❤️🔥เมื่อการรับมือกับพฤติกรรมนักเรียนไม่เคยง่าย
จะทำยังไงดี ให้ความสัมพันธ์ในห้องเรียน
ที่สร้างกันมา ไม่หล่นหายไป
มาเรียนรู้วิธี “ปรับใจ” เพื่อร่วมสื่อสาร
และหาทางออกเชิงบวกร่วมกัน
กับนักเรียน ในช่วงเวลาอันท้าทายแบบนี้
โพสต์นี้มีเนื้อหาจาก “FamSkool Kitchen
แกะสูตรความสัมพันธ์ในห้องเรียน”
ตอน ชิมไปมิกซ์ไป ปรับใจให้ลงตัว'
😰คุณครูทุกคนน่าจะต้องเคยเผชิญหน้า
หรือรับมือกับปัญหาของนักเรียน
ไม่ว่าจะเป็นการโดดเรียน ไม่ส่งการบ้าน
หรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะไม่ควร
ปัญหาเหล่านี้…
บางทีเราก็ไม่รู้เลยว่าเกิดจากอะไร
💨จริง ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ อาจเกิดจากระหว่าง
ผู้ปกครองกับนักเรียน หรือนักเรียนกับเพื่อนนักเรียนเอง
จึงเห็นได้ว่าปัญหาที่เราต้องรับมือ บางครั้งนั้น
ไม่ได้มีสาเหตุตรงตัวขนาดนั้น คิด ๆ ไปก็เหมือนกับ
ภูเขาน้ำแข็งที่เราไม่เข้าใจข้างล่างยังไงยังงั้น
ตัวอย่างจาก ”ครูหม่อน” ที่ร่วมเเบ่งปันในวงพูดคุย
คุณครูได้เจอเหตุการณ์ที่นักเรียนในห้องหนีเรียน
ซึ่งไม่ได้เกิดจากการขี้เกียจ หรือไม่อยากเรียน
พอได้พูดคุย ถามไถ่ให้ลึกลงไป จึงได้เข้าใจว่า
ปัญหานี้เกิดจากการที่นักเรียนทะเลาะกับเพื่อน
พอเข้ามาเรียนในห้องก็ไม่คุยกัน อึดอัด จึงหนีเรียน
🤔จะเห็นได้ว่า การจะเข้าใจปัญหาจนถึงต้นเหตุได้
บางครั้งต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
ยิ่งเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ครูกับนักเรียนก็อาจจะมีความตึง ๆ
เหมือนกับมีกำแพงอันหนาทึบกั้นซึ่งกันและกัน
ความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่เปิดใจหรือเชื่อมใจไว้
เลยไม่เป็นไปได้ดีเหมือนเดิม
🧱“การปรับใจ” คือการพยายามทำให้กำเเพงสลายลง
เห็นทางออกที่เชิงบวกร่วมกัน และเกิดความเข้าใจกันขึ้น
โดยการจะเกิดสิ่งนี้ได้ต้องใช้ทั้งวิธีการสื่อสาร
และ mindset ที่ทำให้เรารับมือกับปัญหาเปลี่ยนไป
⛱️”การปรับใจ” คือแนวคิดที่ “ครูเพ็ญ” และ “ครูหม่อน”
จาก รร.ปล้องวิทยาคม นำมาใช้จัดงานใหญ่ที่มีชื่อว่า
“กาดกองฮัก” แปลเป็นภาษากลางคือ “ตลาดคอยรัก”
เปลี่ยนการประชุมผู้ปกครองทั่วไป เป็นการพูดคุย
เเละสร้างโมเมนต์ให้ปรับใจกัน
💞โดยแก่นของกิจกรรมนี้ คือการที่ผู้ปกครองได้มาพบกับครู
ครูเองก็ได้สังเกตความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครอง และ
นักเรียนตามสภาพจริง ก่อนที่จะเน้นการปรับใจ
ร่วมมือกันคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นของนักเรียนต่อไป
ต้องเล่าบริบทก่อนว่า ที่โรงเรียนจะยังมีความเป็นชุมชนอยู่มาก
ครู เด็ก ผู้ปกครอง รู้จักกันหมดเลย ก่อนจะจัด “กาดกองฮัก” นี้ขึ้น
คุณครูก็ได้ไปเยี่ยมบ้าน สังเกตพฤติกรรมตอนอยู่บ้าน
ของนักเรียน เเละพูดคุยกับผู้ปกครองล่วงหน้า
ทำให้ผู้ปกครองเปิดใจ ยอมรับสิ่งที่จะเเนะนำได้มากขึ้น
🚥เมื่อได้เตรียมความพร้อมให้ผู้ปกครองเเล้ว
ตอนเข้างาน “กาดกองฮัก” ครูจะให้ผู้ปกครอง
แปะสติ๊กเกอร์เพื่อสะท้อนถึงพฤติกรรมของลูกตัวเอง
