แต่ยังต้องคำถึงทักษะทางวิทยาศาสตร์ที่เด็กควรจะได้จากการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ด้วย เช่น ทักษะการสังเกตุ ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการวัด ทักษะการใช้จำนวน ทักษะการลงความเห็นข้อมูล ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล ทักษะการหาความสัมพันธ์ของสเปซกับเวลา และทักษะการพยากรณ์ โดย 3 ทักษะหลังเด็กปฐมวัยอาจจะเข้าใจได้ยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย โดยตัวอย่างที่ยกมาในวันนี้คุมตีมเกี่ยวกับการทำปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส(เป็นกรดอ่อนและเบสอ่อน อ่อนมากๆและส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่หาได้ทั่วไป) นอกจากจะสนุกแล้วยังได้ทักษะวิทยาศาสตร์ที่ครบทั้ง 8 ข้อเลยด้วย
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
ก่อนจะทำการทดลองก็มาฝึกทักษะการสังเกตุกันสักหน่อย ลองให้เด็กใช้แว่นขยายส่องดูสารต่างๆ ดูความต่างของสี ลักษณะเม็ด
และลองดมกลิ่นสาร โดยใช้วิธีการดมสารที่ถูกต้อง ไม่ได้สูดเอาไปโดยตรง
วิธีการทดลองคือ ให้เด็กๆตัดสาร 3 อย่าง ได้แก่ เกลือ น้ำตาล และ เบกกิ้งโซดา ใส่ในช่องที่ทำน้ำแข็ง(หาซื้อได้ตามร้านทุกอย่าง20 ควรเป็นสีขาวจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัด) โดยตักใส่สารละ 2 ช่อง
ต่อไปคือหยดน้ำเปล่าและน้ำส้มสายชูลงไปในสารแต่ละตัวและรอดูการเปลี่ยนแปลง พอเจอฟองฟู่แล้วตื่นเต้นกันมากกกกก
เมื่อทดลองเสร็จก็มาบันทึกผลกันลงในตารางบันทึกผล โดนเด็กๆเป็นคนวาดรูปเองและคุณครูเป็นคนเขียนบันทึกให้ เป็นการฝึกทักษะทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล
โดนสรุปผลการทดลองได้ว่า น้ำส้มสายชู+เบกกิ้งโซดา จะได้ฟองฟู่ขึ้นมา
โดยเป็นการต่อยอดการทดลองจากการทดลองที่ 1
โดยมีอุปกรณ์ต่อไปนี้
วิธีการทดลอง ตวงเบกกิ้งโซดาใส่ลูกโป่งโดนแบ่งกลุ่มเป็น 3 กลุ่ม โดย กลุ่ม1 ตวงเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ กลุ่ม 2 สองช้อนโต๊ะ กลุ่ม 3 สามช้อนโต๊ะ
และตวงน้ำส้มสายชูโดยใช้บีกเกอร์หรือใช้อะไรก็ได้ที่สามารถตวงได้ปริมาตรที่เท่ากัน การทดลองนี้เรากำหนดที่ 250 ml.นะคะ โดยใช้สติ๊กเกอร์ติดไว้ที่ขีดจำนวนที่ต้องการ
เทลงขวดและนำลูกโป่งที่มีเบกกิ้งโซดามาครอบปากขวดและเทเบกกิ้งโซดาลงไป
รอจนเกิดปฏิกิริยา และเปรียบเทียบความต่างของลูกโป่งที่ใส่เบกกิ้งโซดาในปริมาณที่ต่างกัน
สุดท้ายบันทึกผลที่ได้ลงในตารางบันทึกผลการทดลอง โดยสรุปผลการทดลองได้ว่า ลูกโป่งที่ใส่เบกกิ้งโซดามากที่สุดจะพองมากที่สุดเป็นการอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ของจำนวนเบกกิ้งโซดาและความใหญ่ของลูกโป่ง ใช้ทักษะการวัด ทักษะการลงความเห็นข้อมูล และยังได้ใช้ทักษะการพยากรณ์ พยากรณ์ว่าถ้าใส่เบกกิ้งโซดาเพิ่มเป็น 4 ช้อน 5 ช้อน ไปเรื่อยๆ ขนาดของลูกโป่งจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เราทราบอยู่แล้วจากการทดลองที่ 1และ2 ว่าปฏิกิริยาระหว่างน้ำส้มสายชู(กรด)และเบกกิ้งโซดา(เบส) คือจะมีฟองฟู่ขึ้นมาและทำให้ลูกโป่งขยายใหญ่ได้(เกิดก๊าซ) การทดลองจะเป็นการเปรียบเทียบการเกิดปฏิกิริยาระหว่างกรดและเบสชนิดอื่นบ้างเพื่อเป็นการเปรียบเทียบกัน
โดยมีอุปกรณ์ดังนี้
วิธีการทดลองเหมือนการทดลองที่2 เลย แค่เปลี่ยนคู่สารที่ใช้ทดลอง เป็น น้ำส้อมสายชู+เบกกิ้งโซดา,น้ำอัดลม+ลูกอมเมนทัลและน้ำเปล่า+ยาลดกรด
สรุปการทดลองได้ว่า น้ำส้มสายชู+เบกกิ้งโซดา ลูกโป่งมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด และจากการค้นข้อมูลจากใบความรู้ของโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยทำให้ทราบว่าการผสมน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดาทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซด์มากที่สุด เพราะลูกโป่งพองมากที่สุด
เมื่อรู้แล้วว่า น้ำส้มสายชู+เบกกิ้งโซดา ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่นี่รู้แล้วนำไปใช้ทำอะไรได้? อย่างแรกเลยคือ จรวดพลังน้ำส้มสายชู
โดยเตรียมอุปกรณ์ต่อไปนี้
วิธีการทดลอง เทน้ำส้มสายชูลงในขวดค่ะ ตวงใส่บีกเกอร์ให้ได้ 250ml.
