สวัสดีค่ะ คุณครูประจำชั้นทุกคน
วันนี้เราจะมาเปิดวงรำ อุ้ย ๆ ไม่ใช่ เปิดวงคุย เรื่อง พฤติกรรมที่ครูประจำชั้นอาจจะหนักใจ ซึ่งวันนี้ค่ะ นีทจะขอเปิดเรื่องด้วย ‘พฤติกรรมก้าวร้าว’
โดยในอันดับแรก นีทอยากจะชวนคุณครูทุกคนมาคิดกันว่า ตั้งแต่ที่เราเริ่มเป็นครูมาจนถึงตอนนี้ เราเคยเห็น “พฤติกรรมก้าวร้าวอะไรของเด็กบ้าง?” โดยนีทอยากให้เราพยายามเขียนออกมาให้เยอะที่สุด เท่าที่เราจะจำได้เลยนะคะ
สำหรับนีทพฤติกรรมก้าวร้าวที่นีทเคยเห็นก็จะมี
ด่ากันด้วยคำหยาบ (สัตว์กี่ชนิดลอยมาไม่รู้)
ทำร้ายร่างกายเพื่อนแบบแรง ๆ เพราะเพื่อนทำให้ตนเองไม่พอใจ
ไม่ชอบหน้าเพื่อนคนนี้ เลยเกิดการบูลลี่
ทะเลาะกับเพื่อนแล้วไม่พอใจ เลยปาหนังสือลงที่โต๊ะแบบเสียงดัง
รวมกลุ่มนินทาเพื่อน แบบให้เจ้าตัวเขารู้ตัว
โพสต์ด่ากันในโซเชียลมีเดีย
อันนี้คือพฤติกรรมก้าวร้าวที่นีทเคยเจอมานะคะ แล้วพฤติกรรมก้าวร้าวที่คุณครูแต่ละท่านเจอมาเป็นอย่างไรบ้างคะ?
เอาล่ะค่ะ ลำดับถัดมา นีทอยากจะ ‘ชวนคุณครูลองมาจัดประเภทของความก้าวร้าวกัน ว่ามันมีอะไรบ้าง’ ซึ่งนีทต้องขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่า มันมีหลายแบบมาก ซึ่งก่อนจะเริ่มนั้น นีทจะขอช่วยคุณครู โดยมาอธิบายก่อนว่าเจ้าพฤติกรรมก้าวร้าวนั้นแบ่งได้ 5 แบบ คือ
✊ รูปแบบที่ 1 ก้าวร้าวทางร่างกาย
ใช้ร่างกายแสดงความรุนแรง เช่น การตบ เตะ ตี ชก
🗣 รูปแบบที่ 2 ก้าวร้าวทางวาจา
การด่าท่อ ตะโกนด่า ทำให้อีกฝ่ายเสียหน้า หรือเจ็บปวดเมื่อโดนด่าแบบแรง ๆ หรือนีทคิดว่าวิธีการด่าสมัยใหม่บนอินเทอร์เน็ตก็ใช่นะ แบบเอาคนที่ไม่ชอบไปแขวนแล้วให้คนมารุมด่า หรือทะเลาะกัน เพราะชิปกันคนละคู่ (เอ้า!)
