icon
giftClose
profile

คุยกับ "มุนิน" ศิลปินผู้ฝันถึงห้องเรียนที่สนุกขึ้น

12920
ภาพประกอบไอเดีย คุยกับ "มุนิน" ศิลปินผู้ฝันถึงห้องเรียนที่สนุกขึ้น

คุยกับศิลปิน Ep. 3 พวกเราชวนมาคุยกับคุณมุนิน นักวาดการ์ตูนชื่อดัง ผู้สร้างสรรค์ผลงานจากไอเดียการสอนของคุณครู ที่จะมาบอกเล่าความทรงจำในวัยเรียน ความหวังของเธอต่อการศึกษาไทย และเบื้องหลังการถ่ายทอดไอเดียการสอนมาเป็นผลงานศิลปะ

ช่วยแนะนำตัวสั้นๆ หน่อยค่ะ

สวัสดีค่ะ มุนินนะคะ เป็นนักเขียนการ์ตูนอาชีพ ตอนนี้ทำงานเขียนการ์ตูนเต็มเวลาค่ะ แล้วก็มีดูแลสำนักพิมพ์ 10 มิลลิเมตรด้วยค่ะ


ถ้าเปรียบเทียบตัวเองในวัยเรียนเป็นหนังสือสักเล่ม คิดว่าเป็นหนังสืออะไร

คงเป็นหนังสือการ์ตูนค่ะ เหมือนชีวิตช่วงนั้นก็ผูกพันกับการวาดรูป วาดการ์ตูนมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ ถ้าย้อนกลับไปคงจะเห็นภาพเป็นฉากๆ เป็นการ์ตูน อาจจะเป็นการ์ตูนตลกบ้าง การ์ตูนบู๊บ้าง ช่วงที่กิจกรรมหนักๆ ก็จะวาดการ์ตูนแบบดราม่าบ้างก็มีค่ะ


มีเหตุการณ์หรือประสบการณ์อะไรในวัยเรียนที่รู้สึกว่าได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง

น่าจะเป็นช่วงมัธยมค่ะที่ได้ทำกิจกรรมเยอะๆ เรามองว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ได้เรียนเก่งมาก แต่ว่าจะพยายามสร้างตัวตนของตัวเองให้ชัดเจน เช่นในด้านการวาดรูป เราก็เลยพยายามเอาสิ่งที่เราทำได้เข้าไปใส่ในงานที่มันเป็นของส่วนรวม ก็จะนึกถึงช่วงที่ได้ทำกีฬาสี สแตนด์เชียร์อะไรแบบนี้ ได้ซ้อมเชียร์น้องๆ รู้สึกเหมือนเป็นช่วงเวลาที่เราได้ดึงศักยภาพตัวเองออกมา แล้วก็ได้ฝึกความรับผิดชอบ เหมือนเราได้ซ้อมเป็นผู้ใหญ่ไปอีกขั้นหนึ่ง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่เหมือนกัน ด้วยความที่เราเป็นคนทำงานละเอียด แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้เราได้รางวัลจากการประกวดเชียร์ มันก็ให้ประสบการณ์กับเราเยอะ



คิดว่าคนเราควรได้รับอะไรจากระบบการศึกษา

เรารู้สึกว่าการศึกษาไทยโดยเฉพาะในโรงเรียน มันสามารถสนุกได้มากกว่านี้ อย่างเราถ้าย้อนกลับไปมองตัวเองเราคิดว่าเราโชคดีที่ยังมีอะไรอย่างอื่นให้ทำ อย่างการวาดรูปที่มันส่งเสริมตัวตนเรา แต่ในห้องเรียนที่ทุกคนมีความหลากหลาย เราคิดว่ากิจกรรมในโรงเรียนยังไม่ตอบความสนใจของหลายๆ คนมากนัก สิ่งที่ต้องเรียนก็ไม่สนุก ความทรงจำในช่วงวัยเรียนที่นึกถึงก็มักจะมีแต่ความเคร่งเครียด การสอบ ประกาศผลสอบ มีแต่เรื่องแบบนี้อยู่ในหัวเราตลอดเลย โดยเฉพาะช่วงม.ปลายที่เรียนหนักมาก แต่ถึงหนักขนาดนั้นก็ยังต้องไปเติมข้างนอกด้วยการเรียนพิเศษอยู่ดี ก็เลยคิดว่ามันน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น คือทำให้โรงเรียนสนุกขึ้น ทำให้ความทรงจำตอนเรียนมันดีขึ้นกว่าทุกวันนี้ค่ะ 