ห่อเบกกิ้งโซดาด้วยกระดาษทิชชู่โดยใช้กระดาษทิชชู่ 2 ชั้น โดยทดลอง กลุ่ม 1 ใช้เบกกิ้งโซดาหนึ่งช้อน กลุ่ม 2 ใช้เบกกิ้งโซดาสองช้อน กลุ่ม 3 ใช้เบกกิ้งโซดาสามช้อน เปรียบเทียบว่าจรวดกลุ่มไหนไปได้ไกลกว่ากัน
ทดลองปล่อยจรวด โดยใส่ทิชชู่ห่อเบกกิ้งโซดาลงไปแล้วรีบนำจุกยางปิดจุกไว้แล้วคว่ำลง ต้องให้เด็กๆรีบถอยนะคะเพราะอาจจะได้รับอันตรายตอนจรวดตกได้ (คลิปวิดีโอตอนปล่อยจรวดอยู่ท้ายไอเดียนะคะ)
เมื่อปล่อยจรวดเสร็จก็ทำการวัดระยะโดนวัดด้วยการเอารองเท้ามาต่อกันค่ะ 5555+ เป็นหน่วยวัดมาตรฐานที่กำหนดกันเอง โดนผลการทดลองตามภาพอาจจะขัดแย้งกับการทดลองที่ 2 ที่ว่ายิ่งใส่เบบกิ้งโซดาเยอะยิ่งเกิดก๊าซเยอะ เพราะมีปัจจัยอื่นมากกว่านั้น คือการปิดจุกยางยิ่งปิดเน้นยิ่งเกิดการอัดก๊าซเยอะทำให้ไปได้ไกลค่ะ กลุ่ม3 ไม่ค่อยเน้นเลยทำให้จรวดไปได้ไม่ไกลแต่ได้ประสบการณ์จากรอบแรกเลยทำให้ปล่อยรอบที่2 ไปได้สูงตามการทดลองที่2
การเกิดปฏิกิริยาของน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดานอกจากทำไปต่อยอดสร้างจรวดได้แล้วยังทำน้ำอัดลมโฮมเมดทานกันเองได้ด้วย โดยเปลี่ยนจากน้ำส้มสายชูเป็นน้ำมะนาวแทน เนื่องจากน้ำมะนาวเป็นกรดและถ้าใช้น้ำส้มสายชูมันจะเปรี้ยวแสบไส้กันเกินไป
สูตรแรก น้ำมะนาว+เบกกิ้งโซดา
สูตรสอง น้ำตาล+น้ำมะนาว+เบกกิ้งโซดา (ทีมรีแอคชั่นทำงานดีจริงๆ)
สูตรที่ 3 น้ำหวานกลิ่นครีมโซดา+น้ำมะนาว+เบกกิ้งโซดา
ส่วนรสชาติแต่ละสูตรจากสีหน้าแต่คนเลยค่ะ
บันทึกข้อมูลเสร็จแล้วก็มาเลือกสูตรที่ชอบกันมากที่สุดและสูตรที่ลงความเห็นว่าอร่อยที่สุดก็คือสูตรที่3 นั่นเองงงง
Cheerss!
เป็นไอเดียที่ใช้เวลามากที่สุดตั้งแต่เขียนมาเลยค่ะ หวังจะเป็นประโยชน์ต่อทุกห้องเรียนนะคะ การทดลองวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กเล็กมีเยอะแยะเลยค่ะ แต่อยากให้ทุกคนลองนำมาร้อยเรียงและลองชวนเด็กมองหาความเชื่อมโยงต่อกันของแต่ละการทดลองดูและอย่าลืมชวนเขามองดูวิทยาศาสตร์ที่มันเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเขาด้วยนะคะ อ่ออออ ไม่ต้องกลัวเด็กจะไม่เข้าใจศัพท์ทางวิทยาศาสตร์นะคะ ถ้าเด็กๆเขาสามารถจำชื่อเอเลี่ยน 10 ตัวในนาฬิกา BEN10 ได้ ศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่ยากเกินไปแน่นอน แต่อาจจะต้องใช้เวลาครั้งแรกจำไม่ได้ครั้งต่อๆไปก็ได้ค่ะ อย่าพึ่งท้อ **รูปภาพทุกรูปได้รับอนุญาติจากนักเรียนเรียบร้อยแล้วค่ะ**
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย