🎆รวมภาพความประทับใจ และ insight สนุก ๆ
จากครูผู้ทันได้ทดลองใช้ ”Buddy Kru”
ไลน์แชตบอทที่ทำให้ห้องเรียนเป็นดั่งฝัน !
เราเลยใช้โอกาสนี้ ขอเสียงคุณครูหน่อยยย
ถ้าอยากรู้ว่า ”Buddy Kru” ช่วยได้ยังไงบ้าง
มาติดตามไลน์อัพคำยืนยันของคุณครู
ในแต่ละสเตจกัน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย !
🎤มาถึงเวทีแรกที่เคยไร้เงาคน แต่ตอนนี้
กลับเต็มไปด้วยนักเรียนแบบอุ่นหนาฝาคั่ง
”ครูปอย” ได้บอกกับเราว่าการใช้งาน
Buddy Kru ช่วยให้นักเรียนมีความเชื่อมั่น
และอยากเรียนกับครูมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
“ครูปอย” คือ ครูสอนเลขที่รู้สึกว่า
ห้องเรียนของเธอนั้น ต้องการเพิ่มเติม
เรื่องของการมีส่วนร่วมในห้องเรียนให้มากขึ้น
เพราะนักเรียนไม่น้อย ที่รู้สึกไม่ชอบการเรียนเลข
ปิดกั้นตัวเอง และเลือกจะโดดเรียนไปจากห้อง
ครูปอยได้บอกกับเราว่า หลังจากได้ใช้
Buddy Kru ให้ช่วยเสนอไอเดียการสอน
ที่ตอบเป้าหมาย “การมีส่วนร่วมในห้องเรียน”
ก็ได้ปรับประยุกต์ออกแบบกิจกรรมเกมสนุก ๆ
ที่เปลี่ยนห้องเรียนไปไม่เหมือนเดิมมากมาย
"ทุกเกมที่เรานำมาเล่นกับเด็ก จุดเริ่มต้นมาจาก
ความชอบของตัวเองทั้งนั้น เราเลือกโดมิโน่มาใช้
สอนเรื่องตรีโกณมิติของ ม.3 ด้วยความที่ห้องนี้มี
เด็ก LD (Learning Disabilities: ภาวะบกพร่อง
ในการเรียนรู้) หลายคน ตอนแรกเขาไม่เข้าใจ
พออธิบายและให้เวลาสังเกตจากเพื่อน
ก็พบว่านักเรียน LD ก็ทำได้ โดยปกติแล้วเรา
ใช้เวลาทำกิจกรรมประมาณ 10-15 นาที
แล้วเริ่มเข้าสู่บทเรียน นักเรียนก็มาทักเรื่อยๆ
ว่าอยากเล่นเกมอีก”
“เขาเคยมองว่าคณิตศาสตร์คืออะไรไม่รู้ ไม่รู้เรื่อง
แต่พอเราปรับมาทำกิจกรรมในห้องเรียน
มีเด็กคนหนึ่งทักมาว่า “ครู หลังเลิกเรียน
สอนพิเศษให้หน่อย คิดเงินไหม” เราก็ถามว่า
“ทำไมอยากเรียน” เขาบอกว่า “อยากเข้าใจคณิตศาสตร์”
สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าสิ่งที่เราทำมันส่งผลถึงเด็กนะ”
👨🎓เข้ามาสู่เวทีต่อมาที่เต็มไปด้วยนักเรียน
หลากหลายสไตล์ แต่ทุกสายตาก็จับจ้องมา
ที่กลางเวทีอย่างไม่ละสายตา “ครูกันต์”
ได้บอกกับเราว่า Buddy Kru ช่วยให้
การรับ Feedback เป็นได้อย่างตรงไปตรงมา
ทำให้มีข้อมูลไปเพื่อออกแบบการสอน
ตามสไตล์ของนักเรียนแต่ละห้องต่อไป
“ครูกันต์” คือครูภาษาไทย ที่มองว่าอยาก
พัฒนาห้องเรียน และตัวเองให้ไม่หยุดนิ่ง
เพื่อให้นักเรียนเกิดประโยชน์สูงสุดจากการเรียน
และรู้สึกว่าทุกครั้งที่เรียนในคาบภาษาไทย
คือพื้นที่ของนักเรียนจริง ๆ
“ปีนี้เป็นปีเเรกที่เราได้สอน 2 ระดับ คือ ป.5-6
ซึ่งมันค่อนข้างยาก เพราะห้องเรียนก็ไม่เหมือนกัน
ความต้องการ หรือลักษณะนิสัยของนักเรียน
ก็ไม่เหมือนกัน เรามองว่าถ้าสอนในรูปแบบเดียวกัน
ไม่มีทางหรอกที่จะเกิดการเรียนรู้ได้เท่ากัน
เราจึงใช้ Buddy Kru ในการเก็บ Feedback
อย่างตรงไปตรงมา เพราะเราจะไม่เห็นว่าใครพิมพ์
เด็กๆ จึงเต็มที่ กล้าตอบ คำตอบมันค่อนข้างเรียลมากๆ
สิ่งที่เขาเขียนมา เขาคิดดีเเล้ว คิดว่าสิ่งนี้คุณครูจะได้อ่าน
พอเราเข้าใจว่าเเต่ละห้อง มีลักษณะนิสัยที่เเตกต่างกัน
เราก็จะพยายามออกแบบเนื้อหาที่ตอบรับกับห้องเรียนต่างๆ
