icon
giftClose
profile

ธนาคารความทรงจำสร้างพลัง (ฝึกคิดบวก ที่ไม่บวก?)

24311
ภาพประกอบไอเดีย ธนาคารความทรงจำสร้างพลัง (ฝึกคิดบวก ที่ไม่บวก?)

การคิดบวกหรือมองโลกในแง่ดี ความปฏิเสธไม่ได้ว่า ก็ยังดีกว่ามองโลกในแง่ร้าย แต่สำหรับคนที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่กำลังแย่มันคงยากที่จะคิดบวกได้ในทันที และเราควรจะฝึกคิดบวกหรือมองโลกในแง่ดีอย่างไรหรือช่วงไหนดีให้กับนักเรียน มากรับชมกันครับ

“เอาน่าอย่าคิดมาก มองโลกในแง่ดีเข้าไว้” หรือ “หัดคิดบวกเข้าไว้สิ”


                2 ประโยคนี้เรามันจะพบบ่อยๆเวลามีใครสักคนมาปลอบใจ หรือเวลาเห็นใครหลายคนมักใช้ประโยคโยคนี้ปลอบใจ (บางทีเราก็ใช้เอง) ไม่ปฏิเสธว่าการคิดบวกเป็นสิ่งที่ดีกว่าการมองโลกในแง่ร้าย แต่ในบางสถานการณ์ที่แต่ละคนพบ เรื่องเรื่องราวที่มากระทบนั้นมันไม่ง่ายเลยที่เราจะคิดบวกได้ในทันที อาทิเช่น การเลิกกับแฟนที่รักกันมา การสูญเสียความสามารถ หรืออะไรก็ตามที่เรารักแบบกระทันหัน หรือจู่ๆอ่านหนังสือแทบตายดันสอบตก ฯลฯ การบอกให้คิดบวกด้วยความหัวงดีของเราซ้ำร้ายอาจจะเป็นตอกย้ำหรือเป็นการที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่า เรานั้นช่างไม่เข้าใจเขาเลย” นึกภาพว่าถ้าเพื่อนคุณสอบตกจนจะซ้ำแล้ว จากนั้นเราก็เดินมาตบบ่าปลอบใจพร้อมพูดว่า “เอาน่ามองโลกในแง่ดีเข้าไว้” ................มันจะไปมองโลกในแง่ดียังไงกันในตอนนั้น คุณนี่ช่างไม่เข้าใจความทุกข์ทรมานที่เราต้องเจอเสียเลย หรือบางครั้งเราก็กำลังหลอกตัวเองว่ากำลังคิดบวกหรือกำลังฝนมองโลกในแง่ดี อยู่ทั้งที่ใจคุณจริงๆแล้วมันติดลบมาก จนไม่ต่างกับการฝืนหลอกตัวเอง สุดท้ายก็จะกลายเป็น Toxic positivity สุด้ทายมันก็กลายเป็นการทำร้ายสุขภาพจิตใจของเราเองไปโดยไม่รู้ตัว เพราะมันก็ไม่ต่างกับการหลอกตัวเองว่า “ฉันโอเคนะ ฉันยังไหวอยู่” แต่ความเป็นจริงในของเรานั้นมันเจ็บปวดรวดร้าวมากจริงๆ ปัญหาสุขภาพจิตมันก็อาจจะสั่งสมตามมาภายหลังได้

               การมองโลกในแง่ดีนั้นหรือการคิดบวกนั้นในบางที อาจจะไม่ได้หมายถึงการมองแต่สิ่งที่ดี แจ่อาจจะเป็นมองเพิ่ม หรือบวกเพิ่มทางเลือกหรือปัจจัยอื่นๆในเหตุการณ์ที่เรามากระทบเรา ตัวอย่างจากเรื่องสั้นที่ผมยกขึ้นมา


1.ให้คุณครูลองชวนให้นักเรียนวิเคราะห์อารมณ์และพฤติกรรมของแต่ละคนเช่น คิดว่า เต้ ในตอนนั้นจะรู้สึกอย่างไร ? และเอ้ในตอนนั้นจะรู้สึกอย่างไรในตอนนั้น?

          แน่นอนคือแม้ว่าความจริงมันอาจจะแทบจะไม่ใช่ความผิดเต้เลย แต่แต้ตอนนั้นคงรู้สึกผิดและโทษตัวเองที่ทำของเพื่อนเสียหาย ผิดสัญญาเพื่อนทำให้เพื่อนเสียใจ ส่วนเอ้นั้นก็คงโกรธเต้โดยไม่สนว่าจริงๆแล้วไม่ใช่ฝีมือเต้เลยเพราะปกติเต้รักษาของอยู่แล้ว

2. จากนั้นให้นักเรียนลองคิดดูสิว่าถ้าจะมองโลกในแง่ดีคิดว่าตอนที่ทุกคนกำลังอารมณืพุ่งพล่านนั้นจะสามารถมองโลกในแง่ดีได้หรือไม่ ?

