สอนภาษาอังกฤษด้วย If You Are Happy อย่างไรให้สนุก
เมื่อเด็กประถมต้นยังไม่ใช่วัยที่พร้อมนั่งเรียนนั่งจด...งั้นก็พาเล่นวนไปเลยสิคะ! ไอเดียนี้คือการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยใช้เพลงง่ายๆ อย่าง "If You Are Happy and You Know It" เพื่อเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษรวมถึงทักษะต่างๆ ของเด็กๆ ระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้นผ่านเพลงและการเคลื่อนไหวอีกด้วย
ไม่มีใครไม่เคยร้องเพลง "หากพวกเรากำลังสบายจงปรบมือพลัน" แน่นอน
เวลาที่ได้ยินเพลงนี้ทีไร จะต้องปรบมือ หรือไม่ก็ต้องแสดงท่าทางต่างๆ จนเผลอสนุกไปกับเพลงเลยทีเดียว
จริงๆ แล้วเพลงนี้ก็มีในภาษาอังกฤษเหมือนกัน ชื่อว่า "If You Are Happy and You Know It" นั่นเอง
ลองร้องตามเนื้อเพลงด้านล่างนี้กันดูด้วยทำนองที่เหมือนภาษาไทยนะคะ
If you're happy and you know it, clap your hands
If you're happy and you know it, clap your hands
If you're happy and you know it, then you really want to show it
If you're happy and you know it, clap your hands
เราสามารถสร้างสรรค์ความสนุกรูปแบบต่างๆ ให้เด็กๆ ของเราได้หลายแบบมากๆ ไม่ว่าจะเป็น
1. เปลี่ยนท่าทางกันบ้าง...ดีไหม
การใช้สูตรดั้งเดิมของเพลงนี้ทำให้เด็กๆ ได้สนุกและเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวพื้นฐานและอวัยวะต่างๆ ของร่างกายโดยเปลี่ยนคำศัพท์เกี่ยวกับท่าทางจากการปรบมือให้เป็นอากัปกิริยาต่างๆ บ้าง ดูตัวอย่างกันค่ะ
เปลี่ยนจาก "ปรบมือ" เป็น "โบกมือ"
If you're happy and you know it, wave your hand
If you're happy and you know it, wave your hand
If you're happy and you know it, then you really want to show it
If you're happy and you know it, wave your hand
เปลี่ยนจาก "โบกมือ" เป็น "พยักหน้า"
If you're happy and you know it, nod your head
If you're happy and you know it, nod your head
If you're happy and you know it, then you really want to show it
If you're happy and you know it, nod your head
2. เปลี่ยนเป็นแสดงอารมณ์กันบ้าง
เมื่อออกจากสูตรสำเร็จของข้างบนแล้ว แล้วได้สังเกตคำศัพท์ข้างๆ ก็จะเห็นว่าเรื่องที่เราจะเล่นได้อีกก็คือ "อารมณ์" นั่นเอง ซึ่งทำให้เด็กได้เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับอารมณ์เพิ่ม แล้วยังเข้าใจอารมณ์ของตัวเองและเพื่อนๆ เป็นของแถมด้วย เรามาดูวิธีเปลี่ยนคำศัพท์กันค่ะ
คุณครูอาจต้องเป็นคนกำหนดคำศัพท์ด้านอารมณ์พื้นฐานก่อน แล้วค่อยๆ เปลี่ยนคำศัพท์ให้เด็กแสดงท่าทางให้ตรงกับอารมณ์เหล่านั้นและเปลี่ยนเนื้อเพลงให้สอดคล้องกับเรื่องราวของเพลง เช่น
เปลี่ยนจาก "มีความสุข" เป็น "โมโห" และให้แสดงอาการโมโหหลังจากได้ยินคำว่า "show it out"
If you're angry and you know it, show it out
If you're angry and you know it, show it out
