inskru

คุยกับเด็กยังไง ให้สนุกและมีความหมาย 🤔

0
0
ภาพประกอบไอเดีย คุยกับเด็กยังไง ให้สนุกและมีความหมาย 🤔

คุยกับเด็กจะไปยากอะไร

จริงเหรอ?


ปัญหาของผู้ใหญ่ก็คือ "เราลืมไปแล้วว่า ตอนเป็นเด็กมันเป็นยังไง" Tina Payne Bryson นักจิตบำบัด และผู้ร่วมเขียนหนังสือ The Whole-Brain Child กล่าวไว้กับ Vox ว่าเหตุผลที่ผู้ใหญ่ขาดความเชื่อมโยงกับเด็กๆ เพราะจังหวะในชีวิตประจำวันของผู้ใหญ่กับเด็กนั้นต่างกัน สมองและพฤติกรรมของเราเปลี่ยนไป จึงยากที่จะนึกออกได้ว่าตอนอายุ 10 ขวบเรารู้สึกยังไง แต่ไม่จำเป็นว่าทุกคนที่จดจำความรู้สึกวัยเด็กของตัวเองได้ เพียงแค่พูดคุยกับเด็กอย่างคุยกับมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน เพราะเด็กก็เป็นคนคนหนึ่งที่มีความสนใจเป็นของตัวเอง มีบุคลิกลักษณะส่วนตัว มีมุมมองของตัวเอง 


มองหาจุดเชื่อมโยง

หากไม่รู้จะเริ่มชวนคุยเรื่องอะไร ลองตั้งคำถามจากสิ่งที่เราเองชอบ เรื่องที่เราสนใจก่อนก็ได้นะ หากเราเป็นนักอ่านลองถามเด็กๆ ถึงหนังสือที่เขาชอบ หากเราเป็นสายตั้งตี้เล่นเกม อาจจะลองชวนคุยว่าเด็กๆ เล่นเกมอะไรอยู่บ้างไหม มีเกมไหนแนะนำบ้างไหม Robyn Silverman เจ้าของรายการ How to Talk to Kids About Anything (วิธีพูดกับเด็กเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง) แนะเพิ่มเติมว่า การตั้งคำถามเป็นสิ่งสำคัญ คำถามที่ต้องการคำตอบเพียงใช่/ไม่ใช่ หรือคำถามวัดความรู้ที่มีคำตอบถูกผิด (เช่น สอบได้ที่เท่าไหร่ ไหนบอกหน่อยนี่สีอะไร ฯลฯ) อาจยังไม่เพียงพอที่จะเริ่มบทสนทนาได้อย่างมีความหมาย ตัวอย่างคำถามที่ดร.ซิลเวอร์แมนแนะนำคือ ลองเปลี่ยนจาก "ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง" เป็น "หากได้ลองเป็นครูใหญ่ 1 วัน อยากเปลี่ยนอะไรในโรงเรียน" รับรองว่าจะได้คำตอบที่น่าสนใจจากเรื่องราวที่เด็กๆ บอกเล่าออกมา ทำให้ไม่ยากที่ผู้ใหญ่จะมองเห็นจุดเชื่อมโยงที่จะไปต่อ เช่น หากเด็กตอบว่า "ถ้าได้เป็นครูใหญ่ 1 วัน จะอนุญาตให้ทุกคนนำแมวมานั่งเรียนด้วยได้" นั่นไง! แสดงว่าที่บ้านของเด็กเลี้ยงแมวไว้เยอะรึเปล่านะ หรือว่าเป็นทาสแมวที่ยังขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ไม่สำเร็จกันแน่ ทีนี้คุยกันต่อได้ยาวแน่นอน


ตั้งใจฟัง

"รอ 7 วินาทีหลังถาม 3 วินาทีหลังตอบ" ยังคงเป็นหลักสำคัญในการพูดคุยกับเด็กๆ เพราะบางครั้งที่ผู้ใหญ่ถาม แล้วเด็กยังลังเล นิ่งเงียบ ผู้ใหญ่อาจรีบด่วนตัดสินว่า 'อ๋อ เด็กคนนี้คงขี้อาย ไม่กล้าคุยแน่เลย' แล้วเดินจากไป แต่หากเรารออีกสักนิด บทสนทนาอาจจะเริ่มต้นขึ้นได้ ช่วงเวลาที่เรารอ เด็กอาจจะกำลังพยายามรวบรวมความกล้าที่จะสื่อสารออกไปอยู่ก็เป็นได้ การแสดงออกถึงความสนใจเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กจะตอบ จึงเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันและนำไปสู่บทสนทนาที่มีความหมายได้เช่นกัน คนเป็นผู้ใหญ่จึงต้องไม่ลืมที่จะตระหนักอยู่เสมอว่าเด็กเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีความสนใจเป็นของตัวเอง มีความเชี่ยวชาญของตัวเอง และเราต่างสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้ ไม่ต่างจากการพูดคุยระหว่างผู้ใหญ่ด้วยกัน 


