🤔 ออกแบบกิจกรรมอย่างไร ไม่ให้เด็กลอกงานกัน

 เชื่อมโยงชิ้นงานเข้ากับความสนใจของแต่ละคน

ไอเดียจาก ครูกล้วย-ขวัญนคร จันทร์ทิพย์

การเชื่อมโยงเนื้อหาที่เรียนเข้ากับสิ่งที่นักเรียนกำลังสนใจ

นอกจากจะเป็นการกระตุ้นการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนแล้ว

ยังทำให้ชิ้นงานที่นักเรียนทำ มีความแตกต่างหลากหลาย

ผลงานของแต่ละคนจะสะท้อนความสนใจที่นักเรียนมี

จากการเขียนเรียงความหรือบทความในหัวข้อเดียวกัน

ลองให้นักเรียนเขียนเรียงความในหัวข้อที่ตนเองสนใจ

แต่ยังคงใช้เป้าหมายและวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่เหมือนกัน

ก็จะทำให้นักเรียนไม่สามารถลอกผลงานของคนอื่นได้

นอกจากนี้ยังทำให้นักเรียนรู้สึกเป็นเจ้าของผลงานอีกด้วย

 ชิ้นงานที่เน้นความสร้างสรรค์ แทนที่การทดสอบความจำ

ไอเดียจากครูนิว-อัศวิรักษ์ ศรีชนะ

ย้อนกลับไปมองที่สาเหตุของการที่นักเรียนลอกงานกัน

นอกจาก “ทำไม่เป็น ไม่ทัน” ก็คือ “คำตอบเหมือนกันหมด”

ซึ่งเกิดจากชิ้นงาน หรือการบ้านที่ทดสอบความรู้ความจำ

เมื่อเรามองเห็นสาเหตุ ก็นำมาสู่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

เปลี่ยนจากการถามพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าโดยตรง

เช่น “ประสูติที่ใด เมื่อใด มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง”

กลายเป็นคำถามเชิงวิเคราะห์ หรือคำถามสุดสร้างสรรค์

เช่น “ถ้าพระพุทธเจ้าประสูติในยุคปัจจุบัน นักเรียนคิดว่า

จะเผยแผ่คำสอนผ่านช่องทางไหนให้เริ่ดสุด เพราะอะไร”

.

คำถามเช่นนี้ นอกจากจะทำให้นักเรียนลอกกันไม่ได้แล้ว

ยังเป็นการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนแต่ละคน

และยังทำให้เกิดทักษะการคิดขั้นสูง (Higher order thinking)

ที่ทำให้นักเรียนสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ในอนาคต

 ลอกกันแสดงว่าทำไม่ได้ ก็เปลี่ยนให้มาทำด้วยกัน

ไอเดียจากครู  จากกลุ่มครูปล่อยของ

ย้อนกลับมามองว่า “ทำไมนักเรียนถึงลอกงานกันล่ะ”

หนึ่งในเหตุผลอันดับต้น ๆ ก็คือ ทำงานชิ้นนั้นไม่เป็น

เมื่อคุณครูรับรู้ว่ามีนักเรียนบางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้

พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ลองให้นักเรียนร่วมมือกันสิ !

จับกลุ่มนักเรียนที่มีความถนัดในชิ้นงานนนั้นที่แตกต่างกัน

กระตุ้นให้นักเรียนช่วยเหลือซึ่งกันและกันภายในกลุ่ม

นอกจากจะทำให้นักเรียนบรรลุชิ้นงานที่กำหนดไว้ได้

ยังเป็นโอกาสในการสร้างการเรียนรู้เรื่องการช่วยเหลือกัน

การทำงานเป็นทีม และการให้คำแนะนำกับเพื่อนอีกด้วย

 แจกการ์ดเงื่อนไข งานชิ้นไหนก็ไม่มีทางซ้ำกัน

ไอเดียจากครูนัท-ณัฐพล ออพิพัฒน์

ถ้างานชิ้นเดียวกัน แต่เงื่อนไขของแต่ละคนแตกต่างกันละ

สร้างทางเลือกของรูปแบบชิ้นงานให้กับนักเรียนแต่ละคน

บางคนชอบถ่ายวิดีโอ ก็ส่งชิ้นงานผ่าน TikTok ได้

บางคนชอบเขียน ก็ส่งชิ้นงานผ่านเรียงความได้

บางคนชอบถ่ายภาพ ก็ส่งชิ้นงานผ่านภาพถ่ายได้

การแจกการ์ดเงื่อนไข นอกจากจะทำให้

ได้ชิ้นงานที่หลากหลาย

นักเรียนเลือกยังรูปแบบการเรียน (Learning style)

ที่ตนเองสนใจและทำให้เห็นมิติต่าง ๆ

ของคำตอบ ผ่านรูปแบบที่แตกต่างกัน

 ปรับวิธีสอน เพื่อเปลี่ยนมุมมองการประเมินผล

ไอเดียจากครู  จากกลุ่มครูปล่อยของ

แน่นอนว่ารูปแบบการสอน ย่อมสอดคล้องกับการประเมิน

ถ้าคุณครูสอนด้วยการท่องจำ แบบนกแก้วนกขุนทอง

สุดท้าย รูปแบบการประเมินก็คงหนีไม่พ้นการทดสอบความจำ

แต่ถ้าเปลี่ยนรูปแบบของการสอนให้เน้นการถกเถียงพูดคุย

เน้นแลกเปลี่ยนความคิดห็น แสดงจุดยืน แสดงบทบาทสมมติ

รูปแบบการประเมินของคุณครูจะมีความเปิดกว้างมากขึ้น

เช่น การให้นักเรียนแสดงทัศนะกับเรื่องราวที่กำหนดให้

และแน่นอนว่า รูปแบบชิ้นงานที่เป็นคำถามปลายเปิด

นักเรียนไม่สามารถจะลอกคำตอบกันได้อย่างแน่นอน!

 หนึ่งคำถาม แต่ตามหาแหล่งสืบค้นที่หลากหลาย

ไอเดียจากครูยูยะ-อารยะ หวังอังคณานนท์

ในยุคที่นักเรียนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย

ลองให้นักเรียนได้ค้นหาคำตอบจากแหล่งข้อมูลที่ต่างกัน

เปรียบเทียบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลที่สืบค้น

สร้างการเรียนรู้เรื่อง “การรู้เท่าทันสื่อ (Media literacy)”

แม้ว่าคำถามที่นักเรียนได้รับจะเป็นคำถามเดียวกัน

แต่คำตอบที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลที่แตกต่างกัน

เชื่อได้เลยว่า ห้องเรียนจะเกิดการถกเถียงกันไม่หยุดเลยละ!

คุณครูท่านใดมีคำถามที่น่าสนใจและอยากจะชวนคุย

สามารถเข้ามาได้ที่ FB Group: ครูปล่อยของ

Community ที่เต็มไปด้วยเพื่อนครูที่พร้อมจะให้คำปรึกษา

ถ้าสนใจ กดเข้ากลุ่มได้ที่นี่เลย!

https://www.facebook.com/groups/283591248717329

ขอบคุณคำถามจากกลุ่มครูปล่อยของ

โดยครูนิวเยียร์-ณฐทรรศน์ กันไชยสัก