เกมที่ช่วยนักเรียนให้รอดจากการโดนกลั่นแกล้ง

ให้เด็กสำรวจพื้นที่ความเป็นไปได้ของตัวเอง

ครูลูซี่เคยเรียนทั้งที่เมืองนอกและเมืองไทย พบว่าสิ่งที่ไม่ต่างกันคือ "ครูชอบเป็นกรอบให้นักเรียน แต่เราอยากให้นักเรียนเป็นกรอบให้ตัวเอง บางคนอยากเป็น Beauty Blogger อยากขายของ อยากทำนา แต่พ่อแม่บอกว่าเรียนสูงๆ ก็ต้องเป็นเจ้าคนนายคน แต่เราสามารถเป็นเจ้านายตัวเองได้ โดยการเลือกเส้นทางชีวิตตัวเอง"

ในห้องเรียนจะมีการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ตอบคำถามปลายเปิด ซึ่งมีนักเรียนคนหนึ่งชอบการ์ตูนมาก พูดอะไรก็เป็นการ์ตูนไปหมด ครูลูซี่รู้เข้าว่าเด็กคนนั้นโดนเพื่อนบูลลี่ ครูจึงนำกิจกรรม "Have you ever ... คุณเคยทำใช่หรือไม่" ขึ้นมาใช้

แรกเริ่มครูเกริ่นพูดถึงเรื่องกระจก "เวลาส่องกระจก เราดูแต่หน้าตารูปกายภายนอก ไม่ได้ดูตัวเราเองข้างใน ไม่ได้พิจารณาความคิดของตัวเอง ไปโรงเรียนก็ไปด่าเพื่อน ด่าครู เพราะไม่เคยรู้เท่าทันคำพูดของตัวเอง"

จากนั้นจึงชวนเด็กๆ ให้ยกมือตอบหากเคยทำในสิ่งที่ครูถาม อาจจะเริ่มจากคำถามง่ายๆ เพื่อให้นักเรียนกล้ายกมือ จากนั้นจึงเข้าสู่ประเด็นที่เราต้องการจะแก้ไข 'ใครเคยทำเพื่อนเสียใจ' 'เคยพูดไม่ดีกับเพื่อน' เด็กหลายคนยกมือขึ้น ครูลูซี่จึงถามให้นักเรียนยกมือต่อว่า 'ถ้าเธออยู่หน้ากระจก เธอจะเปลี่ยนตัวเองไหม' 'ไหนปีนี้ใครจะพูดดีกับเพื่อน'

เมื่อกิจกรรมจบแล้วเราจึงต้องทำการสรุปและตั้งข้อตกลงกันอย่างจริงจัง ครูลูซี่ถามนักเรียนว่า “ในห้องนี้มีคนโดนบูลลี่ รู้ใช่ไหมว่าคนนั้นคือใคร แล้วรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนทำ” จากนั้นเปิดโอกาสให้เด็กๆ ออกไปขอโทษเพื่อนโดยที่ไม่ต้องบังคับ "ใครพร้อมขอโทษเดินไปบอกเพื่อนเลย" นักเรียนก็ต่อคิวกันไปขอโทษ พอเพื่อนคนนั้นตอบว่า “ไม่เป็นไร” ทุกคนก็ร้องไห้ใหญ่เลย

ทริคในการสอนของครูลูซี่

1. เป็นครูต้องเป็นผู้นำ ที่ไม่ใช่การบงการ ให้ก็สนุกไปกับเขาเหมือนเป็นห้วหน้าเด็กมากกว่า
2. หลีกเลี่ยงการปฏิเสธ เช่น “what animal lives under the sea” เราอาจจะตอบว่า “ก็ได้นะ แต่คงจะลำบากนิดนึง” นอกจากจะไม่ทำลายความมั่นใจของเด็กแล้ว นั่นจะสร้างเสียงหัวเราะในห้องเรียนได้ด้วย
3. ถ้าครูผิด ก็เปิดโอกาสให้เด็กทักท้วงได้ เขาจะรู้สึกภูมิใจและรู้สึกมีตัวตนในห้องเรียน
4. ครูต้องเชื่อมั่นในตัวเด็กๆ ต้องไม่คิดดูถูกว่านักเรียนทำไม่ได้ แต่ต้องเป็นคนหาวิธีการให้เขาทำได้
5. ชอบโกหก ทุกวันจันทร์ ครูจะโม้ไปเรื่อย เพื่อให้เด็กกล้าแชร์ เช่น "สุดสัปดาห์ไปทำอะไรกันมาบ้าง?" เราก็แต่งประโยคเป็นตัวอย่าง เด็กก็จะเรียนรู้แพทเทิร์นนั้นไปใช้ตอบเราอีกที ผ่านไปหลายสัปดาห์ เด็กก็สามารถแต่งประโยคและเล่าเรื่องของตัวเองได้หลากหลายมากขึ้น

สังเกตผลลัพธ์จากการสอนแบบนี้ สิ่งที่นักเรียนปฏิสัมพันธ์กับคุณครูจะไม่ใช่แค่ 'Teacher, what page?' 'Yes or no' แต่เป็นประโยคบอกเล่า “Teacher, today I blah blah blah…” เขาจะเปิดใจและทำไปเอง

จุดเริ่มต้นในการสอนเด็กที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษเลย

1. Body Language ภาษามือ เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะช่วยให้เด็กปะติดปะต่อเรื่องราวที่ครูพูดได้
2. Broken English ต้องเริ่มจากการพูดภาษาอังกฤษเหมือนที่เจ้าของภาษาคุยกับเด็กทารกเพื่อสร้างความคุ้นเคยต่อคำศัพท์ เช่น ถ้าเด็กไม่เข้าใจประโยค "do you like to eat banana" อาจจะลองเป็น > “you like banana yes or no?”

พัฒนาการของเด็กๆ

ครูลูซี่แชร์ว่าช่วงป.3 ที่เป็นการเรียนภาษาอังกฤษปีแรก นักเรียนจะพูดได้แค่ “Teacher, toilet yes or no” เวลาขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำ เมื่อป.4 เขาจะอธิบายได้ว่า "I want to go to the toilet" และเมื่อป.5 ที่ครูได้สอนการขอแบบสุภาพให้เขาแล้ว เขาสามารถพูดประโยค "May I go to the toilet please?" ได้

ขอขอบคุณครูลูซี่ สุภามาศ เดชน้อย สำหรับการพูดคุยที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ไม่แปลกใจที่นักเรียนสนุกไปกับคลาสเรียนขนาดนี้ :D