมโยงเข้าสู่การทำความรู้จักกับขนมบัวลอย
o รู้จักขนมบัวลอยหรือไม่? หน้าตาเป็นอย่างไร?
**ขั้นตอนมีแนวคิดโดยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับสถานการณ์ที่สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้เรียนสามารถค้นพบความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ และช่วยทำให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (เทพกัญญา พรหมขัติแก้ว , 2554)
2.อธิบายขั้นตอนการทำบัวลอยโดยใช้แผนภาพ ร่วมกันระดมความคิดว่าควรมีขั้นตอนอะไรบ้าง
มีขั้นตอนดังนี้
- อธิบายสัดส่วนของส่วนผสมโดยใช้รูปภาพ พร้อมตั้งคำถามทบทวน เช่น ให้ผู้เรียนนับเลขพร้อมกันว่าวันนี้ใช้แป้งกี่ถ้วย? น้ำตาลกี่ช้อน? น้ำกี่แก้ว?
(ตัวอย่างการใช้แผนภาพในการอธิบาย)
**ขั้นตอนนี้มีแนวคิดการจัดการเรียนรู้ในเรื่องของการเรียนรู้สัดส่วน และทบทวนการนับ จากรูปภาพ การวาดรูปกราฟ การ์ตูน หรือสัญลักษณ์ จะทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ดีมากกว่าการเรียนรู้ผ่านทางตัวหนังสือ (Milgram, Dunn&Price, 1993)
ขั้นสอนและลงมือทำ : 75 นาที
3.เรียนรู้เรื่องการตวง
คุณครูจัดการเรียนรู้เรื่องการตวงแป้ง โดยมีขั้นตอนดังนี้
-แบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน
-ให้ผู้เรียนทำการตักแป้งทั้งหมด 1 ถ้วย ตามที่เข้าใจ จากนั้นนำมาเปรียบเทียบกับบิกเกอร์ตรงกลาง แล้วให้ผู้เรียนสังเกตว่าตรงเส้นหรือไม่
- คุณครูคอยตั้งคำถามชวนคิด เช่น
o 1 ถ้วยควรตักปริมาณเท่าใด?
o เพราะเหตุใดจำนวนแป้ง 1 ถ้วยของแต่ละคนไม่เท่ากัน?
o ทำอย่างไรจึงจะตักแป้งให้เท่ากับขีดตรงกลาง?
**ขั้นตอนนี้มีแนวคิดในการจัดการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยเปิดโอกาสให้สำรวจและสังเกต เพื่อเชื่อมโยงกับแนวคิดสมบัติ โครงสร้าง ความสัมพันธ์ และรูปแบบของสิ่งต่าง ๆ ในเชิงจำนวน ปริมาณ และ การใช้สัญลักษณ์ (เทพกัญญา พรหมขัติแก้ว , 2554)
4. ลงมือทำขนมบัวลอย
คุณครูพานักเรียนลงมือทำบัวลอย โดยมีขั้นตอนดังนี้
- แบ่งผู้เรียนออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน เพื่อทำบัวลอยกลุ่มละ 1 สี แต่ละกลุ่มช่วยกันนวดแป้งและค่อย ๆ เติมน้ำเย็นจนกว่าจะปั้นได้ (แป้งบัวลอย 5 สี ได้แก่ สีเขียว-ใบเตย สีเหลือง-ฟักทอง สีส้ม-แครอท สีแดง-บีทรูท และ สีม่วง-มันม่วง)
- นำแป้งบัวลอยทั้ง 5 สี มารวมกันตรงกลาง จากนั้นคุณครูจะให้โจทย์กับผู้เรียน โดยให้ผู้เรียนปั้นบัวลอยคนละ 10 ลูก ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เรียนปั้นได้อย่างอิสระตามจินตนาการของผู้เรียน โดยไม่จำกัดสี ขนาด และรูปร่างของบัวลอย
**ขั้นตอนนี้ผู้เรียนจะได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ (Learning by Doing) จากการทำจริงในสถานการณ์จริงและใช้สีจริงที่หาได้ตามธรรมชาติ ผู้เรียนสามารถค้นพบความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ รวมถึงการฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กในการนวดแป้ง รวมถึงประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการสร้างประสบการณ์ (เทพกัญญา พรหมขัติแก้ว , 2554)
5. เรียนรู้เรื่องการชั่ง
หลังจากที่ผู้เรียนแต่ละคนได้ทำการปั้นบัวลอยเสร็จแล้ว ให้รวมบัวลอยของตัวเองกับเพื่อนๆภายในกลุ่มแล้วนำไปชั่งบนเครื่องชั่ง 2 แขน เพื่อเปรียบเทียบน้ำหนักบัวลอยของกลุ่มตนเองและกลุ่มอื่น