🧡 รูปแบบที่ 3 ก้าวร้าวที่ความสัมพันธ์
ความก้าวร้าวที่ทำให้กลุ่มแตก หรือเสียความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เช่น การบูลลี่ การนินทา
⚡️ รูปแบบที่ 4 ก้าวร้าวแบบอารมณ์มุ่งร้าย
ความก้าวร้าวที่ปรากฎออกมาผ่านอารมณ์แบบรวดเร็ว เหมือนควบคุมตนเองไม่ได้ เลยตอบสนองแบบรวดเร็วออกมาผ่านการทำร้ายข้าวของ เช่น เตะถังขยะ หรือทำร้ายคนอื่น
💭 รูปแบบที่ 5 ก้าวร้าวแบบไม่แสดงออก
เป็นความก้าวร้าวแบบทางอ้อม เช่น การใช้ความเงียบ พูดประชดประชัน หรือเยาะเย้ยตามโอกาสที่เหมาะสม
และเมื่อเราเข้าใจพฤติกรรมความก้าวร้าวของเด็กแล้ว เราจะมีวิธีให้ความช่วยเหลือเด็ก ๆ อย่างไรดี ให้หลุดจากพฤติกรรมก้าวร้าวเหล่านี้ นีทมองว่ามันมี 2 แนวทางที่เราจะช่วยเหลือเด็ก ๆ ได้นั่นคือ การแก้ไขและการป้องกัน
ในการแก้ไขนี้ นีทมองว่า มันน่าจะเป็นสถานการณ์ที่เด็กในห้องของเรา หรือเด็กในโรงเรียนของเรา ได้แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวไปแล้ว ในเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งตอนนี้อาจจะกำลังถูกดุ หรือเรียกคุยอยู่ ตัวนีทเองก็มองว่า ในการที่เราคุยกับเด็ก ๆ นั้น นีทไม่อยากให้คุณครูทำแค่พูดคุยว่า
“เธอรู้ไหมว่าเธอจะต้องโดนบทลงโทษอะไรบ้าง”
“สิ่งนี้มันแย่มากนะ เธอควรรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ควรทำเลย”
เพราะนีทอยากให้คุณครูใช้เวลาในส่วนนี้ในการช่วยปรับพฤติกรรมเด็ก ๆให้เหมาะสม เพราะการที่เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าวนั้น มันมีสาเหตุเสมอ กล่าวคือ บางครั้งการที่คนเราแสดงความก้าวร้าวออกมาอาจจะเป็นเพราะฉันรู้สึกโกรธกับอะไรบางอย่าง ฉันโดนทำร้ายก่อน ฉันโดนทำให้เจ็บปวด ฉันแค้นคนนี้มาก แล้วพวกเขาก็ไม่รู้จะจัดการหรือรับมือกับมันอย่างไร
ซึ่งความก้าวร้าวนั้นจะถูกแสดงออกมาได้ 2 แบบ (Stanford, Houston, Mathias, Villemarette-Pittman, Helfritz, & Conklin, S. M., 2003) คือ
🔥 แบบที่ 1 เป็นแบบที่เรายับยั้งชั่งใจไม่ได้ (impulsive) มันเหมือนกับว่า ฉันมีก้อนความไม่พอใจ แล้วปลดปล่อยมันออกมาทันที โดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลังว่า สิ่งที่ควรทำคืออะไร
🤔 แบบที่ 2 ฉันรู้ และเข้าใจอารมณ์โกรธของตนเองเป็นอย่างดี และคิดวางแผนโดยใช้ความก้าวร้าวนี้ เพื่อให้บรรลุตามแผนการบางอย่างที่วางไว้ (premeditated) เช่น ฉันไม่ชอบยัยคนนี้เลย จึงวางแผนบูลลี่นาง เพื่อให้เพื่อนไม่ชอบนางเหมือนกัน และทำให้นางไม่มีเพื่อน แบบสะใจดี
ซึ่งแน่นอนว่า วิธีการรับมือกับการแสดงออกมาของทั้ง 2 แบบนี้ก็อาจจะไม่เหมือนกัน เช่น หากเราเป็นคนที่แสดงความก้าวร้าวแบบยับยั้งชั่งใจไม่ได้ การแก้อาจจะอยู่ที่ การพาเด็กให้เข้าใจอารมณ์ของตนเอง และควบคุมมัน ก็อาจจะลดพฤติกรรมก้าวร้าวได้ ส่วนเด็กที่แสดงออกความก้าวร้าวอย่างมีการวางแผนและเข้าใจตนเอง เราก็อาจจะต้องปรับวิธีการแก้ปัญหา เช่น มันมีวิธีอื่นไหมที่เด็กควรใช้แก้ปัญหามากกกว่าวิธีที่ทำมา
โดยในการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหานี้ นีทก็มี ‘การ์ด 4 ใบ’ เพื่อให้คุณครูใช้พูดคุยกับเด็ก เพื่อเข้าใจตัวนักเรียนมากขึ้นในแง่ของความโกรธ วิธีการแสดงออกซึ่งความก้าวร้าวและเลือกวิธีที่เหมาะสม ได้แก่
😡 การ์ดใบแรก คือคำว่า “angry?”
