คุณครูหลายท่านที่ได้อ่านชื่อบทความก็คงจะเกิดข้อสงสัยขึ้นภายในใจอย่างทันที!
“จะเป็นไปได้ยังไง ไม่มีการสอบเลยเนี่ยนะ!”
“แบบนี้นักเรียนจะเอาคะแนนมาจากไหน?”
“เกรดละ จะออกเกรดตอนท้ายเทอมยังไง?”
“แล้วนักเรียนจะตั้งใจเรียนหรอ ไม่มีสอบ?”
หากคุณครูเกิดข้อสงสัยแบบที่พวกเราเพิ่งเดาไปข้างบนนี้ พวกเราคิดว่า เราน่าจะต้องกลับมาทบทวนอีกครั้งแล้วละ ว่าแท้จริงแล้ว การสอบมีไว้เพื่ออะไรกันแน่ เพื่อคะแนน เพื่อเกรด หรือเพื่อดึงดูดให้นักเรียนตั้งใจเรียน
ถ้าเรากลับมาทบทวนว่าการสอบเก็บคะแนนคืออะไร ก็จะพบว่า “การสอบ (Testing)” เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการ “ประเมินการเรียนรู้ (Assessment)” ของนักเรียน ทำให้คุณครูได้ทราบว่านักเรียนเรียนรู้ถึงไหนแล้ว เข้าใจในสิ่งที่เราสอนไปบ้างไหมนะ และถ้าคุณครูลองดึงลิ้นชักความทรงจำสมัยเรียนปริญญาตรีมา ก็จะพบว่าการประเมินนั้นมีรูปแบบเยอะแยะมากมายจนนับไม่ถ้วน เช่น การประเมินระหว่างเรียนรู้ การประเมินหลังเรียนรู้ การประเมินเพื่อการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ (พอก่อน!)
แต่ไม่ว่าจะเป็นการประเมินในรูปแบบไหนก็ตาม หัวใจสำคัญของการประเมินนั้นก็คือ
“การประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน”
ถ้าเราเข้าใจหัวใจหลักของการประเมินแล้ว การสอบก็เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการทำให้คุณครูรับรู้ความสามารถของนักเรียนผ่านผลคะแนน และวิเคราะห์ว่านักเรียนกำลังเข้าใจผิดในจุดไหนอยู่ นำผลที่ได้จากการวิเคราะห์เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนารูปแบบการสอนของตนเอง เพื่อทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดีขึ้น
แต่ถ้าไม่สอบเก็บคะแนนละ เรายังจะรับรู้ความสามารถของนักเรียนได้อยู่ไหมนะ (และนักเรียนจะยังตั้งใจเรียนอยู่ไหมนะ ถ้าไม่มีคะแนนสอบ) และเราจะพัฒนารูปแบบการสอนของตัวเองได้อย่างไร
จากบทความ A Year of No Test ที่เขียนโดย Jodie Deinhammer คุณครูสอนวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ได้พูดถึงการทดลองบนสมมติฐานของตนเองในเว็บไซต์ Edutopia ไว้ว่า
“จะเกิดอะไรขึ้นนะ ถ้าฉันบอกนักเรียนว่าปีนี้ไม่มีการสอบเก็บคะแนนเลย”
เพราะสังเกตได้ว่านักเรียนมักจะมีความเครียดและความกังวลในการเรียน เนื่องจากจะต้องสนใจอยู่ตลอดเวลาว่าผลการสอบของตัวเองจะเป็นอย่างไร และมีนักเรียนเขียนฟีดแบกกลับมาหาตนเองว่า “จะเป็นไปได้ไหม ถ้าอยากให้ไม่มีการสอบ” การทดลองวิธีการใหม่ ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น
โจทย์ที่คุณครู Jodie ได้ตั้งไว้มีดังนี้
หลังจากนั้นก็ลุย! ไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องเรียนของครู Jodie บ้าง
โจทย์ที่ครู Jodie ทำเป็นอันดับแรก คือการหา “วิธีประเมินความสามารถของนักเรียน” ในหนทางอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การสอบ และวิธีการเหล่านั้นจะต้องไม่เก็บคะแนนเพื่อไม่ให้นักเรียนมุ่งความสนใจไปที่คะแนนมากกว่าความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของตนเอง
ครู Jodie เลือกใช้วิธีการ “การประเมินความก้าวหน้า (formative assessment)” ในแต่ละวันแทน โดยใช้เกมในการประเมินอย่าง Blooklet, Quizlet และ Gimkit หรือใช้กิจกรรมอื่น ๆ หรือคำถามใน Google form เพื่อเก็บข้อมูลว่าตอนนี้นักเรียนกำลังเข้าใจอยู่หรือไม่ และกำลังเข้าใจผิดในเรื่องอะไร
ย้ำว่า! การประเมินด้วยวิธีการทั้งหมด ไม่มีการเก็บคะแนน เป็นเพียงการเก็บข้อมูลเพื่อให้ครู Jodie นำไปใช้ในการพูดคุยเพื่อแก้ความสงสัยของนักเรียน หรือนำไปพัฒนาการสอนในคาบต่อ ๆ ไป
ทุก ๆ 2 สัปดาห์ ครู Jodie ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “CFU (Check for understanding)” เพื่อทดสอบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของนักเรียนผ่านชุดคำถาม 10-12 ข้อ เพื่อแสดงเป็นผลคะแนนและเกรด (อาจทำเป็นกราฟแสดงความก้าวหน้าของนักเรียนก็ได้นะ, ผู้เขียน) ให้นักเรียนได้เห็นความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ของตนเอง และย้ำอีกครั้ง ไม่มีการเก็บคะแนน!