มี 3 สีด้วยกัน คือ เขียว - พฤติกรรมไม่น่าเป็นห่วง
เหลือง - มีกังวล ขับข้องใจบ้าง
แดง - พฤติกรรมรุนเเรง
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผู้ปกครองยอมรับในพฤติกรรมลูก
ตามความเป็นจริง ยอมติดเองด้วยมือของเขา
โดยครูก็จะบอกผู้ปกครองที่มีสติกเกอร์สีเเดง
ให้อยู่ต่อหลังจบงานอีกนิด พร้อมจัดช่วงสั้น ๆ
ที่ผู้ปกครองจะได้มาคุย และ reflect กับครู เเบบ 1-1 กัน
💡อีกแนวคิดหนึ่งที่คุณครูได้ต่อยอดมาใช้ คือเเนวคิด
“ด้านมืด ด้านสว่าง” ซึ่ง FamSkool นำมาบอกเล่าตอนอบรม
ซึ่งปรับประยุกต์จาก ป้ามล-ทิชา ณ นคร แห่งบ้านกาญจนาฯ อีกทีนึง
เเนวคิดนี้มองว่า เมื่อเด็กมีปัญหา ก็เหมือนกับการเเสดงด้านมืดออกมา
ในฐานะผู้ใหญ่ เราควรหาด้านสว่างของเด็ก พร้อมกับฉายด้านสว่างของเรา
เพิ่มเติมด้วยการให้เวลา เเละวิชาชีวิต ก็จะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนกับตัวเด็ก ๆ
หรือ ทำให้เด็กคนนั้นพยายามเอาชีวิตออกจากสิ่งลบได้สำเร็จ
คุณครูได้เเชร์กับเราด้วยว่า…
“เราได้คำพูดดี ๆ จิตวิทยาดี ๆ ทั้งวิธีการปรับใจ
และด้านมืด-ด้านสว่าง จาก FamSkool มาใช้ก็ช่วยได้มากเเล้ว”
🎤 ใน “กาดกองฮัก” จึงมีการจัดเตรียมเวทีให้นักเรียน
เเสดงความสามารถ ไม่ว่าใครก็เเสดงความสามารถได้
ไม่เก่งเลิศเลอก็ไม่เป็นไร นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รอบ ๆ
ให้ขายของ สมกับชื่อ ”กาด” จริง ๆ กิจกรรมเหล่านี้
ก็ช่วยให้ผู้ปกครองได้เห็นด้านสว่างของเด็ก ๆ
ได้รับรู้ว่าลูกเรามีดีอยู่จริง ๆ นะ
พอผ่านกิจกรรมเเละบรรยากาศทั้งหมดเเล้ว
ผู้ปกครองเเละนักเรียนก็รู้สึกพร้อม เเละกล้าจะปรับใจกันมากขึ้น
มีผู้ปกครองที่มองย้อนกลับไปด้วยว่าเราเลี้ยงดูลูกมายังไง
มีพฤติกรรมยังไง สุดท้ายจึงจบลงได้ด้วยการยอมรับ
เเละเต็มไปด้วยความเข้าใจ เลยทำให้ร่วมมือเเก้ปัญหาได้สำเร็จ !
คุณครูแอบแนะนำว่า รร. ที่อยู่ในชุมชนเมือง บริบทเเตกต่างกันก็จริง
เเต่สามารถทำกิจกรรมรูปแบบนี้ได้เช่นกัน
อาจเเบ่งเป็นห้อง เป็นระดับชั้น ทีละน้อย แต่อย่าลืม
แก่นหลักของกิจกรรม นั่นก็คือการที่ผู้ปกครองได้มาพบกับครู
และครูได้สังเกตความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครอง
และนักเรียนตามสภาพจริง
💖 “การปรับใจ” จะเกิดขึ้นได้ต้องมีวิธีสื่อสาร เเละ
ทัศนคติ จิตวิทยา ที่ดีก่อน พอได้ทดลองทำทั้งหมดนี้แล้ว
อาจจะต้องใจเย็นสักนิด เพราะการเปลี่ยนเเปลงพฤติกรรม
บางอย่างต้องอาศัยเวลาระยะนึง ต้องค่อย ๆ พัฒนาไป
.
แต่ยืนยันได้เลยว่าคำพูดเเละจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลัง
“การปรับใจ” นั้น ทำให้เกิด impact กับนักเรียนได้จริง ๆ
ทั้งครูและผู้ปกครอง สามารถช่วยตรงนี้ได้เเน่นอน
🌟อ่านถึงตรงนี้เเล้วละก็อยากเรียนรู้เครื่องมือ
หรือวิธีการสานความสัมพันธ์เชิงบวกให้จับต้องได้จริง
เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น พ่อเเม่ ผู้ปกครอง หรือว่าคุณครู
สามารถติดตามได้ที่ Facebook Page : Life Education Thailand เลยน้า