เปรียบเทียบเธอ เปรียบเทียบฉัน (Comparison of Adjective)

การสอนวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน เนื้อหาที่ครูอย่างเรา ๆ ทุกคน หนีไม่พ้น ก็คงจะเป็นเนื้อหา Grammar กันใช่มั้ยค้าบ และเนื้อหา Grammar นี้ ก็เป็นหนึ่งใน skills ที่เด็ก ๆ หลาย ๆ คน หลาย ๆ ห้อง จะไม่ชอบกันเป็นส่วนใหญ่ (ใช่มั้ยค้าบบ) ^^

แต่ ไม่รู้ว่า ของเพื่อน ๆ เป็นกันบ้างมั้ยนะ >< แต่จากประสบการณ์ของเราแล้ว เด็ก ๆ ไม่ค่อยชอบ ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง หนึ่งในนั้นคือ มันต้องจำ และค่อนข้างจะน่าเบื่อ

จะว่าไป การที่เด็ก บอกว่ามันน่าเบื่อ ส่วนหนึ่ง ก็คงมาจากวิธีการสอนของเราแหละ ที่ก่อนหน้านี้ ก็จะใช้การสอนแบบ Traditional คือ ขึ้นหัวข้อ แล้วก็ขึ้นโครงสร้าง เด็ก ๆ ก็ดูโครงสร้าง แล้วก็จดตาม ทำแบบฝึก แล้วก็ส่งครู ซึ่งเด็ก ๆ ก็จะได้แค่เนื้อหาเดียว คือ Grammar ไม่ได้มีโอกาสฝึกพูดเลย ซึ่งไม่รู้ว่าการสอน Grammar ของเพื่อน ๆ เป็นยังไงกันบ้างนะ จะเหมือนแบบ (เดิม) ที่เราใช้บ้างมั้ยน้า ^^

แต่ ๆ วันนี้ เราจะมาแชร์ไอเดียใหม่ที่เราได้มา Concept ยังคงเป็นการสอน Grammar แต่เด็ก ๆ จะไม่ได้แค่เรียน Grammar เท่านั้น เด็ก ๆ จะได้ทั้ง skills การพูด การแปล รวมถึงกระบวนทักษะต่าง ๆ เช่น กระบวนการกลุ่ม การยอมรับคำตอบของเพื่อน ๆ ภายในกลุ่ม และที่สำคัญ คือ ความตื่นเต้นและสนุกสนานในห้องเรียน

วิธีการสอนที่เกริ่นนำเมื่อข้างต้นนั้น เรียกว่า Communicative Learning ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการสอนแบบ Active Learning (ปล. วิธีที่เรามาแชร์ในวันนี้ เราเรียนรู้จากการเข้าอบรม Active Learning จัดโดยบริษัทอักษร เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา และเราได้ลองปรับประยุกต์ใช้กับการสอนของเรา ซึ่งสำหรับเรา มัน work ,มาก ๆ ครับ ^^)

สำหรับเนื้อหาที่เรานำไปประยุกต์ใช้กับวิธีการสอนนี้ คือ Comparison of Adjective รายละเอียด จะเป็นอย่างไรนั้น ป่ะ ไปดูกันโลยยยย

เริ่มต้นด้วย การทบทวนคำศัพท์ Adjective ก่อน ซึ่งเราใช้คำศัพท์ง่าย ๆ ที่เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ก็จะรู้ความหมายกันแล้ว เช่น tall, small, beautiful, heavy และคำศัพท์คำนามที่เรานำมาใช้ในการเปรียบเทียบในชั้นเรียนนี้ ซึ่งการจัดการเรียนการสอนของเราในครั้งนี้นั้น เราแบ่งนักเรียนให้นั่งเรียนเป็นกลุ่ม ๆ และเริ่มกิจกรรมตั้งแต่การทบทวนคำศัพท์เลย

โดย

(1) เด็ก ๆ จะทบทวนความหมายของคำศัพท์ผ่านเกมเปิดแผ่นป้าย ซึ่งเราใช้ Flippity.net ในการเล่นกิจกรรมนี้ (เพื่อน ๆ สามารถกดเข้าศึกษาการใช้ตามนี้ลิงค์นี้ได้เลยครับ เลือกที่เป็น Flippity Quiz Show) ซึ่งเด็ก ๆ จะชอบและสนุกสนานมาก เด็ก ๆ จะช่วยกันตอบคำถาม เพราะมันเป็นการแข่งขัน กลุ่มไหนที่บอกความหมายของคำศัพท์ได้เร็ว ได้ไว ก็จะได้คะแนนไป ตามจำนวนคะแนนที่อยู่ในแผ่นป้ายนั้น ๆ

(2) เมื่อเด็ก ๆ รู้คำศัพท์กันแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นต่อไปกันเลย ให้เด็ก ๆ เลือกตอบ which one จาก PPT ที่เราสร้าง ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่เราวางไว้ เราในฐานะผู้สอน จำเป็นจะต้องแจ้งกติกาการทำกิจกรรมนี้ก่อน ซึ่งกิจกรรมนี้ มีกติกาง่าย ๆ คือ การตอบคำถาม นักเรียนจะต้องตอบเป็นประโยคเท่านั้น หากตอบไม่เป็นประโยค

ถือว่าจะไม่ได้คะแนน ถึงแม้จะตอบถูกก็ตาม ซึ่งจุดนี้แหละ เป็นโอกาสที่เด็ก ๆ นักเรียนจะได้ฝึกการใช้ภาษา และไม่กลัวที่จะพูด ไม่เขินที่จะตอบ เนื่องจากว่า เด็ก ๆ ต่างคนต่างก็อยากจะได้คะแนนสะสมให้กับกลุ่มตนเอง