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในห้องเรียนเมื่อไม่มีการสอบ
ครู Jodie เองก็อยากจะรู้ว่านักเรียนมีความรู้สึกต่อวิธีการเหล่านี้อย่างไรบ้าง จึงใช้คำถาม 3 ข้อดังนี้
และนี่คือเสียงตอบรับจากนักเรียน
“หนูชอบมาก ชอบที่ไม่มีการสอบ หนูไม่เครียดเลยว่าคะแนนจะออกมาเท่าไร สนใจแค่เพียงวันนี้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง”
“ผมว่าผมได้เรียนรู้มากกว่าช่วงที่ต้องสอบอีก ผมรู้สึกถึงอิสระในการเรียนรู้”
“สนุกมาก! เมื่อมันไม่ต้องกังวลกับคะแนนสอบ เรารู้สึกการเรียนมันสนุกมากกว่าจริง ๆ”
นอกจากนี้คุณครูยังเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด เช่น อยู่ดี ๆ พวกเขาก็ถกเถียงคำตอบจาก quiz ที่ไม่ได้เก็บคะแนน ว่าทำไมแต่ละคนจึงตอบไม่เหมือนกัน หรือว่ามีนักเรียนเดินมาถามตนเองว่าทำไมข้อนี้นักเรียนจึงเข้าใจผิด
จากการสอบเก็บคะแนนที่เมื่อคะแนนออก นักเรียนก็จะปล่อยผ่านและไม่สนใจมัน ตอนนี้ห้องเรียนกลับเกิดสิ่งที่เรียกว่า “Secound thought” หรือความคิดขั้นที่สอง ที่มาพิจารณากันว่าทำไมผลการประเมินของแต่ละคนจึงเป็นเช่นนั้น และมีความพยายามที่จะเข้าใจในเรื่องนั้นมากยิ่งขึ้นจากความต้องการของพวกเขาเอง
ในส่วนของครู Jodie เองก็มุ่งมั่นที่จะวิเคราะห์คำตอบของนักเรียนที่ได้มาจากเครื่องมือต่าง ๆ ว่ามีใครยังไม่เข้าใจตรงไหนบ้าง หรือตนเองจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการอธิบายในส่วนไหน เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของนักเรียน ไม่ใช่การปล่อยผ่านคะแนนที่นักเรียนได้ไปอย่างเปล่าประโยชน์
หลายคนเมื่อได้อ่าน ก็อาจจะคิดว่าจะลองประกาศกับนักเรียนของตนเองว่าจะไม่สอบบ้าง แต่ในความจริงแล้ว บทความนี้พยายามจะสื่อให้เราเห็นว่า เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เราควรกลับมาทบทวนแนวความคิดเก่า ๆ ของเราว่ามันยังได้ผลอยู่หรือไม่
การสอบมีไว้เพื่ออะไร ประเมินผลการเรียนรู้หรือว่าเอาไว้ดึงความสนใจของนักเรียนกันแน่ ยังมีวิธีการประเมินการเรียนรู้ที่หลากหลายที่คุณครูสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับเด็ก ๆ ในบริบทของตนเอง
เพราะฉะนั้น การไม่สอบ ไม่ใช่คำตอบครอบจักรวาล แต่สิ่งที่สำคัญคือ คุณครูจะพบวิธีการประเมินที่เหมาะกับห้องเรียนของคุณครูเจอหรือไม่ นี่แหละคือคำตอบที่แท้จริง
เป็นกำลังใจให้กับคุณครูทุกคนที่ออกเดินทางค้นหาวิธีการประเมินที่เหมาะสมภายในห้องเรียนของตนเองด้วยนะ :)
อ้างอิงจากบทความ A Year of No Tests จากเว็บไซต์ Edutopia
สามารถอ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ลิงก์นี้ได้เลย!
https://www.edutopia.org/article/year-no-tests
เรียบเรียงโดย มะพร้าว-ฉัตรบดินทร์ อาจหาญ
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!