ตั้งใจฟังจริงๆ

ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน บางครั้งมันก็อดไม่ได้ที่จะอยากเล่าเรื่องที่เราเคยเจอมาบ้าง แต่การลองเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เป็นผู้นำบทสนทนาบ้าง เราอาจได้มีโอกาสสร้างบทสนทนาที่สนุกกว่าที่คิด Morgan Eldridge นักจิตวิทยาคลินิก แนะนำว่าเราควรมองว่าเด็กเป็นผู้เชี่ยวชาญสิ่งที่แต่ละคนสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมด แมลง ไดโนเสาร์ การ์ดเกม หนัง รายการทีวี ลองถามเด็กๆ ดูได้เลย รับรองว่าได้ข้อมูลดีๆ อินไซต์สนุกๆ เพียบ! เพราะเด็กยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางตามธรรมชาติของวัย พวกเขามีความสุขเมื่อได้พูดถึงสิ่งที่ตัวเองหลงใหล


ใครอยากลองฝึกตั้งใจฟัง แล้วเสริมด้วยคำถามปลายเปิดที่ทำให้เด็กๆ อยากคุยต่อไปเรื่อยๆ ลองเข้าไปดูวิธีการถามของ Julian Shapiro-Barnum ที่ตระเวนสัมภาษณ์เด็กๆ อายุ 2-9 ขวบตามพื้นที่สาธารณะ ลองกดเข้าไปดูในช่อง Recess Therapy ได้เลย รับประกันความสนุกสุดๆ

ภาพจาก https://www.facebook.com/recesstherapyshow

Julian Shapiro-Barnumให้สัมภาษณ์กับ The74 ไว้ว่า “เราไม่พูดกับเด็กเหมือนเขาเป็นเบบี๋ และไม่ดูถูกความคิดของพวกเขา คิดว่าสิ่งนี้ช่วยส่งพลังให้เด็กๆ กล้าที่จะพูด แสดงตัวตน และได้สื่อสารไอเดียของตัวเองออกมา” หลักในการชวนเด็กคุยของเขาคือ “เราพยายามที่จะค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่เด็กตื่นเต้นที่สุด พอเจอสิ่งนั้นแล้วก็จะค่อยๆ ชวนคุยไปเรื่อยๆ ตามความสนใจของเด็ก ภารกิจของเราคือพยายามหาทางทำให้เด็กรู้สึกสบายใจและรู้สึกตื่นเต้นที่จะเล่าเรื่องของตัวเอง”


ภาษากายก็สำคัญ

ขณะที่คุยกับเด็ก การสบตา แสดงท่าทางว่าเรากำลังตั้งใจฟังอยู่จริงๆ วางทุกงาน วางสิ่งอื่นๆ ลงก่อน หันหน้ามาทางเด็กตรงๆ เพราะภาษากายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กๆ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็น หรือบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองออกมา หากคุยกับเด็กเล็ก ผู้ใหญ่อาจจะใช้วิธีการย่อตัวลงมาในระดับสายตาของเด็กด้วยก็ยิ่งดี แต่หากเผลอหาว หรือสติหลุดชั่วคราว การขอโทษขอโพยเด็กๆ อย่างจริงใจ แล้วขอให้เด็กเล่าใหม่อีกครั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ถือว่าเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน แสดงตัวอย่างให้เด็กๆ เห็นว่าผู้ใหญ่ก็ผิดพลาดได้ และขอโทษเป็น “ขอโทษทีน้า เมื่อกี้นี้หลุดเผลอคิดเรื่องอื่นไปแว้บนึง เล่าเรื่องเข้าค่ายที่โรงเรียนให้ฟังอีกทีได้ไหม”


เป็นตัวของตัวเอง

บุคลิกลักษณะของคนเรามีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่ต้องกังวลว่าเราเป็นผู้ใหญ่ที่พูดน้อย ขี้อาย แล้วจะไม่สามารถเชื่อมโยงกับเด็กๆ ได้ (คุณครูคนไหนสนใจอยากเจาะลึกประเด็นนี้ ตามไปฟัง insKru Podcast EP.3 “จะเป็นครูที่เด็กๆ รักได้มั้ย ถ้าไม่ใช่คนตลกเฮฮา” ได้นะ อธิบายไว้ดีมากๆ จ้า) เพราะไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะชอบความตลกโปกฮา เสียงดังเล่นใหญ่ และไม่ใช่ผู้ใหญ่ทุกคนที่รับมือกับความเงียบได้ การพยายามเป็นตัวของตัวเองให้ดีที่สุด อาจไม่ได้ทำให้บทสนทนาดำเนินไปอย่างยาวนาน หรือสนุกสนานสุดขีด แต่รับรองว่าเมื่อเราสื่อสารกันด้วยทัศนคติที่มองอีกฝ่ายเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าบทสนทนานั้นจะสั้นแค่ไหน ก็เชื่อว่าจะเป็นบทสนทนาที่มีความหมายแน่นอน


ข้อมูลอ้างอิง

ทักษะการสื่อสาร

ไอเดียนี้เป็นไงบ้าง?

0
ได้แรงบันดาลใจ
0
ลงไอเดียอีกน้า~
แบ่งปันโดย
Suwicha P
นักอ่าน นักเขียน นักเรียนรู้

อยากร่วมแลกเปลี่ยน?

please login

แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru

เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย

icon-please-commentมาเป็นคนแรกที่แลกเปลี่ยนสิ!
credit idea

ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!

ไอเดียน่าอ่านต่อ