ปัญหาของการเรียนภาษาอังกฤษคือเด็กเรียนแต่ grammar นอกจากสอบแล้วก็ไม่ได้เอาไปใช้พูดหรืออะไร พอจะใช้พูดจริงๆก็พูดไม่ได้และบางคนก็ฟังไม่ออกทั้งที่เรียนอังกฤษมา เราเลยอยากเสนอไอเดียโดยเน้นไปที่การส่งเสริมให้เด็กพูดและฟังภาษาอังกฤษ
ปัญหาของเด็กที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้มาจาก
1."เรื่องของความเข้าใจในภาษาอังกฤษเบื้องต้น" เด็กบางคนฟังภาษาอังกฤษยังฟังไม่ออกเลยยิ่งไม่กล้า หรือ เนื้อหาที่ครูสอนอาจจะไม่เข้าใจ
2"เรื่องของความกล้าพูด กล้าแสดงออก" กลัวพูดแล้วออกเสียงผิด หรือกลัวพูด grammar ผิด หรือ ไม่กล้าพูดไม่กล้าแสดงออก เพราะกลัวเพื่อนๆหรือครูจะมองไม่ดี
3."เรื่องของการพูดแล้วคิดคำไม่ออก" คิดคำอังกฤษไม่ออกหรือไม่รู้ บางคนพูดอังกฤษไปสักพักก็พูดคำไทย หรือไม่ก็ถามครูว่าพูดคำไทยได้มั้ย
หลังจากพบปัญหาดังกล่างของเด็กๆเลยออกไอเดียที่สอดคล้องกับปัญหาเหล่านี้ โดยให้เด็กทำกิจกรรมเล่นเกมหรือแบ่งปันความคิดกับเพื่อนเป็นกลุ่มเล็กๆ เพราะเมื่อเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เด็กจะมีความกล้ามากกว่าให้พูดหน้าห้อง อาจจะเป็น 2-3คน แล้วแต่จำนวนเด็กนักเรียนในห้อง ดูว่าแบ่งแบบไหนเด็กได้มีโอกาสพูดคัยกันในกลุ่มทุกคน แล้วครูก็คอยเข้าไปฟังเด็กคุยกันเพื่อเป็นการยืนยันว่าเด็กๆได้พูดคุยกันจริงๆพร้อมกับสร้างสีสันให้ในแต่ละกลุ่ม ซึ่งการจัดเกมหรือกิจกรรมให้เด็กได้เล่นก็เป็นการสร้างสีสันอย่างหนึ่ง ให้เด็กไม่กลัวภาษาอังกฤษพร้อมกับสร้างพื้นฐานให้เด็กไปด้วย โดยก่อนการสอนต้องบอกเด็กว่าเป็นกิจกรรมที่ฝึกให้เด็กมีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษพูดจริง โดยไม่คำนึงความถูกผิดของสำเนียงหรือgrammar เพื่อให้เด็กๆได้สบายใจว่าผิดก็ไม่เป็นไร
STEP 1 ให้ผู้เรียนชินกับภาษาอังกฤษ และการฟังพื้นฐาน
โดยสอดแทรกผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น
- ให้เด็กเรียนรู้ประโยคพื้นฐาน โดยการสอนบนกระดานว่าประโยคนี้อ่านอย่างไร และใช้ในสถานการณ์ไหน พร้อมกับถามคำถามเด็กๆว่าสถานการณ์ที่สอนไปใช้ประโยคแบบไหน เช่น สถานการณ์1_ถ้าจะถามคนอื่นว่าห้องน้ำอยู่ทางไหน ประโยคที่ใช้ในสถานการณ์นี้คือ_Where is the Restroom? แล้วพอสอนไปเรื่อยๆก็ย้อยกลับมาถามประโยคแรกๆใหม่
- สอนชนิดคำและรูปแบบประโยคพื้นฐาน เช่น s, v, n, adj คืออะไร และประโยค s+v ใช้ยังไง หรือ v คำไหนใช้บ่อยในการแต่งประโยค ชวนคนคุย
- เกมบัตรคำศัทพ์เพื้นฐาน จะมีบัตรคำคัทพ์พื้นฐานด้านหน้าเป็นภาษาอังกฤษและด้านหลังเป็นภาษาไทย บัตรคำ1ชุดจำนวนประมาณ15ใบ ให้แบ่งกลุ่ม 2-3คนและนั่งกระจายตัวเป็นกลุ่มๆ โดยครูจะอ่านออกเสียงคร่าวให้รู้ว่าคำนั้นๆอ่านว่าอะไร
- เล่นเกมจำศัพท์และความหมายให้ได้มากที่สุดภายในเวลา 10นาที โดยแนะนำให้เด็กแต่ละคนจำคำศัพท์ที่แตกต่างกันพื่อประหยัดเวลาและจำได้เยอะขึ้น ซึ่งใน10นาทีนี้อาจจะประชุมกันว่าใครจะจำคำไหน
