วิธีวัดผลแบบให้เด็กประเมินตนเองทำยังไงนะ?
.
วิธีการวัดและประเมินผลแบบนี้ ไม่ใช่การสอบ
แต่จะให้เด็กๆ ประเมินตัวเองจากหลักฐานการเรียนรู้
ที่เด็กๆ เลือกเอง อะไรก็ได้ที่สื่อว่าเขาเข้าใจเรื่องที่เรียน
เทียบกับ “Rubric” หรือ “ระดับการพัฒนา
ที่ครูให้
โดยหัวข้อที่ครูกวางจะชวนเด็กๆ มาประเมิน
คือ: แก้ปัญหาเกี่ยวกับจำนวนในชีวิตจริง
.
วิธีการคือ ครูกวางจะให้
1) เด็กๆ เลือกหลักฐานการเรียนรู้ที่เด็กๆ คิดว่า
แสดงให้เห็นว่าตัวเองสามารถนำเนื้อหาเรื่องจำนวน
ไปแก้ปัญหาหรือใช้ในชีวิตจริงได้
และตอบตามจุดประสงค์การเรียนรู้
อาจจะเป็น แบบฝึกหัดที่ทำกันในห้อง
ใบเสร็จการซื้อของที่เด็กๆ เห็นว่าพนักงานคิดเงินผิด
การหารค่าอาหารกับเพื่อนที่ไม่ลงตัว ฯลฯ
2) ให้ Rubic หรือเกณฑ์ในการประเมินแก่เด็กๆ
เพื่อให้เด็กวิเคราะห์การเรียนรู้ของตัวเอง
ว่าอยู่ในระดับไหนของเกณฑ์
และให้เด็กประเมินตัวเองว่าเขาอยู่ระดับไหน
**ให้เด็กๆ ปรึกษาเพื่อนๆ ได้ แต่ว่าอย่าทำตามกันน้า
3) จากนั้นครูประเมินเด็กๆ ตาม Rubric อีกที
พร้อมให้เด็กๆ หาหลักฐานอื่นๆ
และมาประเมินใหม่กับครูได้อีกครั้ง
ทำความรู้จัก Rubric กันหน่อย
.
Rubric ของครูกวาง คือ “ระดับ/เกณฑ์การเรียนรู้”
ว่าเด็กๆ เข้าใจและตอบจุดประสงค์การเรียนรู้แค่ไหน
โดยครูกวางกำหนด “จุดประสงค์การเรียนรู้” ไว้ 2 ข้อ
แล้วแบ่งการเรียนรู้ของเด็กเป็น 4 ระดับ ได้แก่
(1) Beginning- ตอบจุดประสงค์ได้ไม่ถึง 1 ข้อ
(2) Developing- ตอบจุดประสงค์ได้ 1 ข้อ
(3) Proficient- ตอบจุดประสงค์ได้ 2 ข้อ
[เป็นจุดที่ครูคาดหวังว่าเด็กๆ จะทำได้]
(4) Advance- เกินกว่าจุดประสงค์ที่ครูตั้ง
เช่น เด็กไม่ใช่แค่แก้โจทย์คณิตในชีวิตจริงได้ แต่สร้างโจทย์ปัญหาได้
** 4 ระดับนี้ ไม่ใช่เกรดนะ!
แต่เป็น “ขั้นบันไดของการเรียนรู้และพัฒนา”
ตัวอย่างการให้เด็กประเมินตัวเองโดยใช้หลักฐานการเรียนรู้
.
น้องแพรว: วันนั้นกินข้าวกับเติ้ล
เติ้ลมาเก็บเงินค่าข้าวเราคนละ 70 บาท
แต่ค่าข้าวที่เรากินสองคนมันแค่ 100 เอง
หนูว่าเติ้ลคิดเงินผิดค่ะ
หนูประเมินตัวเองให้เบอร์ 2
ครูกวาง: แต่หนูเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
มีการใช้การคูณเป็นด้วย ครูกวางให้ระดับ 3
เพราะหนูทำได้ทั้งสองข้อเลย
(ระดับสี่ต้องทวงเงินเติ้ลให้ได้ อ่ะ ครูล้อเล่น!)
Note: Flow & Fair เด็กมีส่วนร่วมสะท้อนตัวเองแบบปลายเปิดแฟร์ ๆ จากงานที่ตัวเองเลือก ครูไม่ใช่คนตัดสิน แต่ช่วยผลักดันให้เด็กเห็นว่าเขาต้องไล่ระดับความเข้าใจไปต่อยังไง
.
น้องแสน: ผมแบ่งขนมให้เติ้ลกินครับ
เติ้ลกินไปเกือบหมดห่อเลย เหลือแค่ก้นๆ ห่อครับ
เติ้ลควรช่วยผมออกค่าขนมนะครับ
อืม ผมประเมินตัวเองระดับ 1 ครับ ผมยังงงๆ อยู่เลย
ครูกวาง: อืม ครูให้ระดับ 1 ก่อนนะ
เพราะน้องแสนยังไม่ได้เอาคณิตมาแก้ปัญหาคำนวน
ว่าขนมหายไปเท่าไหร่ แล้วเราจะให้เติ้ลช่วยออกเงินกี่บาท
แต่มปรนะ เดี๋ยวมาคุยกัน ประเมินตัวเองใหม่ก็ได้นะ
Note: เด็กพัฒนาได้ ไม่โดนครูตัดสินไปเลยเหมือนตอนสอบ เด็กๆ รู้สึกว่าเขาพัฒนาได้
เทคนิคการออกแบบรูบิก
.