การ์ดใบนี้ เป็นการ์ดให้เด็ก ๆ สะท้อนความโกรธ คือความไม่พอใจต่อคู่กรณีว่าเขาทำอะไรกับเรา แล้วสิ่งนั้น ทำให้เราโกรธมากแค่ไหน โดยเราสามารถให้เราเล่าออกมาว่า ระดับ 1-10 โกรธมากแค่ไหน และเพราะอะไร (โดยสิ่งนี้ นีทอยากให้ครูตั้งใจฟังเด็ก ๆ อย่างไม่ตัดสิน เพราะมันคือความรู้สึกของเขาจริง ๆ)
✋ การ์ดใบที่ 2 คือคำว่า “Do?”
การ์ดใบนี้ เป็นการ์ดที่ให้เด็กสะท้อนว่า เขาใช้วิธีอะไรในการเข้าไปหาคู่กรณี โดยในประเด็นนี้ จะทำให้เราเข้าใจว่า ความก้าวร้าวที่เขาแสดงออกมานั้น เป็นแบบที่ยับยั้งชั่งใจไม่ได้ หรือคิดมาอย่างดี
😇 การ์ดใบที่ 3 คือคำว่า “good or bad”
การ์ดใบนี้ เป็นการ์ดที่ชวนเด็ก ๆ คุยว่า แล้วสิ่งที่หนูเลือกทำนั้นเกิดผลดีหรือผลเสียอะไรบ้าง โดยเด็กอาจจะตอบว่า ผลดี คือสะใจ สมน้ำหน้าเพื่อนคนนั้น ดีที่เขาไม่มีเพื่อนคบเพราะโดนคนเกลียด บลา ๆ (ซึ่งหากเด็กตอบออกมาเป็นทางลบเป็นหลัก ก็ปล่อยไปก่อนนะคะ เดี๋ยวเราค่อย ๆ สอนเขาในการ์ดใบที่ 4 ค่ะ) และผลเสียก็จะเป็นสิ่งที่เด็กโดนดุ ทำโทษ (ซึ่งหากเราเด็กไม่ตอบอันนี้ ก็ให้คุณครูช่วยพูดนะคะ เพื่อให้เด็กเห็นผลลัพธ์ในการกระทำ)
❓ การ์ดใบที่ 4 คือคำว่า “What if”
การ์ดใบนี้ จะชวนเด็ก ๆ พูดคุยว่า หากเราไม่เลือกใช้วิธีแบบที่เราทำผ่านมา เราเลือกใช้วิธีอะไรได้บ้าง? เพื่อให้ตอนจบ เราไม่โดนดุแบบนี้ หรือเพื่อให้ตอนจบคู่กรณีเป็นคนที่ดีขึ้น กลับมาเป็นเพื่อนกัน และอื่น ๆ ตามสถานการณ์ที่เด็กเล่า (อันนี้อาจจะเป็นการสะท้อนให้เด็กคิดว่า หากเราไม่ชอบอะไรในตัวคู่กรณี การสื่อสารเพื่อให้เขาปรับปรุงน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า) ซึ่งวัตถุประสงค์ของการ์ดนี้คือ พาเด็ก ๆ หาทางออกหรือวิธีการแก้ปัญหาที่ดีกว่าเดิม
นีทมองว่า การแก้ไขปัญหาความก้าวร้าวได้ดีอีกวิธีหนึ่งคือ การป้องกัน และชวนเด็ก ๆ หาวิธีการเข้าใจตนเอง และเลือกวิธีการในการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างไม่ก้าวร้าว ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องฝึก นีทจึงอยากชวนคุณครูพานักเรียนฝึกผ่านเกม โดยอาจจะเป็นช่วยกิจกรรมคาบ Homeroom ก็ได้นะคะ วันละ 1 คำถามหรือ สัปดาห์ละ 1 คำถาม แบบฝึกที่ละนิด จะได้คุ้นกับการหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ โดยนีทมีวิธีการเล่นดังนี้