(3) การตอบคำถามของเด็ก ๆ ในครั้งแรก แน่นอน คงไม่ถูกต้องตามหลักแกรมม่า 100% หรอก มีถูก มีผิด ปะปนกันไป เราในฐานะครู ก็ได้ใช้โอกาสนี้ ในการช่วย correct และแทรก/อธิบายวิธีการตอบที่ถูกต้อง เช่น จากที่ผมสอน ประโยคที่ถามว่า Which one is faster? นักเรียนบางคนก็จะตอบว่า Motorbike faster cheetah บางกลุ่มก็ตอบ Motorbike is faster cheetah. หลาย ๆ กลุ่ม ก็จะไม่ใส่ than กัน เราก็ถือโอกาสนี้ อธิบายการพูดในขั้นกว่าที่ถูกต้อง และเล่นข้อต่อไปเรื่อย ๆที่เราเตรียมมา ซึ่งเราก็พบว่า ข้อหลังจากข้อแรก นักเรียนก็จะตอบได้ถูกต้องมากขึ้น

(4) ในเรื่อง comparison of adjective นี้ หากจำนวนพยางค์มี 3 พยางขึ้นไป ก็จะใช้ more นำหน้า เมื่อถึงตัวอย่างนั้น เราก็ตั้งคำถาม/ ข้อสังเกตให้นักเรียนถกกันว่า ทำไมคำอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ เติม -er แต่ข้อนี้ ถึงไม่มี -er แต่ใช้ more แทน นักเรียนก็จะช่วยกันเดาเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ และหากไม่มีนักเรียนที่ตอบได้ เราก็ค่อยเฉลยคำตอบให้นักเรียนฟัง

(5) ในขั้นสูงสุด ก็ทำเช่นเดียวกับขั้นกว่าเมื่อข้างต้น และเมื่อนักเรียนตอบคำถามครบทุกข้อตามที่เราเตรียมมา ก็ถึงเวลาที่เราจะให้นักเรียนตั้งข้อสังเกต และช่วยกันสรุปกฎเกณฑ์ตามความเข้าใจของพวกเขาจากหลาย ๆ ตัวอย่างที่เล่นไป และปิดท้ายด้วยการที่ครูอธิบายให้นักเรียนฟังอีกครั้ง และสำหรับการสอนของเรานั้น เราก็อธิบายขั้นเท่ากันเพิ่มเติมให้นักเรียน

(6) จากนั้น เมื่อนักเรียนเข้าใจกฎเกณฑ์การใช้ในแต่ละขั้นแล้ว ก็ได้เวลาทดสอบวิชากัน ซึ่งถือเป็นช่วงท้ายคาบพอดี เราก็ให้นักเราทำกิจกรรม Team Survey โดยให้นักเรียนอ่านโจทย์และช่วยกันแปลว่า โจทย์ให้ทำอะไร จากนั้น ก็อธิบายสรุปให้นักเรียนฟังอีกครั้ง เพื่อเป็นการย้ำและให้นักเรียนสามารถทำได้อย่างถูกต้องตามที่เราต้องการ (กิจกรรมนี้ ก็มีใน PPT ข้างล่างแล้วเช่นกันน้า) ซึ่งในขั้นนี้ นักเรียนก็จะได้ฝึก Skills การเขียนและการพูด (อีกครั้ง) เพราะก่อนปล่อยออกจากห้อง ทุกกลุ่มต้องนำเสนอตามที่่แต่ละกลุ่มได้ Survey มา และปิดท้ายด้วยการเลือกแผ่นป้ายคะแนน ซึ่งถือเป็นโบนัส Luck Draw เพื่อนำคะแนนไปสะสมกับคะแนนที่มีอยู่เดิม ก็จะสนุกสนานและเฮฮากัน

ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เป็นกระบวนการสอนของเราในการสอนเรื่องนี้

หากประเมินแล้ว สำหรับเรา กระบวนการสอน Grammar โดยวิธีนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ นักเรียนเข้าใจเนื้อหา อีกทั้งได้เรียนรู้ภายใต้บรรยากาศที่สนุกสนานอีกด้วย

อ่อ เพิ่มเติมอีกนิดน้า อีกวิธีการหนึ่งที่เราใช้ คือ การสอนแบบอุปนัย หรือ inductive learning คือ นักเรียนจะเป็นคนสรุปกฎเกณฑ์ด้วยตัวของเขาเองจากการสังเกตจากตัวอย่างที่เราให้ไป ซึ่งวิธีนี้ ก็สามารถช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้ดีอีกวิธีหนึ่งเลยแหละ ^^

สำหรับใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว เป็นไงกันบ้างค้าบ หมายถึงการเขียนของเราหนะ ก่อนอื่น ขอบอกก่อนเลยค้าบว่า เรามือใหม่หัดเขียนค้าบ จริง ๆ เราใช้ inskru มาสักพักใหญ่ ๆ แล้วแหละ แต่เราเข้ามาอ่าน เข้ามาศึกษาไอเดียของเพื่อน ๆ มากกว่า ไม่เคยแชร์ของตัวเอง แต่วันนี้ รู้สึกอยากแชร์บ้าง จึงตัดสินใจเขียนเป็นครั้งแรกค้าบ หากอ่านแล้วไม่เข้าใจหรืองง ๆ ก็ขอโทษด้วยนะค้าบ ยังไง ก็ฝากเป็นกำลังใจให้เราด้วยน้าาา ^^

Kru'PJ R.Y.