👍นักเรียนในห้องเรียนของเรามีมากมาย
หลากหลายความสามารถในการเรียนรู้
วิธีทำให้มีกำลังใจในการเรียนที่ทำได้ง่ายที่สุด
และทั่วถึงนักเรียนทุกคนก็คงเป็นการชื่นชม
เช่น “เธอเก่งมาก” “เธอทำได้ดีมาก” “ยอดเยี่ยมเลย”
insKru ได้ไปเจอบทความเหล่านี้
และอยากชวนคุณครูทุกคนมาลองสำรวจ
วิธีการสื่อสารบนความตั้งใจดีอีกครั้งด้วยกัน
มีวิธีไหนอีกมั้ยนะ ที่จะทำให้การชื่นชมของเรา
ไม่หยุดอยู่แค่คำว่า “เก่งมาก” และเพิ่มเติม
ความเข้าใจระหว่างครูกับนักเรียนให้มากกว่าที่เป็นมา
👉เนื้อหานี้ได้ดัดแปลงมาจากบทความ
“Five Reasons to Stop Saying Good Job! ”
ของคุณ Alfie Kohn ที่เขียนไว้ในนิตยสาร Parents
ปี 2000 เกี่ยวกับจิตวิทยาเด็ก
ที่เกี่ยวข้องกับการถูกชื่นชม
💬อย่างที่บอกไปว่านักเรียนในห้องมีมากมาย
เราก็อยากชื่นชมทุกคนอย่างทั่วถึงกัน
เพื่อให้เกิดกำลังใจในการเรียน
แต่เราอยากชวนให้ลองนึกถึงสถานการณ์ในห้อง
ที่นักเรียนแต่ละคนมีความสามารถที่โดดเด่น
แตกต่างกันออกไป บางคนอาจเรียนเนื้อหา
ในส่วนนี้ที่เรากำลังสอนได้ไม่ดีเท่าไหร่
ในขณะที่บางคนทำได้ดีมาก
🤔จากที่เล่าไป ถ้าเราชมทุกคนไปเรื่อย
ทำได้ 10 คะแนนเต็ม ก็ชมว่าเก่ง
ทำได้ 5 คะแนน ก็ชมว่าเก่ง
ทำได้ 2 คะแนน ก็ชมว่าเก่ง
คำชมของคุณครูจะยังคงมีความหมาย
ในสายตาของนักเรียนอยู่มั้ยนะ
หรือถ้านักเรียนยังทำได้ไม่ดีนัก
แต่ด้วยความตั้งใจดี เราก็ยังอยากชื่นชม
แล้วนักเรียนจะรู้ความสามารถที่แท้จริง
เพื่อพัฒนาตัวเองได้ต่อไปหรือไม่กันนะ
🖼️เนื้อหานี้เริ่มต้นจากการที่ทีม insKru
ได้ไปเจอรูปที่คุณครู Katie Plunkett
จากเพจ kidtalk.co ใน Instagram แบ่งปันไว้ว่า
ในปีแรกของการสอนมีนักเรียนมาบอกเธอว่า
“เขาจะไม่เชื่ออะไรเธออีกแล้ว
เพราะเวลาเขาถามว่างานที่ทำอยู่เป็นยังไง
คุณครูเอาแต่ตอบว่า …
ทำได้ดีมาก ! เก่งมาก ! ทุกครั้งเลย”
คุณครูเล่าต่อว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องฝังใจของเธอ
เพราะถึงความตั้งใจของเธอจะเป็นสิ่งดี
แต่เธอพูดด้วยคำซ้ำ ๆ แบบอัตโนมัติแบบนั้น
อาจทำให้ความหมายของคำจืดจางลงไป
การสื่อสารกับนักเรียนจึงไม่ใช่แค่ชม ๆ ไป
เพราะมันมีผลกับนักเรียนมากกว่าที่เราคิด
พอได้รู้แบบนี้แล้วจะมีวิธีไหนอีกบ้างล่ะ
ที่เพิ่มมิติการสื่อสารให้ดีกว่าเดิมได้ ?
