จากนิทาน The very hungry caterpillar ของคุณปู่ อิริค คาร์ล เรื่องของเจ้าหนอนจอมหิวทีกินไม่หยุด จนมันกลายเป็นผีเสื้อ เป็นนิทานที่เกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตของผีเสื้อ ที่มีลูกเล่น ไม่ใช่แค่เป็นนิทานภาพสวยๆ ธรรมดา
นอกจากผีเสื้อจะมีวัฏจักรที่น่าสนใจแล้วยังมีรูปร่าง ส่วนประกอบที่น่าสนใจด้วย ในแผ่นสไลด์ เป็นชิ้นส่วน ปีกผีเสื้อ ขา และ ปากที่ใช้ดูดน้ำหวาน
เป็นครั้งแรกที่เด็กๆได้ส่องดูกล้องจุลทรรศน์ ค่อนข้างง ว้าว มากที่จากชิ้นส่วนเล็กๆขยายใหญ่ขึ้นมาได้ขนาดนี้
ภาพที่ถ่ายจากกล้องจุลทรรศน์ ส่วนปากของผีเสื้อ
ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมปากของผีเสือเหมือนหลอดดูดน้ำ ? คำตอบ ได้มากจากลัษณะของดอกไม้ ที่มีลักษณะเป็นรูเล็ก ผีเสื้อเลยต้องใช้หลอดดูด
และจบด้วยการทำผีเสื้อขยับปีก วิธีทำ --> fb.watch/jyC_HovMto
วันต่อมา เด็กๆลองเปลี่ยนบทบาทเป็นนักสืบ หาว่าใครคือคนขโมยพายแอ๊ปเปิ้ล จากนิทานเรื่อง ใครกินพายแอ๊ปเปิ้ลของฉันไป
จากเล่มนี้ แต่เราขยายลงในชาร์จที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้เด็กๆได้ลองหาคนขโมยพายไปพร้อมกัน
โดยเบาะแสคือ หาง ของสัตว์ที่ขโมยไป
หางของผู้ต้องสงสัยที่หลุดออกมา ระวังการวิ่งไล่จับ เด็กๆต้องช่วยตัวละครในเรื่องหาว่าใครเป็นเจ้าของหาง และขโมยพายแอ๊ปเปิ้ลไป
เพื่อไม่ให้เป็นการสปอยด์เนื้อเรื่องจนเกินไป จะบอกแค่ว่าจะมีสัตว์หลายประเภทที่มีหางเป็นเอกลักษณ์ เป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องนี้ เช่น ตุ่นปากเป็ดที่มีหางเหมือนใบพัดเรือ
นกยูง ที่ชื่อเหมือนครูนกยูง ที่มีหางไว้เพื่อความสวยงามและดึงดูดเพศตรงข้าม และตัวผู้กับตัวเมียมีหางที่แตกต่างกัน
และ สุดท้ายก็เจอคนที่ขโมยพายแอ๊ปเปิ้ลไปก็คือ ตุ๊กแกนั่นเอง ที่สามารถสลัดงานออกได้เมื่อรับรู้ถึงอันตราย
หลังจบภารกิจตามหาคนที่กินพายแอ๊ปเปิ้ลไป ลองให้เด็กๆทบทวนคุณสมบัติของหางสัตว์แต่ละตัว ด้วยการจัดอนุกรมวิธานสัตว์จากนิทานด้วยการใช้ หาง เป็นเกณฑ์
ฟังแล้ว เหมือนยากแต่เด็กๆทำได้นะคะ ถึงจะติดรูปตีลังกาไปบ้างก็เถอะ
และวันนี้ เริ่มต้นด้วย มาราธอนสัตว์ 109 ตัว เป็นนิทานภาพที่มีสัตว์ต่างๆมาวิ่งแข่งกันในภูมิประเทศต่างๆตัวหนังสือน้อยมาก
แต่ว่าระหว่างเนื้อเรื่อง จะมีภารกิจให้เด็กตามหา easter egg ที่ซ่อนอยู่ในที่ต่างๆ
ถ้าใครมีเล่มนี้เหมือนกันนะคะ ช่วยเราหน่อยค่ะ เรากับเด็กๆช่วยกันแล้วแต่หาหอยทากไม่เจอ ใครเจอบอกหน่อยนะคะ จะกลับไปดู