ขั้นตอนที่ 1
ให้คุณครูทำฉลากเหตุการณ์พฤติกรรมก้าวร้าวที่เราเคยพบ หรือนึกออก เพื่อเป็นโจทย์ให้กับเด็ก ๆ เช่น
“เพื่อนคนนี้ แย่งแฟนฉัน ทั้ง ๆ ที่ฉันกับเขาคบกันอยู่ นางมาเป็นมือที่สาม”
ขั้นตอนที่ 2
ขั้นตอนที่ 2
ในกิจกรรมจับฉลากขึ้นมา 1 ใบ แล้วให้เด็ก ๆ ช่วยกันคิดว่า
การแก้ปัญหาแบบรุนแรงที่สุด คือวิธีการใด
การแก้ปัญหาแบบแบบ soft หรือ passive หรือไม่ทำอะไรเลย คือวิธีการใด
โดยจากตัวอย่าง “เพื่อนคนนี้ แย่งแฟนชั้น ทั้ง ๆ ที่ฉันกับเขาคบกันอยู่ นางมาเป็นมือที่สาม” เด็ก ๆ อาจจะช่วยกันตอบว่า
การแก้ปัญหาแบบรุนแรงที่สุด คือ เดินไปตบเลยค่ะ
การแก้ปัญหา แบบ soft หรือ passive หรือไม่ทำอะไรเลย คือ ร้องไห้
ขั้นตอนที่ 3
หลังจากที่เด็ก ๆ ได้ทั้งวิธีการแก้ปัญหาแบบสุดโต่งทั้ง 2 ทาง ชวนเด็กมาพูดคุยถึงผลลัทธ์ที่จะตามมาของทั้ง 2 วิธีในข้อ 2 พร้อมทั้งชวนเด็ก ๆ หาวิธีการตรงกลาง โดยเราอาจจะบอกว่า “แรงเกินไปก็ไม่ดี ยอมเกินไปก็ไม่ได้ เรามาช่วยกันหาทางออกแบบพอดี ๆ ดีไหม” (ซึ่งตรงนี้ คุณครูสามารถพูดคุยให้เกิดความสนุกสนานและเห็นภาพได้เลยนะคะ)
โดยจากตัวอย่างดังกล่าว คำตอบที่เด็ก ๆ ได้อาจจะเป็น
“งั้นเราก็ตัดความสัมพันธ์กับเพื่อนคนนี้ไปเลย ไม่ต้องยุ่งกันอีก แต่เราแคร์ไม่ต้องชวนคนอื่นให้เลิกคบ เพราะมันคือสิทธิส่วนบุคคล แต่ฉันไม่ยุ่งกับนางแน่”
ซึ่งกิจกรรมตรงนี้ จะเป็นเสมือนการพาเด็ก ๆ ได้จำลองปัญหาและลองคิดหาวิธีการรับมืออย่างเหมาะสม ซึ่งมันจะช่วยทำให้เด็ก ๆ เห็นวิธีการแก้ปัญหาทั้งแบบสุดโต่งของทั้ง 2 ทาง และหาวิธีการแก้ปัญหาแบบกลาง ๆ พร้อมทั้งเห็นผลลัทธ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้เด็ก ๆ เข้าใจพฤติกรรม และผลลัทธ์ต่าง ๆ ได้ดี
และเมื่อถึงเวลาต้องเลือกจริง ๆ พวกเขาน่าจะเลือกวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง
Stanford, M. S., Houston, R. J., Mathias, C. W., Villemarette-Pittman, N. R., Helfritz, L. E., & Conklin, S. M. (2003). Characterizing aggressive behavior. Assessment, 10(2), 183-190.