If you're angry and you know it, then you really want to show it
If you're angry and you know it, show it out
เปลี่ยนจาก "โมโห" เป็น "หิว"และให้แสดงอาการหิวหลังจากได้ยินคำว่า "show it out"
If you're hungry and you know it, show it out
If you're hungry and you know it, show it out
If you're hungry and you know it, then you really want to show it
If you're hungry and you know it, show it out
เนื่องจากทุกคนมีวิธีแสดงอารมณ์ที่แตกต่างกัน ก็เลยอยากแนะนำว่าคุณครูสามารถให้อิสระเด็กๆ ได้ด้วยการให้เด็กๆ มีโอกาสออกแบบการแสดงอารมณ์ของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเด็กๆ มีความสุข บางคนอาจจะกระโดดโลดเต้น หรือบางคนอาจจะอยากกอดเพื่อน ตรงนี้จะทำให้เด็กๆ เห็นว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่มอบความเป็นตัวของตัวเองให้เขาค่ะ
3. adapt เรื่องใหม่เข้าไปสอนด้วยการแต่งเพลงใหม่ซะเลย
คุณครูสามารถสร้างเรื่องราวใหม่ๆ ในเพลงธรรมดาๆ อย่างนี้ได้ อย่างเช่น ครูสอนเรื่อง "Places" ให้เด็กได้รู้จักคำศัพท์เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ในเมืองหรือในโลกของเรา คุณครูก็สามารถใช้เพลงนี้ได้เหมือนกันและแทรกเรื่อง "Like & Dislike" เข้าไปด้วยกันได้ ลองมาดูเนื้อเพลงใหม่กันนะคะ
If you like to go to city, clap your hands
(ให้เด็กตอบว่า 'Yes, I do' หรือ 'No, I don't' พร้อมกับปรบมือ)
If you like to go to city, clap your hands
(ให้เด็กตอบว่า 'Yes, I do' หรือ 'No, I don't' พร้อมกับปรบมือ)
If you like it and you know it, then you really want to show it
If you like to go to city, clap your hands
(ให้เด็กตอบว่า 'Yes, I do' หรือ 'No, I don't' พร้อมกับปรบมือ)
หลังจากนั้นให้คุณครูเปลี่ยนคำศัพท์เกี่ยวกับสถานที่ ชื่อประเทศ ชื่อเมืองหลวง หรืออื่นๆ เข้ามาในเพลงเพื่อให้เด็กๆ เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ตามที่คุณครูต้องการ ฝึกการแยกประสาทของการทำอากัปกิริยาเพราะต้องทำมากกว่า 1 อย่าง อีกทั้งมีโอกาสให้เด็กๆ ได้แสดงความคิดความรู้สึกของเด็กๆ ที่มีต่อสถานที่นั้นๆ ออกมาอีกด้วย ได้กำไรเยอะแยะไปหมดเลย :)
จากไอเดียต่างๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นเพียงใช้เพลง "If You Are Happy and You Know It" เท่านั้น เห็นไหมว่าการใช้เพลงธรรมดาๆ ก็สามารถทำให้ห้องเรียนของเราสนุกยิ่งขึ้นและเกิดการเรียนรู้หลายๆ ด้านที่ส่งเสริมความสามารถของเด็กๆ ประถมต้นได้ดียิ่งขึ้น
แค่อ่านก็สนุกกันแล้วใช่ไหมคะ แล้วเด็กจะสนุกไหม....ต้องลองดูค่ะ
หากนำไปใช้แล้วเป็นยังไง มาร่วมกันแชร์ได้ใต้โพสต์นี้เลยนะคะ :)
ข้อเสนอแนะสำหรับการนำไปใช้
สามารถนำไปต่อยอดให้กระบวนการมีความแปลกใหม่มากขึ้นได้ เช่น ลองให้นักเรียนได้เป็นคนใช้คำสั่งให้เพื่อนทำตาม เพื่อเพิ่มความสนุกสนาน เป็นต้น