อีกอย่างคือเราถูกผลักให้ไปเรียนในสายวิชาการ ทั้งๆ ที่ตัวเราชอบวาดรูป แต่ ณ ตอนนั้นสังคมมองว่าการวาดรูปเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงมากนัก ถึงตอนนี้ก็ยังมีมุมมองแบบนี้อยู่ เด็กๆ ถูกบอกให้เรียนแล้วก็ทำงานส่ง ซึ่งสิ่งพวกนี้มันจะถูกนำมาชี้วัดเป็นเกรด ทีนี้พอเป็นเกรดมันเหมือนเป็นการบอกว่าเด็กคนนี้เรียนเก่ง การถูกชี้วัดด้วยตัวเลขมันก็เหมือนเป็นการบอกว่าคุณต้องไปเส้นทางไหน เป็นสูตรตายตัว เราคิดว่าตรงนี้มันทำให้ระหว่างทางมันขาดความสนุกหรือความหลากหลายไปเยอะเลย เช่นอย่างเรามีความรับผิดชอบหรือเรียนได้ดีหน่อย ก็มักจะถูกผลักให้ไปเรียนสายแพทย์โดยอัตโนมัติ 


การเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตัวตนของตัวเองเป็นอย่างไร

ตอนเรียนเรารู้สึกชอบคาบเรียนอิสระ คาบชมรม หรือแนะแนว เป็นคาบที่เรารู้สึกว่าไม่ต้องเรียนและเราจะรอคอยมาก แต่พอเรียนจริงๆ วิชาแนะแนวก็ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ถ้าเป็นไปได้เราอยากเพิ่มส่วนเสริมที่ไม่ใช่วิชาการเข้ามา ให้มีสัดส่วนเวลาในการค้นหาตัวเองมากขึ้นตามความถนัดของแต่ละคน ได้ศึกษาลงลึกอย่างอิสระในสิ่งที่ตัวเองสนใจ คิดว่าน่าจะได้ค้นหาตัวตนของตัวเองเจอมากกว่านี้ตั้งแต่ในช่วงเวลาน้ัน



เพราะอะไรถึงสนใจมาร่วมทำงานกับ Skip School และ insKru 

พอพูดถึงเรื่องการศึกษา เราจะมีความทรงจำในวัยเรียนเยอะมาก อาจจะเพราะเป็นคนที่ชอบเก็บ ชอบคิดถึงอดีต พอพูดถึงเรื่องการศึกษาเลยสนใจอยู่แล้ว พอเข้าใจปัญหาในตัวโครงสร้างอยู่บ้าง และในความทรงจำเรามันพอจะมีเรื่องราวให้แบ่งปันอยู่ เลยอยากจะเข้ามาร่วมตรงนี้ 


หลังจากได้อ่านไอเดียการสอนของคุณครู ถ้าคุณมุนินได้ลองเรียนด้วยไอเดียนี้ คิดว่าจะรู้สึกอย่างไร

ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ จริงๆ มันไม่ได้เป็นกิจกรรมที่ซับซ้อนเลย แค่มีกระดาษให้เด็กๆ เขียนสรรพนามแทนตัวเอง แล้วก็เชื่อมโยงไปถึงเรื่องความหลากหลายทางเพศและอัตลักษณ์ของตัวตนแต่ละคน คิดว่าถ้าเราได้ทำกิจกรรมนี้ในห้องเรียน มันคงจะดี ไม่ใช่แค่ว่าเราได้สื่อสารกับตัวครูที่สอน แต่ยังทำให้เราได้สื่อสารกับเพื่อนร่วมห้อง ถ้านึกย้อนไปจริงๆ มันมีเรื่องราวเยอะมากระหว่างเรากับเพื่อน ทั้งความไม่เข้าใจกันต่างๆ เพื่อนคนนี้เราสนิท เพื่อนอีกคนอาจจะไม่ลงรอยด้วยหรือไม่เข้าใจกัน ถ้ามันได้มีกิจกรรมแบบนี้ มันน่าจะทำให้เราเข้าใจ เห็นความต่าง และเป็นผลดีต่อสังคมของเราในวัยนั้นมากๆ 


