💡 สอนเหมือนๆ กัน แต่ทุกห้องเรียนมีความต่างกันทำอย่างไรเราถึงจะเข้าใจนักเรียนมากพอ เพื่อที่จะสร้างห้องเรียนสำหรับเขา มาพบกับ ครูกันต์-กันตภณ โสภาวะดี คุณครูที่ใช้เครื่องมือ Student Feedback หนึ่งในเครื่องมือของไลน์เเชตบอต Buddy Kru ให้นักเรียนออกความเห็น และสร้างห้องเรียนที่ตอบโจทย์ผู้เรียนอย่างเเท้จริง
“ต้องเล่าก่อนว่าปีนี้เป็นปีเเรกที่เราได้สอน 2 ระดับ คือ ป.5-6 ซึ่งมันค่อนข้างยาก เพราะห้องเรียนมันก็ไม่เหมือนกัน ความต้องการ หรือลักษณะนิสัยของนักเรียนทั้ง 4 ห้องก็ไม่เหมือนกัน เรามองว่าถ้าสอนในรูปแบบเดียวกัน ไม่มีทางหรอกที่จะเกิดการเรียนรู้ได้เท่ากัน พอดีกับว่าตอนนั้นเพิ่งเปิดเทอม เราเพิ่งรู้จักกับ Buddy Kru เลยเอาให้เด็กทำ เพราะโจทย์ของเราคือตั้งใจจะทำห้องเรียนให้เป็นพื้นที่ของเขา ทั้ง 45-50 คนจะได้มีส่วนร่วมในการออกแบบห้องเรียนที่ตัวเองเรียน
“เมื่อได้ใช้ Buddy Kru เราเห็นเลยว่าเเต่ละห้องมีลักษณะนิสัยที่เเตกต่างกัน ยกตัวอย่างนะ บางห้องเขาอยากได้ครูที่ใจดี เน้นกิจกรรม แต่บางห้องเป็นเด็กซนๆ หน่อย เขาสนใจกิจกรรมที่ได้เเข่งกันตอบ มีห้องหนึ่งนะที่ค่อนข้างเรียบร้อย โอเคกับการทำกิจกรรม เเต่พิมพ์มาว่าอยากให้ครูเน้นวิชาการ อันนี้ไม่รู้ว่าเด็กพิมพ์ หรือให้ผู้ปกครองพิมพ์ (หัวเราะ) อยากให้เล่าเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมจากในหนังสือเรียนอะไรงี้ เราไม่ได้มองว่าสิ่งนี้เป็นภาระ เเต่เรามองว่ามันคือความท้าทาย เราไปหาข้อมูลเพิ่มเติมของเเต่ละห้อง 4 ห้อง 4 สไตล์เลย ห้องนี้เราอาจจะเป็นครูคูลๆ เลย นิ่งๆ เท่ๆ อีกห้องนึงเราไปทางตลกเลย เล่นได้ เต้นได้ อีกห้องเป็นครูไทยที่ผสมประวัติศาสตร์ด้วย เราสอนอย่างนี้ เด็กก็จะสนใจอยากเรียนเอง”
“พอเราเข้าใจว่าเเต่ละห้อง มีลักษณะนิสัยที่เเตกต่างกัน เราก็จะพยายามออกแบบเนื้อหาที่ตอบรับกับห้องเรียนต่างๆ และต้องขอบคุณที่นโยบายโรงเรียนก็สนับสนุนด้วย เรามองว่าปัญหาจริงจังเลยเกิดจากหลักสูตร เนื้อหาที่เอามาสอนให้กับเด็กบางทีไม่ได้ใช้จริงๆ ประกอบกับธรรมชาติของภาษาไทย มันเป็นวิชาที่ไม่สนุก ก่อนเขาจะมาเรียนกับเรา เขาพูดว่า “มาสเตอร์ ภาษาไทยน่าเบื่อมากเลย” เราไม่รู้หรอกว่าเขาไปเจออะไรมาบ้าง เเต่เราอยากให้ห้องเรียนเราเเตกต่างจากที่เคยเรียนมา ผมทำเอกสาร ชีทเรียนให้เด็กเอง โดยดึงตัวชี้วัดจากหลักสูตร แล้วคุยกับครูอีก 2 คนเพื่อผลิตเอกสารที่เป็นของเราเอง ประกอบกับหนังสือที่ใช้เป็นเเกนกลาง หรือการท่องอาขยานผมให้นักเรียนตามสะดวก อาจจะท่องคนเดียว หรือจับคู่ จับกลุ่มมาก็ได้ตามความสบายใจของนักเรียนเลย ไม่ถั่วงามาก็ให้ผ่านหมด เพราะรู้สึกว่าอาขยานทำให้เราจดจำ เกิดจินตภาพตาม เเต่ถ้าถามว่ามันสำคัญที่สุดไหม ก็คงไม่เท่ากับการมีวิจารณญาณคิดวิเคราะห์ หรือใช้ Critical Thinking ในปัจจุบันเเล้ว
