inskru

กิจกรรมฟ้าผ่า - ฟ้าร้อง รอดหรือร่วง

1
0
ภาพประกอบไอเดีย กิจกรรมฟ้าผ่า - ฟ้าร้อง รอดหรือร่วง

ที่มาของไอเดีย หรือ จุดประสงค์การสอน

ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เราทุกคนพบเห็นได้บ่อยครั้งนั้นคือการเกิดฟ้าผ่า แต่ก่อนจะเกิดฟ้าผ่านั้นส่วนใหญ่เราจะได้ยินเสียงฟ้าร้องก่อน นักเรียนจะมีวิธีการป้องกันอันตรายและมีวิธีการสังเกตได้อย่างไร มาเรียนรู้กันเลย


ขั้นนำ >> ขั้นนี้คุณครูชวนเด็กๆ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับฟ้าผ่าว่านักเรียนจะรู้ได้อย่างไรว่าพื้นที่ที่นักเรียนอยู่ปลอดภัยจากอัตรายจากฟ้าผ่า และมีวิธีป้องกันอย่างไร

นักเรียนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าถ้าท้องฟ้ามืดครึ้ม และมีเสียงฟ้าร้อง และเกิดฟ้าผ่าอยู่ใกล้ๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะอันตราย

ในความเป็นจริงแล้ว ฟ้าผ่าสามารถผ่าออกไปได้ไกลจากก้อนเมฆถึง 30 กิโลเมตร นั่นคือ แม้ท้องฟ้าเหนือศีรษะของเราจะดูปลอดโปร่ง แต่เราอาจจะถูกฟ้าผ่า (แบบบวก) ได้ หากมีเมฆฝนฟ้าคะนองอยู่ห่างไกลออกไปได้ราว 30 กิโลเมตร

และหากออกไปนอกบ้านขณะเกิดฝนฟ้าคะนองมีวิธีสังเกตเรื่องฟ้าผ่าอย่างไร ?

>> ครูอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎ 30/30 นั่นคือ ถ้าได้ยินเสียงฟ้าร้องไม่เกิน 30 วินาที เมฆผนฟ้าคะนองอยู่ใกล้ และควรจะหลบอยู่ในอาคารจนกว่าได้ยินเสียงฟ้าผ่าหนสุดท้ายนานเกิน 30 นาที 

ขั้นตอน

ขั้นอธิบายและเรียนรู้ >> เราจะรู้ได้อย่างไรถ้าเกิดฟ้าผ่าที่โรงเรียนของเรา โดยที่เราอยู่ที่บ้านจะปลอดภัย ???

อุปกรณ์ 1. โทรศัพท์มือถือ

2. google map

ขั้นนี้ให้เด็กๆ ใช้โทรศัพท์มือถือเข้าแอพพลิเคชัน google map และเลือกสถานที่เป็นโรงเรียน > เลือกสถานที่ใกล้ๆ > กดฟังก์ชัน ระยะทาง > ลากไปที่บ้านของนักเรียน เท่านี้ก็สามารถวัดระยะทางจากโรงเรียนถึงบ้านได้แล้ว (30 กิโลเมตรนะถึงปลอดภัย)

















โดยนักเรียนบันทึกระยะทางที่ได้จาก google map ในใบงานบันทึกผลรวมทั้งอุณหภูมิอากาศ ณ เวลานั้นจากโทรศัพท์มือถือเพื่อคำนวณอัตราเร็วของเสียงในอากาศ และขั้นตอนสุดท้ายคือ พิจารณาว่าบ้านของนักเรียนเป็นระยะปลอดภัยหรือไม่ (ระยะทางน้อยกว่า เท่ากับ หรือมากกว่า 30 กิโลเมตร)


ผลสะท้อนจากนักเรียน หรือ ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

ขั้นสรุป >> ครูชวนเด็กๆ สรุปการเรียนรู้ร่วมกัน

ครูแบ่งห้องเรียนออกเป็น 2 ฝั่ง ซ้ายและขวา โดยใครมีโอกาสรอดจากฟ้าผ่าให้ยืนอยู่ฝั่งซ้าย และใครที่ไม่รอดให้ยืนอยู่ฝั่งขวา นักเรียนห้องนี้ยืนอยู่ฝั่งขวาเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือ ไม่รอดนั่นเอง

และสุดท้ายครูสุ่มนักเรียนออกมาอธิบายหลักการทางฟิสิกส์ที่ต้องอาศัยความรู้เรื่องเสียง ไฟฟ้า และการเคลื่อนที่แนวตรง ในการทำกิจกรรมครั้งนี้

บริบท หรือ ข้อเสนอแนะ

จากกิจกรรมนี้จะเห็นว่าห้องเรียนที่เต็มไปด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือและเทคโนโลยีก็สามารถจัดการเรียนรู้ในวิชาฟิสิกส์ได้และได้ผลดีด้วย

ฟิสิกส์เกมและกิจกรรมมัธยมปลาย

ไอเดียนี้เป็นไงบ้าง?

1
ได้แรงบันดาลใจ
0
ลงไอเดียอีกน้า~
แบ่งปันโดย
เจนธรรม จันทร์เสริมพงศ์
คุณครูที่ชอบกราฟเป็นพิเศษ

อยากร่วมแลกเปลี่ยน?

please login

แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru

เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย

icon-please-commentมาเป็นคนแรกที่แลกเปลี่ยนสิ!
credit idea

ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!

ไอเดียน่าอ่านต่อ