หลังจากได้อ่านไอเดียนี้แล้ว นำมาเป็นพัฒนาผลงานศิลปะอย่างไรบ้าง

จริงๆ มันปิ๊งตั้งแต่ชื่อโครงการแล้ว “ภาษาสีรุ้ง” เรารู้สึกว่ามันน่าค้นหาดี ที่นักเรียนได้มาแลกเปลี่ยนมุมมองความแตกต่าง หลากหลายในอัตลักษณ์ทางเพศผ่านคำสรรพนาม ซึ่งตอนเด็กๆ มันเป็นเรื่องยากเหมือนกันนะที่จะทำความเข้าใจประเด็นนี้ อ่านไอเดียแล้วก็รู้สึกอินมากเพราะเราก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด เลยเอามาทำเป็นภาพวาด เป็นตัวการ์ตูนที่เป็นคน และอยากจะสื่อว่าภาษาหรือว่าสิ่งที่เขาพูดมันจะฉาบตัวตนของเขาเพื่อที่จะแสดงออกไปให้สังคมได้รับรู้หรือแม้แต่ตัดสินเขา เพราะฉะนั้นคำพูดนี่แหละสำคัญมาก ถ้าเป็นไปได้ถ้ามีคำที่เป็นกลางมากขึ้น หรือเป็นคำที่สังคมยอมรับมากขึ้นเวลาที่จะใช้บอกเล่าตัวตนเขา เราว่ามันก็น่าจะดี ก็เลยออกมาเป็นผลงานนี้ 



ระหว่างรูปแบบการสอนที่คุณครูบอกว่าอะไรถูกหรือผิด กับ การสอนที่ให้นักเรียนได้แสดงความเห็นและแลกเปลี่ยนกัน คิดว่าต่างกันอย่างไร

แนวทางแบบหลังเป็นแบบเดียวกับกิจกรรมภาษาสีรุ้ง คือให้เด็กได้เขียนความเห็น แล้วลองแลกเปลี่ยนกัน ลองใช้สรรพนามแทนตัวเราว่าเรารู้สึกยังไง มันทำให้เด็กได้จำลองการที่เขาต้องพูดในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเขา วิธีแบบนี้มันเข้าถึงมากกว่าการที่ครูบอกว่าสิ่งนี้ถูกหรือผิด มันเป็นคำตอบที่ได้จากการทดลองของเด็ก ได้เช็คความรู้สึกของเขาด้วย ผลลัพธ์ก็เกิดกับเขา ทำให้เข้าใจคนอื่น เข้าใจสังคม และวันหนึ่งมันจะพัฒนามาสู่ความเข้าอกเข้าใจคนอื่น คิดในมุมของคนอื่นๆ ในสังคมได้ คิดว่าอันนี้เป็นข้อแตกต่างของการสอนสองแบบที่ต่างกันมากๆ


คิดว่าการศึกษาไทยมีความหวังหรือความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทางใดบ้าง

ของเราอาจจะมองในมุมแม่ด้วย เพราะตอนนี้ก็กำลังมองหาโรงเรียนให้ลูกอยู่ เราก็เห็นกระแสของโรงเรียนทางเลือกต่างๆ ซึ่งมันก็ตอบส่วนที่เราเคยคิดฝันไว้ ที่เราพูดไปเกี่ยวกับการเสริมกิจกรรมที่มันสนุกขึ้น หรือว่าเสริมคุณค่าผู้เรียนมากขึ้น เด็กๆ เรียนรู้ได้จริง แล้วก็ใช้ได้จริงในชีวิตเขา แต่ว่ามันก็ยังเป็นโรงเรียนทางเลือกหรือเป็นการศึกษาที่ไม่ได้เข้าถึงได้ทั่วไป ในความคาดหวังก็ยังอยากให้มันไปอยู่ในระบบการศึกษาไทยโดยพื้นฐานให้ได้มากที่สุด ขยับจากรูปแบบเก่าๆ เข้ามาสู่สิ่งใหม่ๆ ที่ ณ ตอนนี้มันก็พอมีเป็นกรณีศึกษาอยู่บ้าง อีกมุมหนึ่งเราคิดว่าคุณครูก็อาจจะขาดแรงรูงใจในการสอน เพราะทุกอย่างมันมีตัวชี้วัด แล้วก็รอการประเมินตลอดเวลา มันทำให้ตัวคุณครูก็ไม่มีเวลาไปหาวิธีการสอนที่สร้างสรรค์ หรือว่ามาชวนเด็กๆ ทำกิจกรรม ในเมื่อทุกอย่างมันต้องไปตามระบบที่ต้องถูกวัดผลเป็นตัวเลขเสมอ เพราะฉะนั้นเราก็เข้าใจในระบบเก่าแล้วก็คาดหวังการเปลี่ยนแปลงที่มันลึกขึ้น เพราะเข้าใจว่ามันไม่สามารถเปลี่ยนแค่ตัวคนที่ทำงานอยู่ตอนนี้อย่างคุณครู หรือแม้แต่ผู้อำนวยการ เราว่ามันเปลี่ยนแค่นั้นไม่พอ แต่ต้องไปลึกกว่านั้น


