ครูอ้วนบอกกับเราว่า จุดมุ่งหมายสูงสุดของวิชาคณิตศาสตร์ไม่ใช่การคิดคำนวณ และในขณะเดียวกัน การคิดคำนวณเป็นสิ่งที่ไม่ใช่แค่เด็กที่ต้องรู้ แต่ผู้ใหญ่เองก็ต้องรู้เพราะมันซุกซ่อนอยู่ในมุมต่าง ๆ ของการใช้ชีวิต
วิชาบางวิชาเป็นทักษะที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการสะสมมาตั้งแต่เด็ก เช่น ภาษาอังกฤษ วิชาคณิตศาสตร์ ดังนั้น การจะฝึกให้เด็ก ๆ ชอบคณิตศาสตร์ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น
การสอนคณิตศาสตร์เรื่องต่าง ๆ ของครูอ้วนจึงเริ่มจาก การคิดว่าการที่เด็กคนหนึ่งหรือแม้กระทั่งตัวครูเองจะสามารถแก้โจทย์คณิตศาสตร์ แก้สมการ หรือหาค่าตัวแปรได้ ต้องใช้ปัจจัยอะไรบ้าง มีความคิดอะไรที่เกิดขึ้นมาเป็นอย่างแรกหลังจากที่ได้เห็นโจทย์คณิตศาสตร์
ครูอ้วนพบว่าหลังจากเห็นโจทย์ โดยธรรมชาติเด็กจะเกิดความคิดเป็นทางแยก 2 ทาง คือ ทำได้ หรือ ทำไม่ได้ เพราะคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่มีคำตอบตายตัว มีแค่ตอบถูกหรือตอบผิด อีกความรู้สึกที่แวบเข้ามาก็คือ โจทย์คณิตศาสตร์เป็นเหมือนภาษาต่างดาว ที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ ไม่น่าเข้าใกล้
ครูอ้วนจึงเลือกสอนคณิตแบบที่ทำงานกับสมองของเด็ก โดยขึ้นโจทย์หรือหัวข้อที่ใช้สอนเป็นภาพให้เด็กก่อน แล้วให้พวกเขาได้ใช้ความคิดของตัวเองถอดรื้อภาษาแปลก ๆ ยาก ๆ นั้นให้ออกมาเป็นวิธีการที่นำไปสู่คำตอบได้ในท้ายที่สุด
เทคนิคการสอนคณิตศาสตร์โดยใช้ภาพ
คืออะไร หรือกลุ่มที่รู้สึกมึน ๆ และตกใจ หลังจากนั้น ให้เด็ก ๆ ลองดูโพสต์อิทของตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับให้ลองคิดกับตัวเองว่า เราจะมีวิธีการเข้าใจสิ่งนี้ได้ อย่างไร เราจะต้องใช้กระบวนการแบบไหนที่จะพยายามเข้าใจมันได้ ระหว่างที่เด็ก ๆ กำลังทบทวนสิ่งที่ตัวเองเขียน คุณครูก็เตรียมภาพ 6 ภาพ ซึ่งเป็นขั้นตอนในการแก้สมการในรูปแรก
หลังจากผ่านไปประมาณ 2 นาที ให้เด็ก ๆ ลองช่วยกันสรุปคำตอบสุดท้ายที่คิดว่าเป็นไปได้มากที่สุด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การแก้สมการทำได้หลายวิธี เพราะฉะนั้นก็การเรียงลำดับก็อาจจะมองได้หลายทาง แต่สิ่งที่คุณครูควรจะเน้นย้ำคือทุกคนต้องสามารถให้เหตุผลกับทางที่ตัวเองเลือกได้ เช่น มีจุดสังเกตจากอะไรบ้าง
Reminder เรื่องที่ควรใช้เป็นจุดสังเกตในแต่ละกระบวนการคือความรู้เดิมที่คุณครูเคยสอนเด็ก ๆ ไปหรือเคยเรียนในชั้นเรียนก่อนหน้านั้น สำหรับในการสอนเรื่องสมการ ตัวอย่างจุดสังเกตก็มีที่มาจากความรู้หลากหลายเรื่อง เช่น เศษส่วน การแก้สมการตัวแปรเดียว เลขยกกำลัง
ผลที่ได้รับคือเด็ก ๆ จะได้ใช้กระบวนการคิดจากชุดความคิดเดิม สะท้อนความรู้สึกในตอนท้ายกิจกรรมที่แตกต่างจากตอนที่ได้เห็นรูปแรก เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง เมื่อเจออะไรที่เป็น ‘ภาษาต่างดาว’ หรือเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คุ้นชิน ไม่เคยเจอมาก่อน ก็จะไม่หันหน้าหนี แต่จะกล้าที่จะพยายามทำความเข้าใจ ฝึกฝนทำสิ่งที่ท้าทายมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ เทคนิคการสอนแบบนี้ยังทำให้เด็ก ๆ ได้เเลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน ๆ นำสิ่งที่จำได้หรือเคยมีประสบการณ์มาผสมผสาน ช่วยเหลือกันจนหาทางออกหรือได้คำตอบในที่สุด
ครูอ้วนยังเล่าติดตลกในตอนท้ายว่า เด็กบางคนถึงกับบอกว่า
“ต่อให้เจอมนุษย์ต่างดาวมายืนตรงหน้า เขาก็จะไม่วิ่งหนี”
แต่เขาจะลองสังเกตอากัปกิริยาท่าทาง แล้วคุยกับมนุษย์ต่างดาว
เพราะเขาเชื่อมั่นว่า เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่างที่เขาพูดก็ได้ แค่ลองสังเกต ทำความเข้าใจอีกฝ่าย มนุษย์ต่างดาวก็อาจไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เคยคิด เหมือนกันกับที่เด็ก ๆ เริ่มเปิดใจให้กับการเรียนคณิตศาสตร์มากขึ้น
บอกเล่าไอเดียโดย คุณครูณรงค์ชัย เต็นยะ (ครูอ้วน)
จาก Teach For Thailand