- พอครบเวลาก็เก็บบัตรคำและให้เด็กๆแต่ละกลุ่มรับกระดาษตามจำนวนคนของกลุ่มนั้นๆ เช่นถ้ามี 3 คนก็รับกระดาษไป 3 แผ่น และให้แต่ละคนเขียนศัพท์กับความหมายที่จำได้ลงกระดาษให้ได้มากที่สุด ภายในเวลา 10 นาที (ใครที่จำไม่ได้คิดไม่ออก ครูก็อาจเดินไปช่วย ไปใบ้ได้)
- พอทุกคนมีคำศัพท์อยู่ในระดาษของตัวเองแล้ว ให้พูดคุยกับคนในกลุ่ม 5-10 นาทีว่า คำศัพท์ 2 คำในกระดาษตัวเองใช้ในสถานการณ์ไหนได้และชอบอะไรคำนั้น ให้สลับกันพูดเท่าๆกันโดยคนที่ฟังเขียนชื่อเล่นเพื่อนและเขียนสรุปสั้นๆว่าเพื่อนคนนั้นพูดอะไร
- แจกกระดาษแผ่นใหม่กลุ่มละแผ่น ให้เวลา 15 นาทีแต่งประโยค conversation`จากคำคัพท์ที่เขียนไว้เลือกมาคนละ1คำ โดยแต่งคนละ 2-3ประโยคพูดสลับกัน ซึ่งมีอย่างน้อย 1 ประโยคที่มีคำศัพท์นั้นอยู่ พร้อมยกตัวอย่างการแต่งประโยค conversation ง่ายๆ (เช่น 3คนได้คำว่า flower, moon, sea : อาจจะแต่งว่า คนที่1พูดว่า I saw many flowers คนที่ 2 it on the moon!! คนที่ 3 I saw the sea too คนที่ 1 and I like the color of those flower คนที่ 2 it the same color as the sea คนที่ 3 it look beautiful.
- เปิดเพลงยอดฮิต ฟังง่ายให้เด็กฟัง แล้วปริ้นชีทเนื้อเพลงที่เว้นว่างบางคำไว้ พอฟังหลายรอบประมาณ 5 รอบให้เด็กเติมคำเสร็จก็เฉลยว่าที่หายไปคือคำอะไร และมีความหมายอะไร ใช้ยังไง
- เปิดการ์ตูนฟังง่าย ศัพท์ง่ายให้เด็กฟังแล้วให้เด็กเขียนสรุปสั้นๆว่าการ์ตูนนั้นมีเรื่องราวอย่างไร ใครทำอะไรแล้วจบยังไง ถ้าฟังไม่รู้เรื่องก็ลองเขียนตามความเข้าใจก่อน จากนั้นปิดท้ายด้วยการเปิดการ์ตูนตอนนั้นบางประโยคที่น่าสนใจ อาจจะเป็นประโยคที่มีศัพท์น่าสนใจ เป็นความรู้ให้เด็กไปใช้ได้ และให้อธิบายความหมายของประโยคที่ยกมาจากการ์ตูน พร้อมทั้งสรุปตัวละครในเรื่องให้เด็กได้เข้าใจเนื้อเรื้องมากขึ้น
- เกมแต่งเรื่องโดยเริ่มจากโดราเอม่อน เป็นเกมที่ให้เด็กๆจับกลุ่มกัน2-3คนแล้วหยิบชีทจากครูซึ่งมีคำศัพท์อยู่ประมาณ5-10คำ ให้ลองแต่งเรื่องเป็นภาษาอังกฤษโดยมีโดราเอม่อนเป็นพระเอกและใช้คำศัพท์ให้เยอะที่สุด อย่างน้อยให้ใช้คำ 5 คำ ให้เวลา 30 นาทีแต่งเรื่องและคุยกับเพื่อนในกลุ่มว่าโดราเอม่อนเราจะไปทำอะไรในเรื่องบ้าง ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะได้คำศัพท์ไม่เหมือนกัน พอหมดเวลาแล้วรวมส่งที่ครู ครูก็จะสุ่มมาอ่านเรื่องของกลุ่มต่างๆโดยไม่บอกชื่อว่าใครเขียนมา โดยอ่านเป็นภาษาอังกฤษอละแปลให้เด็กข้าใจด้วย
- สอนการออกสียงสำเนียงเบื้องต้น เผื่อใครชอบพูดสำเนียง เช่น การออกเสียงตัว T D R L V F หรือการออกเสียงแบบอเมริกาและอังกฤษ และการออกเสียงเชื่อมคำรวบคำ เช่น she is(ชี อีส) ถ้าฝรั่งเขาพูดเร็วจะพูดเป็นคล้ายๆ shes(ชีส) เผื่อเด็กบางคนอยากเอาไปใช้ในการพูดภาษาอังกฤษ