เพราะว่านิทานเป็นเรื่องราวของสัตว์กับภูมิประเทศที่แตกต่างกัน เลยให้เด็กๆเล่นเกมการศึกษา แยกประเภทสัตว์ต่างๆตามแหล่งที่อยู่โดยมีตัวช่วยคือนิทานที่พึ่งอ่านจบไป
เหมือนจะเป็นเกมที่ง่ายแต่ก็ผ่านการถกเถียงแต่หาข้อมูลอ้างอิงมากมายกว่าจะจัดสัตว์ต่างๆเข้าที่อยู่ได้ ทั้งเปิดอินเทอร์เน็ต ค้นสารานุกรม
และอีกเล่มกับ อี่ อี๊ เอ้ก เมี้ยว จากนิทานวาดหวัง เป็นนิทาน เกี่ยวกับเสียงของสัตว์ต่างๆรอบโลกว่าร้องเหมือนกันมั้ย
แต่ครั้งนี้เราไปเล่านิทานเรื่องนี้ที่สวนสัตว์ ได้ลองฟังเสียงสัตว์ตัวจริง เช่น เสียงนกที่ไทยร้องจิ๊บๆ แต่ที่อังกฤษร้อง คูๆ
เสียงลิงที่ประเทศไทยเรา ร้อง เจี๊ยกๆ แต่เสียงลิงที่อเมริกาเป็นอีกเสียง เสียงลิงญี่ปุ่นก็อีกเสียงได้ลองเปรียบเทียบความต่างของเสียงสัตว์
ภาษาเยอรมันเลียนเสียงไก่ขันว่า ‘กิ๊-กะ-ริ-กิ๊’ แต่ภาษาจีนเลียนเสียงไก่ขันว่า ‘เออะ-เอ้อะ-เอ้อ-เอ้อ’ แต่ไทยไก้ร้อง เอ้ก-อี่-เอ้ก-เอ้ก
นอกจากได้ใกล้ชิดสัตว์ตัวจริงยังได้ลองฟังเสียงสัตว์จริงๆด้วย โชคดีโรงเรียนอยู่ใกล้ๆสวนสัตว์ แค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว
และเมื่อเด็กๆได้เรียนรู้เกี่ยวกับ แหล่งที่อยู่ของสัตว์ วัฏจักรชีวิตสัตว์ ลักษณะพิเศษของสัตว์ และเสียงของสัตว์ ก็ถึงตาอาหารที่สัตว์กินบ้าง ขอบคุณตัวอย่างจาก Facebook
โดยเราจะโฟกัสที่อาหารของสัตว์เลี้ยงคือ หมาและแมว ที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเด็กๆ โดยในรูปภาพคืออาหารที่ห้ามนำให้สัตว์เลี้ยงกินเพราะเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงได้
และต่อมาลองให้เด็กๆแยกอาหารที่สัตว์เลี้ยงกินได้และกินไม่ได้ออกจากกัน
แยกไปด้วยดูไปด้วย บางอย่างเป็นความรู้ใหม่เหมือนกันว่าสัตว์เลี้ยงกินไม่ได้ เช่น นมวัว นี่ให้หมาที่บ้านกินตลอดเลย เก๋าขอโต้ด TToTT
และแยกได้ว่า มีฟักทอง กะหล่ำปลี แครอทและไก่ ที่หมาและแมวกินได้
ขั้นตอนการทำ ก็คือให้เด็กๆช่วยหั่นทุกอย่างให้เป็นชิ้นเล็กๆ
และนำทุกอย่างมาต้มให้สุก โดนไม่ปรุงรสใดๆ เพราะจากการสอบถามสัตวแพทย์ สัตว์จะลิ้มรสจากการดมกลิ่นมากกว่า การรับรสชาติมันแย่มากถ้าเทียบกับมนุษย์
คลุกทุกอย่างรวมกันและตักแบ่งใส่ถุง ไปฝากสัตว์เลี้ยงที่บ้าน
และออกแบบฉลากอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วย
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!