“ถ้าแขนของเครื่องชั่งอยู่ในระดับเดียวกันแสดงว่าน้ำหนักของสิ่งของที่นำมาชั่งมีน้ำหนักเท่ากัน ถ้าแขนของเครื่องชั่งไม่อยู่ในระดับเดียวกันแสดงว่าน้ำหนักของสิ่งของที่นำมาชั่งไม่เท่ากัน”
**ในขั้นตอนนี้เป็นการจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้คณิตศาสตร์ผ่านการสำรวจและสังเกต เพื่อเชื่อมโยงกับแนวคิด สมบัติ โครงสร้าง ความสัมพันธ์ และรูปแบบของสิ่งของต่าง ๆ ในเชิงจำนวน ปริมาณ และการใช้สัญลักษณ์ (เทพกัญญา พรหมขัติแก้ว, 2554)
6. จากนั้นให้ผู้เรียนและคุณครูทำน้ำกะทิร่วมกัน ตามสูตรที่คุณครูและผู้เรียนต้องการ โดยใช้ความรู้จากการตวงมาใช้ในการทำน้ำกะทิด้วย
ขั้นสรุปบทเรียน : 20 นาที
7. สรุปบทเรียน
ทบทวนกิจกรรมทั้งหมดที่ได้ทำไปในวันนี้ ผ่านแผนภาพขั้นตอนการทำบัวลอยในช่วงแรก โดยจะให้ผู้เรียนช่วยกันตอบคำถามเกี่ยวกับขั้นตอนการทำบัวลอยและระบายสีตามปริมาณของส่วนผสมที่ใช้ในวันนี้ทั้งหมด เพื่อเป็นการประเมินผลว่าผู้เรียนเข้าใจหรือไม่
ตัวอย่างคำถามที่ใช้ในการสรุปบทเรียน
- ใช้แป้งทั้งหมดกี่ถ้วย
- การตวงแป้งที่ถูกต้อง ทำอย่างไร
- ปริมาณของแป้ง และผักที่ใช้ ใช้อะไรมากกว่า
- บัวลอยของเรามีทั้งหมดกี่ถ้วย
**ขั้นตอนนี้มีแนวคิดเพื่อประมวลผลเรื่องราวสำคัญที่ผู้เรียนได้เรียนไป รวมถึงเชื่อมโยงกิจกรรมการเรียนการสอนเข้าด้วยกัน และทบทวนประเด็นที่ได้เรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจในบทเรียนให้ดีมากขึ้น (PANISAAE, 2554)
เงื่อนไขความสำเร็จของแผนการสอน
o ในการเรียนการสอนในครั้งนี้ ในทุกขั้นของการเรียนไม่ได้ต้องการความสวยงามหรือความสมบูรณ์ของผลงานผู้เรียน แต่ต้องการให้ผู้เรียนได้รับความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องการชั่ง และการตวง
o ครูต้องไม่กลัวว่าทั้งผู้เรียนและห้องเรียนจะเลอะ เพราะการปล่อยให้ผู้เรียนได้ลองลงมือทำ ได้ทำเลอะบ้างจะทำให้สร้างการเรียนรู้ที่หลากหลาย
o ครูควรมีการเตรียมตัวก่อนการสอน เตรียมอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมให้พร้อม
o อาจจะต้องมีครู 2 คนเพื่ออำนวยความสพดวกและดูแลความเรียบร้อยของผู้เรียนอย่างทั่วถึง
o ระวังเกี่ยวกับความร้อนหรือไฟ
o ไม่ปิดกั้นการเรียนรู้ของผู้เรียน หากผู้เรียนมีข้อสงสัย หรือยังทำไม่ได้ยังไม่ควรปล่อยผ่าน ควรที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ถาม และลองผิดลองถูก
o มีการชมเชยเมื่อผู้เรียนทำถูกหรือสำเร็จ มีคำแนะนำเมื่อผู้เรียนยังไม่เข้าใจหรือยังทำไม่ถูกต้อง
บรรณานุกรม
เตวิช วรจารุวรรณ. (มปป.). พัฒนาการ 4 ด้านของเด็กปฐมวัย, สืบค้นจาก
sites.google.com/site/janetewit/phathnakar-4-dan-khxng-dek-pthmway
เทพกัญญา พรหมขัติแก้ว. (2554).
ธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยกับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี,
สืบค้นจากlibrary.ipst.ac.th/bitstream/handle/ipst/988/174_32-35_174_32-35_เทพกัญญา พรหมขัติเทพ.pdf
จิตตินันท์ บุญสถิรกุล. (2553). รูปแบบการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย, สืบค้นจากstou.ac.th/offices/rdec/yala/main/pdf/ชุดวิชา 21001/บทที่ 10.pdf
ปาณิศา เรืองจัน. (2544). ทักษะการสรุปบทเรียน, สืบค้นจาก
panisaae.wordpress.com/หลักการสอน-3/ทักษะและเทคนิคการสอน/ทักษะการสรุปบทเรียน
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!