         คำตอบส่วนมากที่ผมพบคือ ไม่ดคับมันยากมากที่จะมองโลกในแง่ดีตอนนั้น ต้องรอแต่ละฝ่ายใจเย็นก่อนถึงค่อยอธิบายและขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น และ

3.จากนั้นให้นักเรียนวิเคราะห์เหตุการณ์ตามความเป็นจริงในฐานะคนนอกว่าความผิดอยู่ที่ใคร และการจะทำให้สถานการณ์นี้ดีขึ้นควรทำอย่างไร ?


      เรื่องสั้นนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อจะสอนให้นักเรียนเข้าใจว่า บางสถาณการณ์ ที่เกิดขึ้นการมองโลกในแง่ดีหรือการคิดบวกนั้นมันก็อาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที หรือจะบังคับให้คิดบวกเลยก็ไม่ได้อาจจะต้องรอแต่ละฝ่ายอารมณ์เบาลงเสียก่อน และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การมองโลกในแง่ดีหรือคิดบวก ก็คือ “การมองโลกตามความเป็นจริง” ไม่โทษตัวเอง หรือโทษผู้อื่นเพียงอย่างเดียว จะทำมาสู่กิจกรรมต่อมาครับ

               การจะฝึกคิดบวกหรือมองโลกในแง่ดีนั้น ไม่ควรฝึกคิดตอนที่อารมณ์กำลงัลบสุดขีด หรืออารมณืขุ่นมัวได้ที่เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว เผลอๆจะกลายเป็น Toxic positivity ไม่โดยไม่รู้ตัว ผมจึงเลือกช่วยปลายปีนี้ที่ใกล้วันหยุดแล้ว เลยหวังว่าอามรณ์นักเรียนน่าจะเริ่มผ่อนคลายจากวันหยุดยาวที่ใกล้ถึงนี้บ้าง (ได้แต่หัวงนะครับเพราะบางทีเด็กบางคนอาจจะยังเครียดอยู่บางก็ได้ ก็ถือเป็นโอกาสดีที่เด็กๆจะได้แชร์กับเรา) จึงเลือกช่วยอามรณ์ปก หรืออามรมณ์กำลังดีนี่แหละจะเหมาะมากับการฝึกมองโลกในแง่ดีหรือคิดบวก ผ่านเรื่องราวต่างๆในชีวิตตามโจทย์ตัวอย่างที่ผมได้แนบภาพไว้ครับ

จากเหตุการณ์ที่นักเรียนเลือก ให้นักเรียนเขียนหัวข้อดังนี้

1.เหตุการณ์ที่เลือก (เขียนได้มากกว่า 1 ยิ่งเยอะยิ่งดีครับ)

2.เหตุผลที่เลือก

3.ความรูสึกในตอนนั้น

4.เหตการณ์นั้นมันสอนอะไรเรา

(ตัวอย่างจากในภาพ)

เหตุผลที่ผมไม่ให้เขียนแต่เหตุการณ์ที่มีความสุข เพราะในบางครั้งเหตุการที่ประทับใจอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่เราเจ็บปวดเสียใจก็ได้ในตอนนั้น เพียงแต่พอนานวันเข้ามันกลับสร้างพลังบวกให้กับเรา หรือการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดียิ่งขึ้นกับตัวเราอย่างคาดไม่ถึงได้ (สตรองขึ้นนั้นเอง)

 

               ขั้นสรุปกิจกรรม สิ่งที่ใหนักเรียนเขียนไปนั้นจะเป็นเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งเรื่องที่มีความสุขและเรื่องสร้างพลังและแรงบันดาลใจให้กับเรา เป็นหลักฐานว่าในวันที่ผ่านมาเราเคยมีเรื่องดี เราเคยมีพลังอยู่กับตัวเสมอ และดีกว่าตอนที่เรากำลังรู้สึกแย่แล้วพยายามฝืนที่จะคิดบวก อยากให้เรามองโลกตวามความจริงไม่โทษตัวเองหรือผู้อื่นเพียงอย่างเดียว เราคิดบวกเพิ่มปัจจัยและสาเหตุของการณ์การตามความจริงทั้งและที่สำคัญ ดังนั้นในวันที่ท้อถอยก็อย่าลืมมองย้อนไปในงานที่ได้เขียนลงไปซึ่งเปรียบเสมือนธนาคารที่เก็บความทรงจำที่ดีและสร้างพลังให้กับเรานี้นะครับ ทุกคนมีเรื่องที่ดี เรื่องที่ปลุกพลังเราอยู่กับตัวเสมอ เราไม่ได้อยู่ลำพังเรายังมีทั้งเพื่อนและครูและคนที่เรารักอยู่ข้างๆเราเสมอ


หวังว่ากิจกรรมนี้จะเป็นประโpชน์แก่คุณครูนะครับ ใช้ได้ทั้งใน Onsite และ Online ครับ :)

รีวิว
(0)
ดาวน์โหลด
(12)
เก็บไว้อ่าน
(10)