โรงเรียนหรือคุณครูต้องการแรงสนับสนุนจากใครบ้างมาช่วยกันขับเคลื่อนประเด็นการศึกษา

เราไม่แน่ใจว่าประเทศให้ความสำคัญกับการศึกษามากน้อยแค่ไหน มันมีปัญหาหลายๆ อย่างในระบบเยอะมาก แต่ก็ยังไม่ได้ถูกแก้ไข การจะเพิ่มความคิดสร้างสรรค์หรือกิจกรรมอะไรที่ระบบแบบเก่าไม่สามารถชี้วัดเป็นตัวเลขได้มันเลยดูทำได้ยาก แต่เราก็ยังคาดหวังว่ามันต้องอาศัยแรงจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร อาจจะในตัวโรงเรียน อย่างโรงเรียนทางเลือกในภาคเอกชนเองก็สามารถที่จะสนับสนุน เพิ่มกิจกรรมอะไรต่างๆ เข้าไปในโรงเรียน มันก็อาจจะช่วยเป็นแนวทางให้โรงเรียนในระบบอื่นๆ ให้เขาเริ่มมีภาพในการเปลี่ยนแปลงตามมา



อยากฝากอะไรถึงคุณครูหลายๆ คนที่พยายามพัฒนาการสอนในห้องเรียน

สำหรับคุณครูที่ยังมีใจรักที่จะเป็นคุณครูที่ดี แล้วก็ที่สำคัญคือเป็นคุณครูที่สนุกและพยายามเข้าใจเด็กนะคะ เราว่าตรงนี้สำคัญมาก อย่าลืมว่าตอนเป็นเด็กเราเป็นยังไง เราต้องการอะไร มีใครมองเห็นเราหรือมีใครเข้าใจเราบ้าง อย่าลืมความเป็นเด็กในตัวเราแล้วก็เอามันมาใส่กับสิ่งที่เราทำอยู่ ประทับใจกับการที่ได้อ่านกิจกรรมต่างๆ ของคุณครูที่ใช้ในการเรียนการสอนในแคมเปญนี้ แล้วก็ชื่นชมมากๆ เลยนะคะ อยากเป็นกำลังใจให้คุณครูทุกคนที่พยายามที่จะช่วยกันปลุกปั้นนักเรียนของเราให้โตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมได้ ไม่ว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงช้าหรือเร็ว แต่สิ่งที่เราทำได้เลยทันทีคือ เราสามารถให้ความรู้ ประสบการณ์ สิ่งที่เราพบเจอมา เราสามารถส่งตรงให้เด็กได้เลย ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ค่ะ


เชิญชวนคนมางานนิทรรศการหน่อยได้ไหมคะ

ฝากถึงทุกคนเลยนะคะ ตอนนี้มีนิทรรศการ Skip School ที่จะพาเราไปค้นหาการศึกษาและโรงเรียนในฝัน ว่ามันสามารถมีความเป็นไปได้อะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นกับการศึกษาในรุ่นน้อง รุ่นลูกของเราบ้าง อยากจะชวนผู้ใหญ่ทุกคนเข้ามาชมนิทรรศการนี้นะคะ น่าจะจุดประกายความคิดอะไรหลายๆ อย่างให้กับเรา จะได้ช่วยกันพัฒนาวงการการศึกษาไทยไปด้วยกัน ที่สำคัญก็ฝากไปติดตามเพจของ InsKru แล้วก็มีเว็บไซต์ที่จะมีไอเดียการสอนดีๆ จากคุณครูมาแบ่งปัน เรียกได้ว่าเป็นไอเดียที่จะช่วยต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของคุณครูที่อยากจะเพิ่มมิติอื่นๆ ให้กับการเรียนการสอนให้มีสีสันมากขึ้น อันนี้ก็ดีมากๆ เลย 

รีวิว
(0)
ดาวน์โหลด
(0)
เก็บไว้อ่าน
(2)