สมองของมนุษย์มีไว้ให้คิด  

ครูโค้ช จึงต้องรู้จักการทำงานของสมอง

เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking Skills)

ที่ครูสร้างกิจกรรมให้เกิดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical thinking)

ควบคู่ไปกับการคิดอย่างสร้างสรรค์ (Creative thinking) 

ด้วยบรรยากาศแบบกัลยาณมิตร โดยใช้หลักจิตวิทยาเชิงบวก

และสัมพันธ์กับเรื่องของ Brain-based Coaching ดังนี้ 

มนุษย์มีสมองส่วนหน้า (PREFRONTAL CORTEX)

เป็นสมองครองสติ มีไว้ให้คิด และสร้างการเรียนรู้

ประเด็นอยู่ตรงที่ หากผู้เรียนรู้สึกกลัว เกรียด โกรธ เศร้า

สารพัดของการคิดลบในช่วงเวลาใด

อะมิกดาลา (Amygdala)  ที่อยู่ด้านล่างของแต่ละซีกของสมองส่วนกลาง 

ที่เป็นฐานบัญชาการทางอารมณ์ (Limbic system) ก็จะทำงาน

โดยตอบสนองแบบ Fight (ต่อสู้) Flight (หนี) Freeze (เฉย ไม่รับรู้)

ห้องเรียนก็จะเข้าสู่บรรยากาศแบบมาคุ หรืออึดอัด ขึ้นมาทันที

เราลองสังเกตตัวเราเองได้

หากเมื่อใดที่เราตื่นตระหนก ตกใจ กลัวบางสิ่ง

เราก็จะคิดอะไรไม่ค่อยออก ตัวสั่น มือสั่น

ต้องค่อย ๆ รอเวลา เพื่อเรียกคืนสติตัวเองก่อน

หรือ สติมา ปัญญาเกิด

ครูโค้ชจึงต้องออกแบบการเรียนรู้ที่ผ่อนคลาย

เพื่อให้สมองส่วนหน้าทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

โดยเฉพาะการสื่อสารของครูโค้ช คือกุญแจสำคัญ

เช่นการสะท้อนกลับเชิงบวก (Positive Feedback) 

ที่ผมใช้บ่อยคือ Ask-Tell-Ask

ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้เรียนมาส่งงาน

Ask – ให้ถามผู้เรียนว่าจะให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ เพื่อเป็นการประเมินตนเอง (Self Assessment)

Tell – ครูบอกสิ่งที่อยากเห็น หรือเพิ่มเติมคำแนะนำ โดยเชื่อมโยงกับประเด็นที่ผู้เรียนประเมินตนเอง ว่าหากงานที่ส่งนั้นต้องการให้ดีขึ้น ควรจะพัฒนางานอย่างไร (Constructive feedback) 

Ask - สอบถามความคิดเห็น ว่าสิ่งที่แนะนำไปมีความคิดเห็นอย่างไร

จากเทคนิคนี้ คือการ Positive feedback 

ที่เราเลือกใช้บทสนทนาแบบ Positive Dialogue 

โดยให้ผู้เรียนประเมินตนเองก่อนที่เราจะให้คำแนะนำ

และปิดท้ายด้วยการถามความคิดเห็นว่าผู้เรียนคิดอย่างไร

เห็นได้ว่า ตัวอย่างบทสนทนาแบบครูโค้ช

คือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้

เพื่อให้สมองส่วนหน้าทำงานได้อย่างเต็มที่

เพราะ อะมิกดาลา ไม่ได้ถูกกระตุ้น

เมื่ออารมณ์ดี แจ่มใส ทำให้สติมา ปัญญาเกิด

Positive Feedback จึงสร้างความตระหนักรู้ให้ผู้เรียนได้เป็นอย่างดี

จากคำพูดเพื่อสร้างพลัง ของครูโค้ช