สวัสดีค่ะ คุณครูทุกคน
วันนี้ นีทอยากจะชวนคุณครูทุกคนมา สุ่มเปิดโหล “พฤติกรรมของเด็ก ๆ” กัน หากทุกคนพร้อมกันแล้ว มาเราสุ่มเปิดโหลพฤติกรรม ที่เราจะใช้พูดคุยกันในวันนี้เลยนะคะ
สามมมม สองงงง หนึ่ง!
พฤติกรรมของเด็ก ๆ ที่คุณครูจะต้องเจอในวันนี้คือ!
นักเรียนคนที่ 1
“ผมกังวลมาก ๆ เลยครับ ที่จะต้องพูดภาษาอังกฤษหน้าห้อง เพราะผมสำเนียงการพูดของผมไม่ค่อยดีนัก และผมก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องการพูด เฮ้อ คงทำออกมาไม่ดีแน่ ๆ ไม่อยากออกไปพูดเลยครับ”
นักเรียนคนที่ 2
“หนูรำคาญเพื่อนคนหนึ่งมากเลยค่ะครู ไม่รู้จะเดินตามหนูทำไมนักหนา คือหนูไปเข้าห้องน้ำก็เดินตามมา รำคาญจนอยากจะด่า เอ่อ แต่เอาจริงหนูก็ด่าไปแล้วค่ะ”
นักเรียนคนที่ 3
“หนูอยากสมัครแข่งขันร้องเพลงมาก ๆ เลยค่ะ แต่ไม่กล้าสมัคร เพราะคิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ไม่ดีพอ และก็กลัวแพ้ เอ่อ ถ้าแข่งแล้วแพ้ขึ้นมา คืออายนะคะ ไม่เอาดีกว่าค่ะ ”
และนี่คือพฤติกรรมของเด็ก ๆ ที่เราจะนำมาพูดคุยกันในวันนี้นะคะ โดยนีทอยากจะให้คุณครูมาช่วยนีทคิดค่ะ ว่า พฤติกรรมทั้ง 3 อย่างนี้ มีอะไรที่คล้ายกันไหมนะ? เช่น เป็นเพศเดียวกัน? เป็นปัญหาด้านการเรียน? หรือเป็นปัญหาสุดคลาสสิกที่พบเจอบ่อย ๆ ?
เฉลยยยย! จุดร่วมกันของปัญหาเหล่านี้คือ “อารมณ์ทางลบ” ค่ะ
เด็กคนที่ 1 มีความรู้สึก “กังวล” เด็กคนที่ 2 มีอารมณ์ “โกรธ” และเด็กคนที่ 3 มีอารมณ์ “กลัว” แต่การที่เด็กนักเรียนมีอารมณ์ทางลบเป็นเรื่องปกตินะคะ เพียงแต่เราอาจจะต้องคอยช่วยเหลือเด็ก ๆ ให้พวกเขาสามารถดูแลและรับมือ “อารมณ์ทางลบ” ให้เหมาะสมค่ะ
โดยเราลองมาคาดการณ์กันนะคะว่า หากเด็ก ๆ ไม่สามารถดูแลและรับมืออารมณ์ทางลบได้อย่างเหมาะสม จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยขออนุญาตยกมาจากตัวอย่างด้านบนนะคะ
นักเรียนคนที่ 1 “การเผชิญหน้ากับความรู้สึกกังวล”
หากเด็กไม่สามารถรับมือกับความกังวลได้ อาจจะทำให้เกิดความเครียด พูดนำเสนอหน้าชั้นเรียนได้ไม่ดี รู้สึกแย่กับตนเอง หรือถ้าเครียดมาก ๆ อาจจะส่งผลให้เป็นโรคกระเพาะเลยก็ได้
นักเรียนคนที่ 2 “การเผชิญหน้ากับความรู้สึกโกรธ”
หากเด็กไม่สามารถรับมือกับความรู้สึกโกรธได้ ไม่ต้องคาดเดาสิ่งที่จะเกิดตามมาเลย เพราะเขาทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมไปแล้ว นั่นคือการด่าเพื่อนด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมนั่นเอง
นักเรียนคนที่ 3 “การเผชิญหน้ากับความรู้สึกกลัว”
หากเด็กไม่สามารถรับมือกับความรู้สึกกลัวได้ นักเรียนอาจจะไม่ลงประกวด ซึ่งจะทำให้เขาพลาดโอกาสและประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ควรจะได้รับ
เหตุการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมา ถ้าจะมีคำในจิตวิทยาที่ตรงกับเรื่องนี้มากที่สุด คงจะเป็นคำว่า “Negative-Emotion Regulation” หมายถึง การที่คนเรานั้นสามารถกำกับดูแลอารมณ์ทางลบของตนเองได้ ซึ่งถือว่าเป็นความสามารถที่สำคัญของ “ทักษะทางอารมณ์และสังคม (Social-Emotional Skills)” ของเด็ก ๆ เลยละ
ในงานวิจัยของ Valdivia, Primi, John, Santos, และ De Fruyt (2021) ได้ทำการศึกษาเรื่องทักษะทางอารมณ์และสังคม และพวกเขาได้กล่าวไว้ว่า การกำกับและดูแลอารมณ์ทางลบนั้นพวกเขามองนั้นมีด้วยกันอยู่ทั้งหมด 3 หัวข้อใหญ่ คือ
แต่ว่า เราจะทำอย่างไรให้นักเรียนกำกับและดูแลอารมณ์ทางลบของตัวเองได้กันนะ?
