พักอย่างไร ให้ใจได้พักจริง

อย่างที่เราทราบกันดีว่าอาชีพครูนั้นมีภาระงานที่ต้องทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานสอน กิจกรรมเสริมทักษะต่าง ๆ รวมไปจนถึงภาระงานอื่น ๆ ที่ต้องรับผิดชอบในโรงเรียน เช่น งานระเบียบวินัย ทะเบียนวัดผล ธุรการ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งภาระงานเหล่านี้ก็อาจทำให้คุณครูเกิดความรู้สึกเหนื่อยล้า จนต้องการหากิจกรรมบางอย่างทำเพื่อพักผ่อน คลายความเครียด แต่จะมีวิธีใดบ้างล่ะที่คุณครูจะสามารถทำได้ เราลองมาดู 5 วิธีผ่อนคลายความเครียด เยียวยาจิตใจที่คุณครูร่วมกันแชร์จากประสบการณ์ของตนเองในห้องย่อยภายในกิจกรรมที่มีชื่อว่า "พักอย่างไร ให้ใจได้พักจริง" ของทีมนักจิตวิทยาจาก Be PSY You กัน ซึ่งจะมีวิธีไหนบ้างนั้น เราตามไปดูกันเลย

🍰 หาของอร่อย มาทานซักหน่อยให้รู้สึกสบายใจ

สำหรับวิธีแรกที่คุณครูร่วมแบ่งปันมาว่าใช้ได้จริงก็คือ การกินอาหารอร่อย ๆ ที่เราชื่นชอบเพื่อคลายเครียด เพราะอาหารมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองและส่งผลต่อความรู้สึกและอารมณ์ของคนเรา ซึ่งถ้าหากเราเลือกรับประทานอาหารซึ่งมีสารอาหารที่ช่วยลดความเครียด ก็จะส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของเราให้ไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งสารอาหารที่ช่วยลดความเครียดจากผลการวิจัยนั้นก็ประกอบไปด้วย คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่มาจากอาหารประเภทแป้งและข้าว อย่างข้าวกล้องหรือขนมปังโฮลวีท, วิตามินบี 6 จากอาหารจำพวกธัญพืช เนื้อสัตว์ และไข่แดง, สารฟลาโวนอยด์ จากโกโก้และช็อกโกแลตน้ำตาลต่ำ, กรดอะมีโนธีอะนีน ที่ได้จากใบชาเขียวและชาดำ และกรดอะมิโนทริปโตเฟนจากเนื้อไก่ กุ้ง และไข่ ดังนั้นหากเราเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบจากวัตถุดิบที่มีสารอาหารเหล่านี้ ก็อาจจะช่วยผ่อนคลายความเครียดของเราให้น้อยลงได้นะ

นอกจากนี้อาหารอร่อยที่เราชื่นชอบก็มีส่วนสำคัญให้ความเครียดของเราลดลงได้ เพราะการได้กินอาหารที่เราชอบก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง เหมือนกับเวลาที่เราได้ดูซีรีส์ที่เราชอบ หรือได้อ่านหนังสือที่เราชอบ เมื่อเรามีความสุขที่ได้ทำสิ่งที่เราชอบแล้ว แน่นอนว่าความเครียดก็จะเบาบางลงได้ ดังนั้นถ้าเกิดความเครียด หรือเมื่อไหร่ที่รู้สึกไม่สบายใจ คุณครูลองไปเปิดตู้เย็นหรือเดินไปเซเว่นหาของอร่อย ๆ มารับประทานกันดูนะ

