icon
giftClose
profile

แนวทางการรับมือกับนักเรียนจอมขี้เกียจ!!!.

60111
ภาพประกอบไอเดีย แนวทางการรับมือกับนักเรียนจอมขี้เกียจ!!!.

แนวทางการรับมือกับนักเรียนจอมขี้เกียจ

แนวทางการรับมือกับนักเรียนจอมขี้เกียจ!!!


ในห้องเรียนที่คุณครูดูแล มีนักเรียนที่มีนิสัยเกียจคร้านไหมคะ ? ผู้เขียนมั่นใจเลยว่าอย่างน้อยต้องมีสักหนึ่งหรือสองคนแหละ ที่คุณครูมองว่าเป็นเด็กขี้เกียจ



ความเกียจคร้าน เป็นภาวะของมนุษย์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การขาดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่าง ๆ มีความกลัวในผลลัพธ์หรือรู้สึกไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำ มีภาวะของความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย มีความเบื่อหน่าย เสพติดความสบาย จนไปถึงปัญหาของพันธุกรรมและสารเคมีในสมอง สำหรับนักเรียนความเกียจคร้านคือภาวะที่ขัดขว้างให้พวกเขาเรียนรู้ได้ไม่เต็มที่ มีความเบื่อหน่ายต่อกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ซึ่งมีผลมาจากทั้งภายในตัวของเด็กเอง หรือมาจากปัจจัยภายนอก เช่น การเลี้ยงดูที่หย่อนยานและตึงเครียดมากจนเกินไป หรือเกิดในครอบครัวที่นักเรียนไม่ต้องทำอะไรเลย ความขี้เกียจของนักเรียน เป็นสิ่งที่หนักอกหนักใจของครู เพราะส่งผลกระทบอย่างมากในระบบการเรียนการสอนโดยรวม ทำให้แทนที่ครูจะได้ส่งเสริมการเรียนรู้ต่อไปอย่างก้าวหน้า กลับต้องเสียเวลาในการจัดการและช่วยเหลือนักเรียนที่เกียจคร้านเพื่อให้สามารถทำงานและเรียนรู้ได้เท่าทันเพื่อน ๆ ส่งผลให้ทั้งนักเรียนที่ขยันอยู่แล้วและนักเรียนที่มีความเกียจคร้านก็เรียนรู้กันได้ไม่ถึงไหน



ต่อไปนี้คือวิธีรับมือกับนักเรียนที่มีความเกียจคร้าน เมื่อคุณครูประเมินนักเรียนในห้องเรียนที่คุณครูดูแลและพบว่ามีนักเรียนบางคนที่เข้าข่ายอุปนิสัยเกียจคร้าน ก็ควรจะต้องดำเนินการแก้ไขและปรับพฤติกรรมเพื่อให้นักเรียนมีอุปนิสัยและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้ดังนี้


กำหนดขอบข่าย เวลาและผลการทำงานให้ชัดเจน

        การกำหนดขอบข่ายและเวลาของงานที่ให้นักเรียนทำ จะช่วยย้ำเตือนความสำคัญของงาน และสร้างความกดดันเล็กน้อยให้กับนักเรียน ซึ่งความกดดันนี้จะช่วยกระตุ้นให้นักเรียนมุมานะที่จะทำงานให้เสร็จ เพื่อที่จะไปสู่ผลที่ตั้งไว้ เช่น ถ้าใครทำงานชิ้นนี้เสร็จ จะได้รับรางวัล หรือ ต้องทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จก่อนถึงจะสามารถไปเล่นได้ อย่างไรก็ดีการกำหนดขอบข่าย เวลา และผลการทำงานของนักเรียนนั้น จะต้องมองที่ศักยภาพของนักเรียนด้วยว่าสามารถตอบสนองได้ดีแค่ไหน

ย่อยเนื้องานลงเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนมีแรงจูงใจในการทำ

        บางครั้งการให้งานที่มีขนาดใหญ่เกินไป อาจทำให้นักเรียนรู้สึกท้อใจและมีความรู้สึกไม่อยากทำงาน การแยกย่อยงานออกมาเป็นส่วนเล็ก ๆ และทยอยให้นักเรียนทำ จะส่งผลให้เกิดการตอบสนองที่ดีกว่า


จัดสรรเวลาเรียนและเวลาพักของนักเรียนให้เหมาะสม

        หลายครั้งที่ครูมักจะเบียดบังเวลาพักของนักเรียน โดยการต่อเวลาเรียนและเพื่อเสริมเนื้อหาความรู้ต่าง ๆ ซึ่งคุณครูอาจมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะให้ความรู้เพิ่มเติมกับนักเรียนได้เต็มที่ แต่การทำเช่นนั้น ทำให้การจัดสรรเวลาของนักเรียนเกิดการแปรปรวน และเมื่อเวลาพักที่นักเรียนควรได้รับกลับลดลง ความสนใจในการเรียนของนักเรียนก็มีแนวโน้มที่จะลดลงตามไปด้วย สิ่งนี้ทำให้เด็กมีความรู้สึกเกียจคร้านที่จะเรียน เพราะไม่รู้ว่าการเรียนแต่ละครั้งจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ดังนั้นคุณครูควรจัดสรรเวลาเรียนให้เหมาะสม และพยายามไม่กินเวลาพักของนักเรียนมากจนเกินไป


ให้คำปรึกษากับครอบครัว

        นักเรียนที่มีอุปนิสัยเกียจคร้านนั้น เมื่อเรามาพิจารณาในระดับครอบครัวจะพบว่า ครอบครัวของนักเรียนกลุ่มนี้ มักจะขาดการจัดสรรเวลาที่ดี ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก หรือมักจะไม่สอนให้ลูกรับผิดชอบสิ่งต่าง ๆ ภายในบ้าน ซึ่งพฤติกรรมที่พบเจอมากที่สุดคือ การที่นักเรียนมาโรงเรียนสาย และผู้ปกครองไม่ค่อยร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียน การที่จะปรับอุปนิสัยตรงนี้ของนักเรียนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพูดคุยและทำความเข้าใจกับผู้ปครอง เพื่อให้ครอบครัวช่วยเหลือและร่วมมือกับนักเรียนในการจัดสรรเวลาให้เหมาะสม เช่น การเข้านอน การตื่นนอน การทำการบ้าน หรือการพักผ่อน รวมถึงการมอบหมายงานในครอบครัวให้นักเรียนรับผิดชอบ ซึ่งการจัดสรรเวลาที่ดีของครอบครัวนั้น จะทำให้อุปนิสัยความเกียจคร้านของนักเรียนลดน้อยลงตามไปด้วย


ให้คำชมเชยและให้กำลังใจ

        การที่นักเรียนทำงานที่ได้รับมอบหมายจนเสร็จ คือความพยายามในการเอาชนะความเกียจคร้านภายในตัวเอง ดังนั้น แม้ว่าผลงานที่นักเรียนทำออกมาจะไม่ถูกต้องหรือถูกใจ การชมเชยและให้กำลังใจต่อความพยามที่เขาทำนั้นคือยาขนานเอกที่ช่วยลดนิสัยความเกียจคร้านของนักเรียนลงได้  


จัดสรรสภาพแวดล้อม

        ห้องเรียนที่ร้อนเกินไปหรืออุดอู้เกินไป มักจะไม่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี ดังนั้นการจัดสรรห้องเรียนที่สะอาด น่าเรียนและมีอุณหภูมิที่เหมาะสม จะช่วยให้นักเรียนมีความรู้สึกอยากที่จะเรียน หรือแม้แต่การย้ายไปเรียนในส่วนอื่น ๆ นอกห้องเรียนบ้าง ก็ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ช่วยผลักดันให้นักเรียนที่มีความเกียจคร้านสนใจในการเรียนมากขึ้น


