icon
giftClose
profile

โอบรับความหลากหลาย แบบไม่ต้องเปลี่ยนกฎในโรงเรียน

3890
ภาพประกอบไอเดีย โอบรับความหลากหลาย แบบไม่ต้องเปลี่ยนกฎในโรงเรียน

🏳️‍🌈

จริงๆ เราไม่ได้ตั้งกฎขึ้นมาใหม่ กฎระเบียบที่มีอยู่เราก็ปรับหรือเอื้ออนุโลมให้กับกลุ่มที่เขามีความหลากหลายทางเพศโดยผ่านกระบวนการที่ไม่ขัดต่อระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ หรือขัดกับข้อกฎหมาย และที่สำคัญคือ นักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศ เราได้ช่วยให้เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ช่วยให้เขาได้เรียนในโรงเรียนได้อย่างมีความสุข


ตามไปอ่านเรื่องราวของ ผอ.ก้านตอง เส็งเอี่ยม กับการสร้างโรงเรียนที่โอบรับความหลากหลายของนักเรียนกันได้เลย


อาจเป็นกราฟิกรูป 1 คน, ลิงลม และ ข้อความ

🏫

สิ่งที่เราทำ มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สถาบันครอบครัว ที่เขายอมรับในความหลากหลายทางเพศของลูก เด็กก็ค้นพบตัวเองมาก่อนหน้าที่จะเข้ามาเรียนในโรงเรียนของเรา เช่นเด็ก ป.6 ที่เข้าสู่ ม.1 ตอนมาอยู่กับเรา เขารู้ตัวแล้วล่ะ ว่าเขาเป็นอย่างไร ด้วยใจของเขาเอง ไม่ว่าเค้าจะเป็นผู้ชายใจเป็นหญิง หรือผู้หญิงแต่ใจเป็นชาย อย่างรุ่นที่แล้ว เด็กที่จบ ม.6 ไป เขาเป็นคนตั้งใจเรียน เป็นแดนซ์เซอร์อยู่ในวงดนตรีของโรงเรียน แล้วก็เป็นคนที่มีทักษะในการแต่งหน้าแต่งตัว มีความสามารถเยอะมาก ทั้งครอบครัวและเพื่อนในห้องเรียนยอมรับอยู่แล้วว่า นักเรียนคนนี้มีเพศวิถีแบบนี้แหละ


ผู้ปกครองของเขามาขอกับทางโรงเรียนว่า ให้ลูกไว้ผมยาวได้ไหม เวลาไปแข่งขันการแสดงวงดนตรี คนที่ผมสั้นจะต้องใส่วิกแล้วดึงรั้งเจ็บมาก เมื่อผู้ปกครองร้องขอมา เราก็ประชุมทำความเข้าใจกับบุคลากรในโรงเรียนก่อน ซึ่งครูในโรงเรียนของเราก็ยอมรับ ไม่ได้กีดกัน ไม่มีใครมีข้อขัดแย้งอะไร กรรมการสถานศึกษา ศิษย์เก่าของเราก็ไม่ได้คัดค้าน


การที่นักเรียนได้แต่งกายตามความหลากหลายทางเพศ มันไม่ได้ส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอน ไม่ได้เป็นปัญหากับตัวนักเรียน จึงเป็นหน้าที่ของโรงเรียนที่ต้องดูแลช่วยเหลือเขา ถ้าเราไม่ดูแลเขา อาจจะไม่มาเรียนอาจจะลาออกไปเลย อาจจะหนีออกจากบ้าน ไม่ได้รับการศึกษา ตรงนั้นน่าจะเป็นปัญหากับประเทศชาติมากกว่า เรื่องกฎระเบียบเราสามารถยืดหยุ่นได้ ตอนนี้กระทรวงศึกษาธิการก็ผ่อนปรนให้โรงเรียน ชุมชน และนักเรียนตัดสินใจกันเองว่ากฎทรงผมจะแบบไหน ตอนนี้การกระจายอำนาจมาที่โรงเรียนแล้ว แต่ละโรงเรียนจะมีคณะกรรมการสถานศึกษาซึ่งเป็นคนในชุมชนเกือบทั้งหมด มีสมาคมศิษย์เก่า ซึ่งเราก็จะขอความเห็นชอบจากสองกลุ่มนี้ด้วยเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นชอบ เพราะว่าเป็นประโยชน์เป็นลูกหลานของเก้าเลี้ยว