🎤 ร้องคาราโอเกะสักหนึ่งเพลง ให้ทำนองเพลงบรรเลงเพื่อเยียวยาจิตใจ

~ โดเรมีโดเรมีซ้อลหล่า หนูขอเวลาซักสามนาที ~

ได้ยินเนื้อเพลงท่อนนี้ คุณครูหลาย ๆ ท่านอาจคุ้นหู จากการเปิดเพลงตามสถานที่ต่าง ๆ หรืออีกที่หนึ่งที่เราจะได้ยินเพลงเหล่านี้ก็คือ ร้านคาราโอเกะนั่นเอง คุณครูหลายท่านน่าจะเคยได้มีโอกาสไปร้องเพลงคาราโอเกะ อาจจะเป็นช่วงเลิกงานกับเพื่อน ๆ หรือตอนสังสรรค์งานเลี้ยงต่าง ๆ เช่นงานเกษียณ งานปีใหม่ของโรงเรียน ฯลฯ ซึ่งการร้องคาราโอเกะนั้นเป็นอีกวิธีหนึ่งที่คุณครูคอนเฟิร์มมาว่าใช้ผลได้จริง จากงานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า หลังจากร้องเพลง ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ไม่ว่าจะร้องเพลงแบบเป็นกลุ่มหรือร้องเพลงคนเดียว ระดับของฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนแห่งความเครียดในร่างกายนั้นมีปริมาณลดลง และผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบยังรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าการร้องเพลงนั้นช่วยผ่อนคลายความเครียดได้จริง เห็นแบบนี้แล้ว จะรอช้าอยู่ไย สอนเสร็จแล้ว ตอกบัตรแล้วชวนเพื่อนครูไปร้านคาราโอเกะกันดีกว่า ยิ่งร้องหลายคนก็ยิ่งสนุกแถมช่วยให้หายเครียดได้อีกด้วย

☕ ถ้ามันเหนื่อยนัก ลองให้ร้านกาแฟเป็นที่พักใจหน่อยไหม

เวลาที่เราเครียด ๆ หรือมีเรื่องไม่สบายใจ การได้เดินทางไปยังร้านกาแฟ หรือคาเฟ่สวย ๆ เพื่อไปกินกาแฟและถ่ายรูปกับโลเคชั่นสวย ๆ ภายในร้าน ก็ช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้ดีเหมือนกันนะ เพราะบางครั้งการที่เราอยู่กับที่หรืออยู่แต่ในห้องเดิม ๆ ที่เดิม ๆ เป็นเวลานานจะทำให้เราอยู่กับความคิด ความเครียด ความกังวลของเรามากจนเกินไป ดังนั้นการได้ออกไปเปิดหูเปิดตาภายนอกบ้างก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีที่จะช่วยผ่อนคลายความเครียด ความกังวลในจิตใจของเราได้ คุณครูอาจลองเดินทางไปยังร้านกาแฟใกล้บ้าน หรือจะเป็นคาเฟ่ริมทะเล บนภูเขาก็ได้ ปัจจุบันนี้ก็มีร้านกาแฟเปิดใหม่ บรรยากาศสวย ๆ เยอะเลย ลองจิ้มมาสักร้านหนึ่งแล้วเดินทางไปจิบกาแฟ ถ่ายรูปคลายเครียดดู จะไปกับเพื่อน ไปกับคนรู้ใจ หรือไปคนเดียวก็ได้ ไปปล่อยใจสบาย ๆ คลายความเครียด ถ้าเราได้จิบกาแฟหอม ๆ ในร้านที่มีบรรยากาศสวย ๆ ก็อาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นก็ได้น้า

🍀 พักผ่อนกายใจเพื่อให้ผ่อนคลายในพื้นที่สีเขียว

นอกจากร้านกาแฟหรือคาเฟ่แล้ว พื้นที่สีเขียว ยกตัวอย่างเช่น สวนสาธารณะ หรือป่าสีเขียวก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่เหมาะแก่การไปพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งจากงานวิจัยของประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า สภาพแวดล้อมภายนอกที่มีคุณภาพ มีต้นไม้หรือสวนต่าง ๆ จะช่วยสร้างเสริมสุขภาพจิตที่ดี ทั้งการลดความเครียด ความวิตกกังวล และช่วยลดภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้ หากบริเวณบ้านมีพื้นที่สีเขียวมากกว่า 20% จะช่วยลดอัตราความเครียดลงได้ และหากมีพื้นที่สีเขียวมากกว่า 30% ก็จะช่วยลดอัตราการวิตกกังวลลงได้อีกด้วย ​ดังนั้นหากคุณครูกำลังมองหาสถานที่ที่เหมาะสำหรับการไปพักผ่อนเพื่อคลายความเครียดจากภาระงาน พื้นที่สีเขียวอย่างเช่น สวนสาธารณะ ภูเขา อุทยานแห่งชาติ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีมากเลยทีเดียว เห็นอย่างนี้แล้ว วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หรือวันไหนที่คุณครูมีเวลาว่าง ลองหาเวลาวางแผนการเดินทางไปท่องเที่ยวกันดู จะไปคนเดียว หรือชวนเพื่อน ชวนครอบครัว คนรู้ใจ เพื่อนครูที่โรงเรียนไปด้วยกันก็ได้นะ

👩‍🏫 มีปัญหาหนักใจ ไม่รู้จะปรึกษาใคร ลองให้เพื่อนครูด้วยกันคอยช่วย

บางครั้งคุณครูอาจมีปัญหาหนักใจเกี่ยวกับการสอน หรือภาระงานต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เกิดความเครียดขึ้นได้ ดังนั้นการหาใครสักคนมารับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น และได้ลองช่วยกันแก้ไขปัญหา ก็จะช่วยให้ความเครียดหรือความกดดันตรงนั้นลดลงได้เช่นกัน ซึงคนที่จะเข้าใจปัญหาของคุณครูได้ดีเกี่ยวกับเรื่องภาระงานในโรงเรียนของคุณครู ก็คือเพื่อนร่วมวิชาชีพของคุณครูนั่นเอง อย่างคุณครูในโรงเรียนเดียวกัน หรืออาจจะเป็นคุณครูต่างโรงเรียนที่รู้จักกันผ่านช่องทางอื่น ๆ ก็ได้นะ เพราะเพื่อนร่วมวิชาชีพเดียวกัน ก็ย่อมเข้าใจปัญหาของกันและกันได้ดีที่สุด บางครั้งถ้าคุณครูได้ลองแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่คุณครูกำลังพบเจออยู่ให้เพื่อนครูด้วยกันฟัง คุณครูก็อาจจะได้วิธีในการช่วยแก้ปัญหานั้นก็ได้ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็มีคนที่คอยรับฟังปัญหาของเรา วิธีนี้อาจจะช่วยให้คุณครูสบายใจมากขึ้นก็ได้น้า หรือถ้าคุณครูไม่รู้ว่าจะไปปรึกษาเพื่อนครูคนไหนดี ก็สามารถมาเข้าร่วม Community กลุ่มเฟซบุ๊ก ครูปล่อยของ กลุ่มที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนไอเดียและวิธีรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดในระหว่างการเรียนการสอนก็ได้เช่นกัน รับรองว่าในกลุ่มนี้มีคุณครูท่านอื่น ๆ จากโรงเรียนทั่วประเทศพร้อมให้คำปรึกษาคุณครูอย่างแน่นอน

วิธีพักผ่อนกายและใจเหล่านี้ ก็เป็นวิธีเบื้องต้นที่คุณครูร่วมกันแชร์มาจากประสบการณ์ของตนเองที่ลองแล้วใช้ได้จริง คุณครูท่านใดที่ตอนนี้กำลังเจอกับปัญหาหนักใจ อาจหยิบวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดูได้น้า หวังว่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะคะ เพราะว่าความเครียด และความกังวลนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่อาจเกิดได้กับทุกคน ดังนั้นคุณครูมีสิทธิ์ที่จะเหนื่อย หมดแรงได้ เพราะเราเองก็เป็นคนธรรมดา แต่เมื่อใดที่รู้สึกเหนื่อย ก็ต้องอย่าลืมหาเวลาพักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจด้วยนะคะ :)