ผู้พัฒนาได้นำแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM) ซึ่งมีจุดเด่นของการ บูรณาการในลักษณะข้ามสาระวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ และ การสอนแบบภาษาธรรมชาติ (Whole Language) เป็นแนวการสอนแบบสอนภาษาโดยองค์รวม ทั้งด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน ซึ่งเกิดจากหลักการและแนวคิดของนักการศึกษาและนักวิจัยทางภาษา ไม่ว่าจะเป็น ดิวอี้,เปียเจต์,ไวก๊อตสกี้ ฯลฯ ที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดประสบการณ์ เพื่อพัฒนาการคิดและภาษาของเด็กปฐมวัยในทางด้านสังคม วัฒนธรรม รวมทั้งการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูและเด็กปฐมวัย ตลอดจนการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ตอบสนองธรรมชาติ และเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กแต่ละวัย เมื่อนำหลักการเหล่านี้มาเป็นแนวคิดในการปรับเปลี่ยนการสอนภาษาจะทำให้เด็กเกิดแรงจูงใจที่จะเรียนรู้ภาษาได้ดีขึ้นแนวการสอนภาษาแบบธรรมชาติ คือ การที่เด็กเรียนรู้ภาษาได้จากสิ่งแวดล้อมรอบด้านในชีวิตประจำวันและการเลียนแบบ โดยการสอนภาษาธรรมชาติสำหรับเด็กปฐมวัยนั้น จะไม่เน้นให้เด็กต้องท่องตัวอักษรได้ ไม่เน้นการท่องจำเพื่อให้อ่านออกเขียนได้เหมือนการเรียนการสอนทั่วไป แต่จะพัฒนาทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน ไปพร้อมๆ กัน มาพัฒนาเป็นกระบวนการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการ STAMPER Learning
กระบวนการ STAMPER Learning ที่มีการบูรณาการทักษะดังต่อไปนี้
โดยจะมุ่งเน้นการจัดประสบการณ์เป็นหลัก และบูรณาการสาระการเรียนรู้อื่นเป็นองค์ประกอบย่อย ผ่านใบกิจกรรม STAMPER Learning และกระบวนการ STEAM Design Process ซึ่งใบกิจกรรมจะมีลักษณะเหมือนเป็น โครงงานหน้าเดียว ในการสรุปองค์ความรู้ตามทักษะต่างๆ ที่ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Coach) ในการจัดกิจกรรมบูรณาการการเรียนรู้ให้กับเด็ก (ตามความสนใจของเด็ก) ทำให้ทักษะต่างๆที่เป็นนามธรรม กลายเป็นทักษะที่เป็นรูปธรรม เด็กเกิดการเรียนรู้อย่างครบกระบวนการ ผู้ปกครองและครูได้ทราบถึงทักษะที่เด็กเกิดการพัฒนา และควรได้รับการส่งเสริมทักษะด้านใดเป็นพิเศษ
การจัดการศึกษาจำเป็นต้องบูรณาการทั้งด้านศาสตร์ต่างๆ และบูรณาการการเรียนในห้องเรียนและชีวิตจริง ทำให้การเรียนนั้นมีความหมายต่อเด็ก ซึ่งเด็กจะเห็นประโยชน์และคุณค่าของการเรียนและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเด็กในการเรียนระดับชั้นที่สูงขึ้นต่อไป
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย