ฝึกทักษะการสังเกต สนุกสนาน ผ่าน AR by App. WallaMe

การสังเกตเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานทักษะอื่นๆ เช่น ทักษะการจำแนกประเภททักษะการพยากรณ์ ทักษะการลงความคิดเห็น เป็นต้น การสังเกตทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น ทำให้เกิดปัญหา อันจะนำไปสู่ขั้นตอนในการสืบเสาะเพื่อหาความรู้และได้มาซึ่งความรู้มากขึ้น

เปลี่ยนการเรียนรู้ทักษะการสังเกตแบบเดิมๆ ให้มีสีสัน น่าสนใจ สนุกสนานในการเรียนรู้ กระตุ้นและดึงดูดความสนใจของนักเรียน ครูตุ๊กตาได้ ฝึกทักษะการสังเกต ให้กับนักเรียน ให้นักเรียนสนุกสนานกับการเรียนรู้ ผ่าน Augmented Reality หรือ AR by Application WallaMe 

ครูตุ๊กตาเริ่มจาก สำรวจต้นไม้ภายในโรงเรียน สำรวจชื่อต้นไม้โดยใช้ Application PictureThis ร่วมกับการสืบค้นข้อมูลจาก internet ถ่ายภาพต้นไม้ที่ต้องการ และสร้างสื่อการสอนที่ระบุชื่อ วิทยาศาสตร์ของต้นไม้ และชื่อต้นไม้ภาษาไทย(ซึ่งนักเรียนต้องนำมาเรียงใหม่ให้เป็นชื่อที่ถูกต้อง เพิ่มความสนุก ดึงดูดความสนใจเด็กๆมากขึ้นอีกสักนิด) โดยใช้ Application WallaMe (AR) จากนั้นก็ปริ้นท์รูปภาพต้นไม้ และนำไปติดบริเวณต้นไม้นั้น เพื่อให้นักเรียนออกสำรวจ สังเกต และศึกษาเรื่องทักษะการสังเกต

เป็นสื่อเทคโนโลยีที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก สามารถสร้างความสนใจแบบ “โอ้โห” (Wow! factor) ให้กับนักเรียนในชั้นเรียน ทำให้เรื่องที่เรียนเป็นเรื่องสนุก น่าสนใจ และนำไปสู่การเรียนรู้ที่ดีขึ้น ช่วยให้นักเรียนสนุก มีความสุขในการเรียนรู้ ดึงดูดความสนใจในการเรียนมากขึ้น นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน ช่วยให้นักเรียนเข้าใจทักษะการสังเกตได้มากขึ้น ช่วยกระตุ้นกระบวนการคิดวิเคราะห์ คิดจำแนก แยกแยะ และคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้นักเรียนจัดระบบความคิดได้อย่างเป็นระบบ 

จากนั้นก็ถึงเวลาสำหรับการเรียนรู้ของเด็กๆ นอกห้องเรียนกันแล้ว .. หยิบโทรศัพท์ Smart Phone แล้วออกลุย

ได้ทักษะการทำงานกลุ่มเป็นของแถม แลกเปลี่ยน แบ่งปัน ในแบบเด็กๆ

ผลจากการสำรวจเกี่ยวกับการโดยใช้ Augmented Reality (AR) ผ่าน Application WallaMe เรื่องทักษะการสังเกต วิชาวิทยาศาสตร์เสริมทักษะ ไปใช้ในการเรียนการสอนพบว่า ครูและนักเรียนที่ใช้ มีความเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่ว่า สื่อเสริมการเรียนรู้ Augmented Reality (AR) ผ่าน Application WallaMe เรื่องทักษะการสังเกต วิชาวิทยาศาสตร์เสริมทักษะ นี้มีข้อดีแตกต่างจากสื่อประเภทอื่นๆ ที่เด่นชัดคือ สามารถสร้างความสนใจแบบ “โอ้โห” (Wow! factor) ให้กับนักเรียนในชั้นเรียน ทำให้เรื่องที่เรียนเป็นเรื่องสนุก น่าสนใจ และนำไปสู่การเรียนรู้ที่ดีขึ้น ช่วยให้นักเรียนสนุก มีความสุขในการเรียนรู้ ดึงดูดความสนใจในการเรียนมากขึ้น นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน ช่วยให้นักเรียนเข้าใจทักษะการสังเกตได้มากขึ้น ช่วยกระตุ้นกระบวนการคิดวิเคราะห์ คิดจำแนก แยกแยะ และคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้นักเรียนจัดระบบความคิดได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งน่าจะเป็นเทคนิคการสอนที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนในเรื่องอื่นๆ และในปีการศึกษาหน้าได้ต่อไป