#Kruอยากเล่า #ครูอยากเล่า
เราเป็นคนหนึ่งที่ในช่วงวัยเด็กมีทั้งพื้นที่ที่ปลอดภัย และไม่ปลอดภัย ซึ่งหลาย ๆ คนก็คงจะมีเหมือนกัน
จากการที่ได้เข้าร่วม workshop กับทาง inskru ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคุณครูหลาย ๆ ท่าน ทำให้เห็นว่าแต่ละคนก็มีทั้งพื้นที่ปลอดภัยและพื้นที่ไม่ปลอดภัยในช่วงวัยเด็กเช่นกัน ซึ่งก็แตกต่างกันไป ทำให้พอจะสรุปลักษณะของพื้นที่ปลอดภัย และพื้นที่ไม่ปลอดภัยได้ประมาณนี้คือ
การที่มีพื้นที่ปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัยมันส่งผลต่อการเรียนรู้และการใช้ชีวิตของคนคนหนึ่งจริง ๆ นะ เพราะมันได้แสดงออกเป็นรูปธรรมคือการใช้ชีวิตของเราในตอนนี้ ที่ยังคงมีปมในใจอยู่ และนึกถึงเรื่องราวที่เลวร้ายในอดีต หากเราได้อยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยเราก็คงได้เรียนรู้อย่างปกติ ไม่ต้องคอยกังวลว่าชีวิตของเราในแต่ละวันจะต้องพบเจอกับอะไรที่ไม่ดี เราคงมีความกล้ามากกว่านี้ เชื่อมั่นในตัวเองมากกว่านี้ และคงไม่ปิดกั้นโอกาสของตัวเองหลายอย่างเหมือนที่ผ่านมา
ในช่วงวัยอนุบาลเรารู้สึกว่าเป็นช่วงที่ปลอดภัยที่สุดของเรา เท่าที่เราจำความได้ เราสนุกและมีความสุขมาก ๆ ที่ได้ไปโรงเรียน ไปเจอเพื่อน ๆ ไปเจอคุณครู เราได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน เราคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เราได้เป็นตัวเองที่สุดแล้ว และนี่แหละที่เราคิดว่าเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยของเรา
ส่วนในช่วงวัยมัธยม หลาย ๆ คนอาจจะมีความทรงจำที่ดี จริง ๆ แล้วเราก็มีแหละ แต่ความทรงจำที่ไม่ดีมันกดทับ ทำให้เราไม่อยากย้อนไปนึกถึงช่วงมัธยม และไม่อยากนับช่วงเวลานั้นเป็นความทรงจำของเราเลย เราโดนเพื่อนแกล้งโดยไม่ทราบสาเหตุ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าไม่อยากไปโรงเรียนเลย ไม่อยากไปพบเจอเหตุการแย่ ๆ แบบนั้นทุกวัน เราไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงโดนแกล้ง ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย หรือถ้าทำอะไรผิดพลาด ก็ควรบอกเรามาตรง ๆ ไม่ใช่การทำร้ายเราทั้งทางร่างกายกายและจิตใจ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเป็นปมในใจเรามาตั้งแต่ตอนนั้น จำได้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ร้องไห้บ่อยเลย แต่ก็ถือว่าโชคยังดีอยู่ที่ต่อมาได้เปลี่ยนห้อง ทำให้ไม่ต้องเจอเหตุการณ์แย่ ๆ แบบนั้นทุกวันเหมือนช่วงแรก ตอนนั้นนึกว่าคงจะต้องลาออกและเรียนไม่จบแล้วซะอีก และนี่แหละที่เราคิดว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกายและจิตใจของเรามากที่สุด
ด้วยความที่เราเป็นเด็กไม่กล้าแสดงออก ไม่ค่อยพูด เราจึงต้องอดทนและเก็บความทุกข์ใจนั้นไว้ และบอกใครไม่ได้ เพราะเรากลัวว่าเราจะได้รับอันตรายมากกว่าเดิมหากเราพูดออกไป เราจึงไม่รู้เลยว่าการที่เจอพื้นที่ไม่ปลอดภัย ต้องทำยังไงเพื่อให้มันหลุดพ้นไปได้โดยที่ไม่ต้องอดทนกับสิ่งนั้น
พอเรามาเป็นครู เราเห็นนักเรียนโดนเพื่อนแกล้ง เราอยากช่วยมาก ๆ แต่เราก็ไม่รู้ว่าควรจะช่วยเขายังไง เรากลัวว่าการที่เราเข้าไปช่วยเขา อาจจะเป็นชนวนที่ทำให้เพื่อนแกล้งเขามากกว่าเดิม เราเคยพูดกับนักเรียนในห้องเรียนไปว่า "สิ่งไหนที่เราไม่ชอบ ก็ไม่ควรทำแบบนั้นกับคนอื่น" แต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะเขาไม่ได้มีความรู้สึกเข้าใจหรือเห็นใจเพื่อนเลย เคยมีบางมุมแอบคิดว่าถ้าสร้างสถานการณ์ให้พวกเขาได้รับในสิ่งที่พวกเขาทำไม่ดีกับเพื่อนบ้าง มันจะทำให้พวกเขาเข้าใจ เห็นอกเห็นใจเพื่อนบ้างไหม จะลดพฤติกรรมที่ไม่ดีลงได้หรือเปล่า?
สิ่งที่เราคิดว่าเราสามารถที่จะทำให้ห้องเรียนค่อย ๆ เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยได้ คือ
สิ่งที่เราคิดว่าเราอยากทำ (แต่ยังไม่ได้ทำ และทำไม่ได้) คือ
เราหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะสามารถสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยให้กับตัวเองและนักเรียนหลาย ๆ คนได้
แท็กที่เกี่ยวข้อง