👀“สังเกตพฤติกรรม แล้วนำมาอธิบาย”
วิธีนี้เป็นการสื่อสารให้นักเรียนรู้สึกว่า
เราอยู่ข้าง ๆ เสมอ บอกนักเรียนเป็นนัย ๆ ว่า
“ครูสังเกต และเอาใจใส่ทุกอย่างที่เธอทำเลยนะ”
คุณครูไม่จำเป็นต้องสื่อสารเฉพาะ
ช่วงที่นักเรียนทำได้ดีเยี่ยมเพียงอย่างเดียว
แต่สามารถให้ความสำคัญกับ
สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือกระบวนการ
ระหว่างทางได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น
“โอ้โห หนูผูกเชือกรองเท้าเองเป็นด้วย”
หรือ “ครูเห็นความทุ่มเทจากงานของเธอนะ”
💭“ให้นักเรียนได้นิยามความรู้สึกเอง”
ให้โอกาสนักเรียนได้แสดงความรู้สึกของตัวเอง
นอกเหนือจากการสรุปของครูเอง
ว่าทุกอย่างดี เธอดีแล้ว เก่งแล้ว
แต่ให้นักเรียนได้ลองคิด และสะท้อน
กลับมาบ้างว่าตัวเองรู้สึกยังไง
Dr. Jim Taylor บอกด้วยว่าจริง ๆ แล้ว
เส้นที่บอกว่าทำถึงขั้นไหนแล้วเก่ง - ไม่เก่ง
/ ทำได้ดี - ไม่ดี ของแต่ละคนนั้น
และไม่เหมือนกันเลย ด้วยวิธีการนี้
จะทำให้เราในฐานะครูได้รับรู้ และเรียนรู้
ความรู้สึกของนักเรียนไปด้วยกัน
ตัวอย่างคำถามที่น่าลองนำไปใช้ เช่น
“ทำงานชิ้นนี้มีตรงไหนที่ภูมิใจที่สุด”
หรือ“อยากกลับไปแก้ตรงไหนบ้างมั้ย”
🔬“นักเรียนทำอะไรได้ดี เราต้องชี้ให้ชัด”
วิธีนี้เป็นการต่อยอดจากการชมแบบที่ครูทำอยู่แล้ว
ให้มีรายละเอียดเพิ่มขึ้นกว่าเดิม โดยการชื่นชม
ในจุดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น นักเรียนจะได้รับรู้
ถึงความใส่ใจและ มองเห็นถึงสิ่งที่ทำได้ดี
ตัวอย่างเช่น ระหว่างที่วาดรูประบายสีกัน
นักเรียนคนหนึ่งอาจวาดรูปได้สมจริงมาก
อีกคนอาจวาดไม่สมจริงเท่า แต่เลือกใช้คู่สีได้ดี
เราก็ชื่นชมได้ทั้ง 2 คน โดยลงรายละเอียด
ที่เป็นความเฉพาะตัวของแต่ละคนได้
“เธอ วาดรูปสวยเหมือนจริงมาก ๆ เลย”
“หนูเลือกใช้คู่สีโทนตรงข้ามได้ดีมากเลยนะ”
วิธีนี้จะช่วยเปลี่ยนความรู้สึกของนักเรียน
ที่มีต่อการชมให้แตกต่างออกไป
เพราะคำว่า “เก่งแล้ว” “ทำดีแล้ว” นั้น
มีเอกลักษณ์เฉพาะแต่ละคนได้จริง
💞insKru ขอเป็นกำลังใจให้คุณครูได้ลองสังเกต
และนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ เพื่อให้นักเรียนไม่รู้สึกว่า
การชื่นชมของเรา บนพื้นฐานของความตั้งใจดี
เป็นเรื่องซ้ำ ๆ ที่ความหมายจืดจางไปเรื่อย ๆ
รวมถึงสามารถสื่อสารกันอย่างเข้าใจกันได้สำเร็จ
ใครมีวิธีการแบบไหนอีก มาเเบ่งปันให้เราฟังกันได้นะ
👉ขอบคุณแรงบันดาลใจจาก :
https://www.alfiekohn.org/article/five-reasons-stop-saying-good-job/
https://www.instagram.com/p/CyMP_89ySoC/?img_index=1
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!