เริ่มจากการตั้งจุดประสงค์ในใจว่า
“อยากให้เด็กๆ ได้รู้อะไรจากบทเรียนนี้”
(เริ่มจากระดับ 3 ที่เราคาดหวังว่าเด็กๆ จะได้)
แล้วค่อยลด-เพิ่มให้เป็นเกณฑ์ข้อ 1,2 และ 4
หรือให้เด็กๆ มาช่วยเติมก็ได้นะ
ว่าจบคาบนี้เขาอยากทำอะไรได้บ้าง
.
กำหนดเกณฑ์และผลลัพธ์ให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
ยกตัวอย่างเลยว่าเด็กๆ ต้องทำอะไรได้บ้าง
.
เกณฑ์ชัดแล้ว คุยกับเด็กๆ ด้วยว่าเรา “ประเมินไปเพื่ออะไร”
การประเมินการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กๆ ได้เห็นว่าเขาทำอะไรได้(ดี)
และมีตรงไหนที่ยังทำไม่ได้ จะพัฒนายังไงดี
Rubric นี้ไม่ใช่การตัดเกรด แต่เป็นระดับขั้นการเรียนรู้ของเด็กๆ
ที่เขามาทำใหม่ได้ พัฒนาให้เพิ่มขึ้นได้นะ
FAQ: คำถามที่ครูถามบ่อย
.
เด็กเยอะ จะทำยังไง?
>เราอยู่กับเด็กอยู่แล้ว ตอนสอนเราพอเห็นว่าใครทำได้ขั้นไหน
บางคนเราให้เด็กเอาหลักฐานมาคุยกับเราได้เลย
ไปเน้นโฟกัสเด็กที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเป็นพิเศษแทน
.
ออกแบบ Rubric ยังไงดี ต้องอิงหลักสูตรไหม?
> Rubric เหมือนเป็นการออกแบบของครู
สร้างโมเดลพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เราคาดหวังขึ้นมา
ซึ่งอาจจะเอามาจากหลักสูตรแกนกลางก็ได้
ตัวชี้วัดก็ได้ ลองเอามาปรับรวมกันก็ได้
มันอาจจะเริ่มจากในห้องเลย หลังเราสอนเสร็จ
มา reflect กันเลยว่าเป็นยังไง อยากรู้อะไรเพิ่ม
ค่อยๆ ปรับจาก feedback เด็กๆ ก็ได้
ครูอาจจะต้องใช้พลังงานตอนเริ่มนิดนึง แต่เราว่ามันคุ้ม
.
ทำไงให้เด็กๆ เข้าใจการประเมิน ไม่ประเมินเข้าข้างตัวเอง?
> ครูต้องใจแข็ง ว่าเด็กๆ ทำได้ระดับนี้ก็คือเท่านี้
แต่ต้องย้ำกับเขาว่ามันไม่เป็นไร เพราะเขาพัฒนาได้ ทำใหม่ได้
เราอิงจากหลักฐานการเรียนรู้ของเด็กๆ
ถ้ารูบิคเรายิ่งชัด เด็ก ๆ จะไม่งอแง ต้องใช้เวลาค่อยๆ
ฝึกเขาให้เทียบหลักฐานการประเมินเข้ากับเกณฑ์ให้ชัดเจน
บอกเด็กว่า “ครูไม่ใช่คนตัดสิน ไม่ใช่คนให้คะแนน”
แต่เกณฑ์ของรูบิคและผลงานการเรียนรู้ของเด็กๆ ต่างหาก
ครูเป็นเพียงคนช่วย ต้องให้เด็กทำความเข้าใจใหม่ด้วยว่า
“การเรียนรู้ของเขาคือเขาทำเอง ไม่ใช่ครูเป็นผู้ให้”
.
เด็กคัดลอกงานกันมาส่ง ทำยังไงดี?
> ส่วนหนึ่งที่เด็กลอก อาจจะมาจากการตัดสินคะแนน
ผ่านการประเมินแบบเก่า อย่างการสอบ การตัดสิน
อาจจะเริ่มแก้ยาก แต่เราอาจจะต้องเริ่มคุยกับเด็ก
ว่าเป้าหมายการประเมินคืออะไร สำคัญยังไง
กับการเรียนรู้ของเขา อยากให้ครูช่วยอะไรไหม
แต่ไม่ใช่ไปตัดคะแนน อันนั้นมันเป็นการแก้ไขแบบปลายเหตุมากๆ
มันต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนกันไปทั้งระบบ
ถ้าเรายังวัดผลแบบเดิม สอนแบบเดิม พฤติกรรมก็อาจจะไม่เปลี่ยน
ครูลองออกแบบข้อสอบแบบที่ลอกกันไม่ได้ไหมนะ
.
สรุปจาก Live “วัดและประเมินผลยังไงให้ดีต่อใจเด็ก” insDemo Class
โดยครูกวาง จากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ครูแพรว ครูแสน ครูกอล์ฟ ครูเติ้ล และครูเก๋
ทาง insKru ขอขอบคุณวิธีและมุมองดีๆ จากคุณครูทุกคนด้วยค่า
ดูย้อนหลังแบบเต็มๆ ได้เลยที่:
https://www.facebook.com/InskruThailand/videos/2825486314408789
.
.
#วัดและประเมินผลแบบให้เด็กประเมินตนเอง
#เพราะทุกการประเมินผลเป็นไปได้
Content and Graphic by kp.
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!