อาจเป็นภาพวาดรูป 1 คน และ ข้อความ

💫

กระบวนการที่ผู้ปกครองร้องขอมา เราจะมีหนังสือบันทึกข้อความภายในโรงเรียนว่า อนุญาตให้นักเรียนคนนี้ไว้ผมยาวเนื่องจากเหตุผลต่างๆ กันไป ไม่ใช่เรื่องความหลากหลายทางเพศเพียงอย่างเดียว บางคนผมหยิกมาก ตัดผมสั้นแล้วไม่สวย เวลาเรียนในห้องเรียนอาจจะถูกบูลลี่ด้วยสายตาหรือคำพูดอะไรต่างๆ ผู้ปกครองก็จะร้องขอว่าขออนุญาตไว้ยาวได้ไหม ทำให้นักเรียนรู้สึกมั่นใจขึ้น บางคนก็ไม่ได้ขอเรื่องการแต่งกาย ขอแค่เรื่องทรงผม บางคนก็ขอทั้งเรื่องทรงผมและการแต่งกายก็มีความหลากหลายอยู่เหมือนกัน


หลังจากที่อนุญาตแล้ว เราก็จะคอยสอบถามข้อมูลชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียนแต่ละคน เราต้องกำกับติดตามด้วย ไม่ใช่อนุญาตแล้วปล่อยเลยตามเลย เราจะคอยสอบถามครูที่ปรึกษาตลอดว่า เด็กเป็นยังไง การเรียนเป็นยังไง พฤติกรรมเป็นยังไง ช่วงก่อนกับหลังที่ได้เเต่งตัวตรงกับเพศวิถี (Gender) แล้วมีความต่างอย่างไร ผมค้นพบนะว่า ตอนที่เขายังไม่ได้แต่งตัวตรงกับเพศวิถีที่เลือกเองเนี่ย เขาโดนบูลลี่มากกว่า อาจจะด้วยทางสายตาหรือคำพูด พอได้อนุญาตให้เปลี่ยนการแต่งตัวเเล้ว การบูลลี่กลับหายไป นั่นแสดงว่าการยอมรับของสังคมภายในของเรา ไม่ว่าจะเป็น คุณครู หรือเพื่อนนักเรียน มีการยอมรับตัวตนที่เด็กคนนี้เป็น และเขาสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในโรงเรียน และเรียนได้อย่างมีความสุขมากขึ้นจริงๆ


ผมมองว่าเราเดินทางมาถูกแล้วนะ เราไม่ได้กีดกัน เราเปิดโอกาสให้เขาได้เรียนในระบบ เราช่วยเขาให้ได้พบกับตัวตนของที่แท้จริง ผมจะเน้นอยู่ 2 คำคือ ลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มโอกาสทางการศึกษา นี่คือประเด็นที่ผมคิดอยู่ทุกวันว่า เราทำยังไงก็ได้ที่จะขจัดความเหลื่อมล้ำออกจากสังคมให้ได้ และเพิ่มโอกาสให้เด็กและเยาวชนในวัยเรียนได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างด้านฐานะทางครอบครัว ความเป็นอยู่แล้วก็เรื่องของเพศ มันก็มีความเหลื่อมล้ำอยู่


อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และ ข้อความ

🌟

ผมไม่ได้บอกว่าทุกโรงเรียนต้องคิดเหมือนผม แต่ในมุมของผมแล้ว ผมสามารถตอบให้สังคมได้เข้าใจว่า สิ่งที่เราทำมันเกิดประโยชน์ ไม่ได้เป็นโทษหรือขัดต่อระเบียบของทางราชการหรือทำให้ราชการเสียหาย ผมเข้าใจดีว่าข้าราชการทุกคนจะกลัวว่า ถ้าทำอะไรใหม่ๆ อาจจะกระทบต่อความก้าวหน้าในชีวิตราชการของตัวเอง กระทบความเป็นอยู่ของครอบครัว ส่วนใหญ่จึงไม่กล้าทำ ปล่อยให้มันเป็นไปตามสภาพ แต่ผมเองมองว่าผู้บริหารหรือผู้นำ ต้องมีความคิดนอกกรอบ โดยที่ไม่ขัดต่อจารีตประเพณี หรือกฎหมาย หรืออะไรก็ตาม คงไม่มีบทลงโทษที่มากระทบต่อทำงานของเราได้ เพราะเจตนาของเราคือสิ่งที่ดีขึ้น ดีกว่าทุจริต ดีกว่าไปรับสินบน เรากำลังช่วยให้มนุษย์มีความสมบูรณ์มากขึ้น ยอมรับว่าผมเองก็รู้สึกกดดันเหมือนกันนะ กังวลเหมือนกันว่าประเด็นที่เราอนุญาตให้นักเรียนแต่งกายตามเพศวิถีเนี่ย อาจจะมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สำหรับคนที่เห็นต่างเราไม่รู้ว่าเขาจะมองอย่างไร


บางทีก็คิดว่าถ้าไม่มีใครพูดหรือไม่มีใครที่มาแตะเรื่องนี้ ทุกคนก็เรียนกันไป ถึงเวลาเขาก็จบการศึกษาไปคนรุ่นใหม่มาเข้ามา เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ทำได้ แต่ผมพูดอยู่เสมอรัฐธรรมนูญเราก็เขียนไว้ว่า ต้องพัฒนาเด็กและเยาวชนทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมให้เหมาะสมกับวัย อย่างน้อยเราทำให้นักเรียนกลุ่มนี้มีโอกาสอยู่ในรั้วโรงเรียนได้อย่างมีความสุข และปลายทางเขาก็ประสบความสำเร็จจริงๆ การติดตามมันจะเป็นข้อมูลที่ทำให้เราตัดสินใจได้ในอนาคต ถ้าเราทำแล้วปรากฏว่าเด็กเกิดปัญหาหรือทำให้กระทบต่อองค์กรหรือระบบการทำงาน เราก็จะหยุด แต่ที่ผ่านมามันไม่พบเลย ถึงแม้บางคนจะไม่มีความสามารถพิเศษ แต่เขาก็ยังมีความเก่งความดีอีกหลายอย่างที่เราอยากสนับสนุน


อาจเป็นภาพวาดรูป หนึ่งคนขึ้นไป และ ข้อความ

🏠

ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัว ผมค่อนข้างที่จะเปิดใจกว้างกับเรื่องพวกนี้ เพราะเราต้องยอมรับว่าหลายประเทศมีกฎหมายที่ได้ดูแลคุ้มครองคนที่มีความหลากหลายทางเพศแล้ว แต่ที่มีความมั่นใจในโรงเรียนในระดับหนึ่งคือ เด็กที่มีความหลากหลายทางเพศซึ่งอยู่กับเราเนี่ย เขาอยู่อย่างมีความสุข แล้วก็ประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับโรงเรียน สังคมหรือประเทศชาติ ถ้าเด็กค้นพบตัวเอง เราก็ต้องยอมรับ เราก็ไม่กีดกันเขา


สิ่งที่อยากจะฝากคือสถาบันครอบครัวต้องเข้าใจ เพราะถ้าพ่อแม่ไม่เข้าใจ บางคนครอบครัวได้ลูกผู้ชายแต่มีจิตใจเป็นผู้หญิง แสดงความรังเกียจ บีบบังคับ หรือทำพฤติกรรมที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด ไม่รู้จะระบายยังไง อาจจะทำให้เขาตัดสินใจหนีออกจากบ้าน กลายเป็นปัญหาของสังคมในเรื่องอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมาย แต่ถ้าครอบครัวเปิดใจกว้างและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นก่อนแล้ว ทางโรงเรียนก็สามารถดูแลต่อยอดได้จนประสบความสำเร็จ และใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข


ถ้าถามว่า มีกังวลบ้างไหม? บางทีก็คิดว่าสิ่งที่ทำจะขัดกับระเบียบราชการหรือไม่ แต่การอนุญาตให้นักเรียนสามารถเเต่งกายตามเพศวิถี (Gender) ของตัวเองเราได้ดูแลเขาในด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมแบบนี้ เขาก็เรียนในโรงเรียนได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องถูกกีดกันหรือบูลลี่จนต้องออกจากระบบ ซึ่งเป็นประโยชน์กับทุกคน และไม่ได้ขัดต่อระเบียบใดๆ