STEP 2 ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารและเล่นเกม
เมื่อมีความรู้พื้นฐานทั้งการฟังและการแต่งประโยคแล้วก็จะจัดกิจกรรมให้เด็กได้ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารจริงๆ
- จับกลุ่ม 2-3คน แล้วนั่งเป็นกลุ่ม ให้เด็กพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนในกลุ่มตามหัวข้อที่ครูกำหนดเช่น หนังที่ชอบดู งานอดิเรก เครื่องดื่มที่ชอบ เป็นต้น ซึ่งจะให้เวลาพูดคนละ 1 นาที พยายามมพูดให้มากที่สุด แล้วเพื่อนที่ฟังก็จดสรุปสั้นๆว่าเพื่อนคนที่พูดชื่ออะไรและพูดเรื่องอะไร ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 5นาที คือ 1นาทีให้คนพูดคนที่1 อีก1นาทีให้คนพูดคนที่ 2 และอีก 1 นาทีให้คนพูดคนที่ 3 (กลุ่มไหนมี 2 คนให้รอ) ส่วน 2 นาทีสุดท้ายเป็นเวลาให้จดสรุปที่เพื่อนพูด หรือลองพูดเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษเพิ่มเติม โดยครูจะแจ้งเตือนเวลาให้
- จับกลุ่ม5-6คนเล่ยเกม board game ซึ่งแต่ละกลุ่มจะได้กระดานเกม 1 แผ่น มีเส้นทางเดินคล้ายบันไดงู โดยทุกคนจะได้รับเหรียญกลมๆตัดจากฟิวเจอร์บอร์ดมาเป็นตัวหมากในการเดินเกม โดยคนที่เดินเกมแทนที่จะทอยลูกเต๋า จะเป็นการสุ่มการ์ดแทน ซึ่งแต่ละการ์ดจะมีคำสั่งและคำชี้แจงว่าจะเดินกี่ก้าว โดยคำสั่งในการ์ดจะเป็นให้พูดภาษาอังกฤากี่คำ หรือพูดโดยใช้คำว่าอะไร ซึ่งพอทำภารกิจเสร็จก็เดินตามก้าวที่ระบุในส่วนของคำชี้แจงของการ์ดได้ เล่นเกมนี้ประมาณ40นาที ดูว่าใครไปถึงก่อนเป็นคนแรกจะได้รัขนมไปเป็นรางวัล
สรุปแล้ว step1จะแก้ปัญหาของความเข้าใจเบื้องต้นภาษาอังกฤษ หรอปัญหาที่ 1 ส่วน step 2 จะเป็นเรื่องของการฝึกพูด การกล้าแสดงออก ไปจนถึงการฝึกเรื่อยๆจนเริ่มคิดเป็นภาษาอังกฤษ แล้วคำอังกฤษหรือการเรียงประโยคก็จะค่อย ๆ คิดออก เป็นการแก้ปัญหาที่ 2 และ 3 ที่พบในเด็กที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
ตัวเราเองเคยเป็นคนที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษและเอาแต่กลัวภาษาอังกฤษ แต่พอได้มีประสบการณ์ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองและไปเรียนกับสถาบัญที่ชื่อว่า mind English คือจะเป็นโรงเรียนที่สอนให้เราฝึกพูดหรือ คล้ายกับ STEP 2 บางส่วน ทำให้เรากล้าแสดงออก กล้าพูดขึ้น แม้ว่าบางคำเราจะออกเสียงผิด ครูก็ช่วยแก้ให้ ทำให้เราไม่ต้องไปกังวนว่าจะพูดถูกพูดผิด แล้วเราก็ค่อยๆพัฒนาฝึกมาเรื่อยๆจนพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ ส่วนSTEP1จะมาจากประสบการณ์ที่พยายามฝึกด้วยตัวเองค่ะ
สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้ครูทุกท่านนะคะ ซึ่งหากใครนใจไอเดียของเราสามารถนำไปปรับใช้ได้ค่ะ ให้รายละเอียดลดลงได้ เหมาะสมกับการสอนของครูแต่ละคนเลยค่ะ