“เรื่องตั้งใจสอนให้ไม่มีการบ้าน ไม่ใช่ไม่มีเลย เเต่มีในปริมาณน้อยมากๆ เปลี่ยนเป็นทำงานในคาบให้เสร็จ หรือออกแบบกิจกรรมที่เมื่อจบคาบเราให้ถอดบทเรียนว่าได้อะไรกันมาบ้าง จริงๆ แล้ว มันเหนื่อยนะครับ เเต่มันใจฟูมากเวลาเจอคำพูดเเบบ “มาสเตอร์สอนต่อได้มั้ย” หรือเด็กไปเข้าค่ายกัน เขาก็มาพูดกับเราว่า… “มาสเตอร์ตามไปค่ายด้วยได้มั้ย” เมื่อก่อนนี้ไม่เคยเป็นเเบบนี้เลย เราเป็นครูที่มีด้านเดียวมาตลอด ปัญหาที่เจอคือการเข้ากับห้องเรียนนี้ได้ เเต่ไม่สามารถเข้ากับอีกห้องได้ Buddy Kru คือเครื่องมือที่มาช่วยทำให้เรารู้ว่าความต้องการของอีกห้องเป็นเเบบไหน”
“ถ้าถามว่าเราจะเข้าใจนักเรียนมากพอ ที่จะสร้างห้องเรียนสำหรับเขาได้อย่างไร จริงๆ ก็ได้ Buddy Kru ที่เป็นเครื่องมือรวบรวม Feedback อย่างตรงไปตรงมา เพราะเราไม่เห็นว่าใครพิมพ์ เด็กๆ จึงเต็มที่ กล้าตอบ คำตอบมันค่อนข้างเรียลมากๆ สิ่งที่เขาเขียนมา เขาคิดดีเเล้ว คิดว่าสิ่งนี้คุณครูจะต้องอ่าน และมีผลให้พัฒนาในทางที่ดีเเน่ๆ เราคิดเสมอว่าถ้าเป็นครูที่ไม่พร้อมปรับปรุงตัวเอง เราก็จะเป็นครูที่นักเรียนพร้อมกันยี้ มีออร่าอะไรบางอย่างที่เด็กไม่อยากเข้าใกล้ บางทีการสอนเราอาจจะมีส่วนที่ต้องปรับปรุงตัวเองให้เข้ากับเนื้อหา เข้ากับเด็กๆ อะไรอย่างนี้ครับ เราต้องรับ Feedback เพื่อนำมาพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
“สำหรับ Feedback จากผู้ปกครองที่จำได้ไม่ลืมเลย มีอันหนึ่งครับคุณย่าของนักเรียน บอกว่าทนไม่ไหวละ อยากรู้ว่ามาสเตอร์กันต์คือใคร ท่านก็เลยหลังไมค์มา คุณย่าบอกว่าต้องไลน์หาเเล้ว เพราะหลานพูดถึงทุกวันเลย (หัวเราะ) หลานชอบมากเลย อยากเรียนอีกเรื่อยๆ เขาบอกว่า “กิจกรรมที่คุณครูให้ทำครั้งเเรกสุดที่เป็นการเปิดชั้นเรียน เป็นการตอบเเบบสอบถามของ Buddy Kru เป็นการทำให้เด็กเปิดใจมากๆ กับการเรียน และทำให้เขาไว้ใจเราที่จะทำให้ห้องเรียนนี้เป็นของทุกคน” นี่แหละครับ Feedback ที่จำได้ไม่ลืม”
🌱 ลองใช้งาน Buddy Kru ไลน์แชตบอตแบบครูกันต์
ออกแบบการสอนให้นักเรียนสนุกและครูมีความสุขไปด้วยกัน
แท็กที่เกี่ยวข้อง