กีฬา ๆ เป็นยาวิเศษ

        ริชาร์ด ไวเลอร์ และเอมมานูเอล สตามากิส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของอังกฤษ 2 นาย เรียกร้องให้ความเกียจคร้านนั้นเป็นโรค ด้วยเหตุผลที่ว่า ความเกียจคร้านเกี่ยวพันถึงการเจ็บการตายอยู่อย่างสำคัญ บางทีการไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อน ไหวร่างกาย ควรจะถือว่า เป็นโรคภัยอย่างหนึ่งได้ในตัวของมันเอง จากคำกล่าวนี้จะเห็นได้ว่า ความเกียจคร้านนั้นส่งผลกระทบต่อความรู้สึกอยากเคลื่อนไหวร่างกาย การออกกำลังกายนั้นมีผลต่อการเพิ่มของโดพามีนในสมอง ซึ่งมีผลดีทำให้รู้สึกตื่นตัว สดชื่น กระฉับกระเฉง มีสมาธิ และความสามารถในการเรียนรู้ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีมากในการแก้ปัญหาความเกียจคร้าน มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าคนที่มีความเกียจคร้านมาก ในสมองจะมีการหลั่งสารโดพามีนน้อยลง ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคพาร์กินสัน มีอาการเสพติด มีความแปรปรวนด้านอารมณ์และมีระดับการเรียนรู้ที่แย่ลง ด้วยเหตุนี้ทำให้การออกกำลังกายหรือการให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวจะช่วยขจัดความเกียจคร้าน


พูดคุยกับนักเรียน

        วิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงสาเหตุของความเกียจคร้านของนักเรียน คือ การได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาอย่างเป็นส่วนตัว การให้นักเรียนเปิดใจเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงหรือพฤติกรรมของตัวเองจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณครูจะต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้นักเรียนกล้าที่จะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง ซึ่งเมื่อเราทราบถึงที่มาของปัญหาอาจจะทำให้เราเข้าใจตัวตนของนักเรียนหรือหาแนวทางในการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม


ส่งเสริมให้นักเรียนมีแรงบันดาลใจในการเรียน

        แรงบันดาลใจในการเรียนรู้ช่วยสนับสนุนให้นักเรียนมีความมุมานะในการเรียน การส่งเสริมให้นักเรียนเห็นแนวทางในการเรียนแต่ละวิชา จะช่วยให้พวกเขาเห็นความสำคัญและมีความสนใจในสิ่งที่เรียนหรือศึกษาอยู่ แทนที่เราจะบังคับให้พวกเขาเรียนโดยพวกเขารู้สึกต่อต้าน การสร้างให้เขามีแรงบันดาลใจจะเป็นแนวทางส่งเสริมที่ดีกว่า และจากจุดนี้เอง เมื่อนักเรียนมีความมุมานะมากขึ้น ความเกียจคร้านที่มีมาแต่เดิมก็มีแนวโน้มที่จะลดลง จนแทบจะหายไปจากตัวตนของเขาเลยก็เป็นไป

 

        ตามหลักของพระพุทธศาสนาแล้ว ความเกียจคร้าน เป็นหนึ่งใน อบายมุข 6 ซึ่งเป็นหนทางแห่งความเสื่อม ส่งผลให้ชีวิตวุ่นวายไม่สิ้นสุด ทำให้เสียการเสียงาน ทำให้ตัวเองขัดสนและขาดความน่าเชื่อถือ และแม้ว่าความเกียจคร้านในวัยเรียนอาจจะเป็นแค่บางช่วง แต่ถ้าปล่อยไว้ก็อาจจะกลายเป็นอุปนิสัยที่แก้ไขได้ยาก ผู้ใหญ่ที่มีความเกียจคร้านอยู่ในกมลสันดานย่อมไม่อาจสร้างสรรค์ให้ชีวิตเจริญก้าวหน้า ได้ ดังนั้นก่อนที่เด็กและเยาวชนจะก้าวไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ครูอย่างเราก็ควรตัดไฟแต่ต้นลมดีกว่า 


รีวิว
(0)
ดาวน์โหลด
(3)
เก็บไว้อ่าน
(5)