นีทเชื่อว่าทักษะในเรื่องของการกำกับอารมณ์ทางลบนั้น เป็นเรื่องที่เราต้องชวนเด็ก ๆ ฝึกฝน โดยนีทมี 2 เครื่องมือดี ๆ ที่จะมาแนะนำค่ะ
เด็กทุกคนเข้าใจว่าหากเรากำกับอารมณ์ได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดี เพียงแต่เวลาที่เราอยู่หน้างาน หรือกำลังเกิดอารมณ์ทางลบอยู่ เราอาจจะควบคุมมันไม่ได้ และเผลอทำอะไรบางอย่างที่ไม่ดีลงไป ดังนั้น ในช่วงที่ทุกคนกำลังเกิดอารมณ์ทางลบ ไม่ว่าจะเป็น กลัว เศร้า โกรธ หงุดหงิด ผิดหวัง อยากให้ทุกคนลองทำแบบนี้ดูนะคะ
ตัวอย่างสำหรับเด็กที่เผชิญหน้ากับความรู้สึกโกรธที่เพื่อนชอบเดินตาม
"ฉันโกรธเพื่อน ระดับ 10 นิ้ว และฉันเชื่อว่า ถ้าได้ด่าเพื่อนความโกรธน่าจะเหลือสัก 7 เพราะได้ระบายแล้ว แต่เราทำไม่ได้นะ เพราะตามกฎ สิ่งที่ต้องทำคือ 'ห้ามทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน' การด่าเพื่อนจะทำให้เพื่อนเดือดร้อนแน่เลย งั้นเลือกใหม่ อาจจะเดินออกไปก่อน (หลบหน้าเพื่อนสักนิด จะไม่ได้ไม่เผลอด่า) หรืออาจจะบอกกับตนเองว่า 'เออ ช่างมันเถอะ อย่าไปสนใจเลย ไปทำอย่างอื่นดีกว่า'"
หรือจะเป็นอีกเหตุการณ์สำหรับเด็กที่เผชิญหน้ากับความรู้สึกกลัวในการลงแข่งขัน
"ฉันกลัวการลงประกวด ซึ่งความกลัวนั้นอยู่ในระดับที่ 7 เพราะกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี วิธีการลดความกลัวนี้ คือ ไม่ไปสมัครซะเลย! แต่ว่า ฉันต้องเสียใจภายหลังแน่ ๆ งั้นเอางี้ สมัครไปก่อน แล้วไปหาทางรับมือให้ เราทำให้ได้ ลุยยยยย!
ซึ่งเครื่องมือนี้ จะเป็นเสมือนตัวช่วยดึงสติของเด็ก ๆ ในเวลาที่เด็ก ๆ นั้นมีอารมณ์ทางลบ ให้พวกเขารู้เท่าทันตนเอง และคิดวิเคราะห์ พร้อมเลือกพฤติกรรมก่อนทำ เพื่อให้เราเลือกพฤติกรรมที่ดีที่สุดในเหตุการณ์นั้น ๆ
เครื่องมือนี้ เป็นเครื่องมือช่วยฝึกทักษะการกำกับอารมณ์ของเด็กๆ โดยเราจะมีอุปกรณ์ดังนี้
โดยในเรื่องของอุปกรณ์ อาจจะใช้จากแอปฟรีออนไลน์ก็ได้นะคะ
วิธีการเล่น
สาเหตุที่เราให้ทอยลูกเต๋า เพราะอยากจะบอกเด็ก ๆ ว่า ในความเป็นจริง บางครั้งวิธีที่เราเลือกในครั้งแรก อาจจะช่วยให้เรากำกับอารมณ์ได้ หรือบางทีมันอาจจะไม่ได้ผล แต่เราต้องไม่ยอมแพ้ที่จะกำกับอารมณ์ จึงต้องลองหาวิธีใหม่ที่เหมาะสมกับตนเอง
เช่น เราเลือก “ไม่สนใจ” และหน้าลูกเต๋าที่ทอย คือ 2 (นั่นหมายถึง วิธีนี้ไม่ได้ผล) เราก็คิดใหม่คือ “ระบายให้เพื่อนฟัง” และหน้าลูกเต๋าที่ออกมาคือ 6 (แปลว่า วิธีนี้ได้ผลและเล่นข้อต่อไปได้)
เราไม่สามารถปฏิเสธอารมณ์ทางลบ หรือหลอกตนเองว่าเราไม่มีอารมณ์ทางลบได้ ดังนั้น นีทจึงคิดว่า เราที่เป็นคุณครู ควรสอนให้เด็ก ๆ เข้าใจอารมณ์ทางลบของตนเองว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้สึกอย่างไร และเราจะควบคุมมันอย่างไร
ลองนำ 2 เครื่องมือ “นิ้วมือสำรวจใจ” และ “วงล้อพฤติกรรม” ไปเล่นกับเด็กนักเรียนดูนะคะ เพื่อให้พวกเขากำกับอารมณ์ของตนเองได้และเมื่อพวกเขาทำได้ หัวใจของพวกเขาจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
บทความโดย
นีท-เบญจรัตน์ จงจำรัสพันธ์ นักจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น
อ้างอิง
Pancorbo Valdivia, G., Primi, R., John, O. P., Santos, D., & De Fruyt, F. (2021). Formative assessment of social-emotional skills using rubrics: a review of knowns and unknowns. In Frontiers in Education (Vol. 6), 1-12.
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!