“การอนุญาตให้นักเรียนสามารถเเต่งกายตามเพศวิถีเป็นการแต่งกายตามเครื่องแบบนักเรียนที่ทางโรงเรียน และราชการกำหนดไว้ การอนุญาตนี้ เกิดขึ้นจากการที่เราได้รับฟังเสียงจากเด็กเเละผู้ปกครอง มันทำให้เห็นว่าการเริ่มต้นตั้งแต่ครอบครัว เป็นสิ่งที่สำคัญที่เขายอมรับในความหลากหลายทางเพศของลูกเขา แล้วตัวเด็กเองก็ค้นพบตัวเองมาก่อนหน้าที่จะมาเรียนกับพวกผม เช่น เด็กป.6 ที่เข้าสู่ ม.1 ตอนมาอยู่กับผม เขารู้ตัวแล้วว่า

เขาเป็นอย่างไร ด้วยใจของเขาเอง


ถ้าพ่อแม่ไม่เข้าใจ ที่มีลูกชายแต่มีจิตใจเป็นหญิง [เพศวิถี (Gender) ไม่ตรงกับ เพศสรีระ (Sex) - ทีมงาน insKru] และเกิดความรู้สึกรังเกียจ หรือบังคับให้เด็กรู้สึกอึดอัดและไม่รู้จะระบายอย่างไร อาจจะทำให้เด็กหนีออกจากบ้าน และอาจมีปัญหาอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมายที่ตามมา ซึ่งเกิดจากการไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับกัน


แต่ถ้าเปิดใจกว้าง และยอมรับในตัวของเขาตั้งแต่สถาบันครอบครัวมาเนี่ย ทางโรงเรียนสามารถดูแลต่อยอดจนประสบความสำเร็จได้แน่นอน


เมื่อเราอนุญาตนักเรียนเเล้ว เราก็แจ้งครูให้ทราบตรงกัน และ สอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียนต่อไปว่า ช่วงก่อนกับหลังที่ได้เเต่งตัวตรงกับเพศวิถีแล้วมีความต่างกันอย่างไรบ้างไหม? ผมได้ค้นพบอย่างหนึ่ง คือพอได้อนุญาตเเล้วเรื่องการบูลลี่ อาจจะด้วยทางสายตาหรือทางคำพูด ตรงนี้กลับหายไป นั่นแสดงว่าการยอมรับของสังคมภายในของเราไม่ว่าจะเป็น คุณครู หรือเพื่อนนักเรียน มีการยอมรับในความเป็นจริงที่เด็กคนนี้เป็น และเขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน และเรียนอย่างมีความสุขได้


ถ้าถามว่ามีกังวลบ้างไหม บางทีก็คิดว่าสิ่งที่ทำจะขัดกับระเบียบราชการหรือไม่ ถ้าไม่มีใครพูดในเรื่องนี้ ทุกคนก็เรียน อยู่กันแบบปกติได้ แต่ผมจะคิดอยู่เสมอว่าเราทำยังไงก็ได้ที่ 1. ลดความเหลื่อมล้ำ และ 2. เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนได้มากที่สุด หรืออย่างรัฐธรรมนูญเองก็เขียนอยู่แล้วว่า เราต้องพัฒนาเด็กทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ผมถึงมองว่าดีแล้วที่เราทำให้นักเรียนได้มีโอกาสได้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ทำให้เขาไม่ต้องออกไปจากระบบ เพราะการกีดกันหรือบูลลี่ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆคน ไม่ได้เป็นโทษหรือขัดต่อระเบียบของทางราชการ หรือทำให้ราชการเสียหายแต่อย่างใด


อยากได้ผู้ช่วยออกแบบการสอนใหม่ ตั้งเป้าหมายออกแบบห้องเรียนในฝัน ที่เต็มเปี่ยมด้วยความเห็นอกเห็นใจกันแบบ ผอ.ก้านตอง

แอดไลน์ Buddy Kru เลย bit.ly/BuddyKruFB

รีวิว
(0)
ดาวน์โหลด
(0)
เก็บไว้อ่าน
(0)