ปกติครูทักเด็ก ๆ ว่าอะไร?
คุยกับเด็ก ๆ เรื่องอะไรบ้างนะ?
.
(วิธี) การชวนเด็ก ๆ คุย อาจเริ่มจากคำถามที่เป็น
“เรื่องเฉพาะที่เด็กคนนั้นสนใจ”
แต่ยังคงเป็น “คำถามปลายเปิด” เช่น
“ช่วงนี้ดูหนังเรื่องอะไรอยู่”
“เรื่องที่สนุก/ท้าทายที่สุดในการเล่นบอลคืออะไร”
“วันนี้ได้เรียนรู้อะไรบ้าง (อาจจะไม่ใช่เรื่องเรียนก็ได้)”
ฯลฯ
.
การถามเรื่องที่เฉพาะเกี่ยวกับเด็กแต่ละคน
จะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกถึงความใส่ใจที่ครูมีใน
“ตัวตนที่แตกต่างของเด็กแต่ละคน”
ในขณะเดียวกันการเปิดคำถามเป็นปลายเปิด
จะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกว่า เราพร้อมเปิดรับ ไม่ตัดสิน
เด็ก ๆ จะเปิดใจเข้าหาเรามากขึ้น
เขามีเรื่องอะไรในใจ อยากได้ความช่วยเหลืออะไร
มาบอกครูได้ ครูเองก็จะช่วยได้ง่ายขึ้นด้วย
.
จากงานวิจัยเรื่อง Praise for Intelligence Can Undermine
Children’s Motivation and Performance
(Claudia M Mueller and Carol S Dwek, 1998)
ไม่ใช่คำชมทุกคำจะดีเสมอไป
การชมเองก็มีศิลปะเหมือนกันนะ :-)
.
บางคำชมที่ “ประเมินคุณค่าความสามารถหรือนิสัย” ของเด็ก
เช่น “ลายมือหนูสวยมาก”, “หนูเก่งที่สุด”, “คิดเลขไวมาก”
อาจให้ผลที่ครูไม่ได้ตั้งใจ
เพราะทำให้เด็กรู้สึกกดดัน กลัวทำได้ดีไม่เท่าเดิม
จนไปลดแรงจูงใจใน “การเรียนรู้” สิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้
.
แล้วคำชมที่ให้กำลังใจเด็กแบบไม่กดดันทางอ้อมเป็นยังไงนะ?
> การชมว่า “ตั้งใจระบายสีมากเลย” อาจดีกว่า “ระบายสีเก่งมากเลย”
การที่ครูใส่ใจมองเห็นที่ “ความพยายาม/ความตั้งใจ”
จะทำให้เด็ก ๆ เห็นคุณค่าและความสนุกของกระบวนการเรียนรู้
รู้สึกมั่นใจที่จะลอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญกว่าผลลัพธ์ที่ดูดีหรือเก่ง
.
>นอกจากนี้ การลองถามให้เด็กย้อนคิดถึงสิ่งที่ตัวเองเลืิอกทำ เช่น
“ทำไมถึงเลือกวาดรูปนี้”, “ทำไมถึงสนใจทำเรื่องนี้”, “ทำไมเลือกใช้คำนี้”
จะกระตุ้นความสงสัยอยากหาคำตอบและประเมินสิ่งที่ตัวเองทำด้วย
การชมเด็ก ๆ อย่างมีเป้าหมาย โดย “สนับสนุนจุดที่เขาทำได้ดีอยู่แล้ว”
เช่น “เหตุผลที่หนูหามาสนับสนุนความคิดหนูน่าเชื่อถือดีนะ”
หรือจุดที่ “อยากให้เขาพัฒนาเพิ่ม” เช่น
“เรื่องที่หนูพูดน่าสนใจมาก ถ้าพูดดังกว่านี้จะดีมากเลย”
จะทำให้ครูสร้างกำลังใจและกระตุ้นการพัฒนาศักยภาพ
ตามความสามารถและพัฒนาการของเด็กแต่ละคนได้
.
เป็นการชมแบบผลักดันให้เด็กเรียนรู้ เติมเต็มส่วนที่เติมได้
และกระตุ้นให้เขากล้าเสี่ยงที่จะ “ลอง” เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ
การชมเด็ก ๆ แบบพร่ำเพรื่อ โดยไม่มีประเด็นจริง ๆ
อาจทำให้เด็ก ๆ อยากได้ “การยอมรับ” มากกว่า
อยากได้แรงผลักดันหรือการสนับสนุนให้เรียนรู้
การชมจึงควรมีประเด็นที่ครูมองเห็นและ “เลือกจุดชมอย่างตั้งใจ”
.
จากผลงานวิจัยพบว่าเด็กเล็กจะรู้สึกดีกับคำชมที่มีคนอื่น ๆ อยู่ด้วย
ในขณะที่เด็กวัยรุ่นจะรู้สึกดีกว่าเมื่อครูชมเขาเป็นการส่วนตัว
เช่น เขียนโน๊ตไปในสมุดการบ้านของเขา หรือ ชมระหว่างเจอที่ห้องสมุด
แต่แน่นอนว่าเด็ก ๆ ทุกวัย (หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่อย่างเราเอง!)
ย่อมรู้สึกไม่ดีหากถูกเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ
ไม่ว่าเราจะเป็นคนถูกเปรียบเทียบหรือคนถูกชมเองก็ตาม
อ้างอิง:
https://www.edutopia.org/article/right-kind-praise-can-spur-student-growth
https://www.edutopia.org/discussion/how-talk-problem-student-without-them-tuning-you-out