ก่อนเขาจะมาเรียนกับเรา เขาพูดว่า “มาสเตอร์ ภาษาไทย
น่าเบื่อมากเลย” เราไม่รู้หรอกว่าเขาไปเจออะไรมาบ้าง
เเต่เราอยากให้ห้องเรียนเราเเตกต่างจากที่เคยเรียนมา
และเราทำสำเร็จจริง ๆ”
💬ต่อมาอีกนิดก็ถึงเวทีสุดอบอุ่นหัวใจ
รายล้อมไปด้วยนักเรียนที่กล้าพูดคุย
กับ ”ครูมูซา” โดยคุณครูได้ใช้Buddy Kru
ช่วยให้นักเรียนที่มีทักษะการเรียนที่ต่างกัน
เปิดใจ และมีส่วนร่วมกับการเรียนอย่างเต็มที่
“ครูมูซา” คือ ครูสังคมที่ต้องสอนกว่า 10 ห้อง
หนึ่งในห้องเรียนของเขาคือห้องที่คนอื่น
มองว่ายังเรียนอ่อนอยู่ เป็นสายพละ
เขาจึงตั้งใจเพิ่มเติม “ความสัมพันธ์ในห้อง”
ให้ดีกว่าเดิม จากทัศนคติที่ว่า นักเรียนที่
ชอบครูและมีความสุขในบรรยากาศการเรียน
จึงจะเปิดรับเนื้อหาการเรียนคาบนั้น ๆ ได้
. “ถ้าถามว่าปัจจุบัน ห้องเรียนเราเป็นห้องเรียน
เเห่งความสุขหรือยัง เราคิดว่าตอนนี้เป็นแล้ว
นักเรียนชอบมาถาม “อาทิตย์หน้าให้ทำอะไรครับ”
“เมื่อไหร่จะถึงคาบเรียนครู” เราได้ยินแต่สิ่งที่เป็น
แง่บวก เราก็ได้ใช้ Buddy Kru คอยช่วยเหลือ
ให้ตั้งเป้าหมาย อยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
กับนักเรียน บางคนยังมีความเป็นส่วนร่วม
กับเราน้อย ซึ่งไม่รู้ว่าทำได้เเค่ไหนแต่ต้องลองดู”
“นอกจากนี้ยังมี Student Feedback ที่ช่วยเก็บ
ความเห็นของนักเรียนด้วย อย่างห้องเรียนที่
คนอื่นมองว่ายังเรียนอ่อน แรกๆ เขาไม่มีส่วนร่วม
กับเรา เราไม่กล้าให้เขาประเมินด้วย กลัวเขา
เขียนอะไรมาไม่ดี เบื่อเรา เกลียดเรา
แต่พอลองให้เขาทำ เขาไม่ได้คิดกับเราอย่างนั้น
เขามองเราเป็นแบบครูที่ดี ครูที่เปิดใจคนนึงเลย
พอได้เห็น Feedback ผมเริ่มรู้สึกว่าเข้าใจ
เด็ก ๆ ก็เริ่มเปิดใจแล้วก็เรียนกับเรา อย่างงาน
ของห้องนี้คุณครูคนอื่นไม่สามารถตามได้ครบเลย
แต่ว่าเราได้งานครบอ่ะ ตรงนี้เรามองว่าทำให้
นักเรียนสนใจได้สำเร็จเเล้ว”
👨🏫นอกจากคุณครู 3 คนที่ได้มาส่งเสียง
Make some noise บนเวทีของตัวเองแล้ว
ยังมีครูที่ได้ทดลองใช้งาน Buddy Kru
อีกมากมาย ที่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า
“เห็นภาพ เห็นขั้นตอนว่าตัวเองจะพัฒนา
ไปต่อได้อย่างไร” เนื่องจาก Buddy Kru
ได้เปิดโอกาสให้คุณครูลองตั้งเป้าหมาย
ห้องเรียนที่เราอยากพัฒนา และส่งไอเดีย
การสอนทุกสัปดาห์ ให้คุณครูได้ลองทำ
และปรับประยุกต์เองทีละขั้น ทั้งหมดนี้แหละ
ที่ทำให้เกิดเป็นการเรียนรู้ที่เรียกว่า
Self-directed Learning ขึ้น
และยังมีครูอีกไม่น้อยที่บอกว่า
”รู้สึกมีไอเดียใหม่ ๆ ใช้สอนในห้องเต็มไปหมด”
จากการที่ Buddy Kru คอยส่งไอเดียการสอน
ตามเป้าหมายที่คุณครูตั้งไว้ให้ในทุก ๆ สัปดาห์
การได้ลองดูไอเดียใหม่ ๆ ย่อมทำให้เกิด
วัตถุดิบที่จะนำไปคิดสร้างสรรค์เป็นไอเดีย
การสอนในรูปแบบของตัวเองได้ ซึ่งต้องแอบ
บอกเลยว่าความคิดสร้างสรรค์นี้ เป็นส่วนผสม
ที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่มีผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
Child Center Learning ได้ด้วยนะ
อีกทั้งยังมีคุณครูบอกกับเราด้วยว่า พอได้ปรับ
การสอนผ่านไอเดียที่ Buddy Kru ส่งมา
ช่วยส่งผลถึงการเปลี่ยนทัศนคติการเรียน
ของนักเรียน “ด้วยบริบทของโรงเรียน
ความพร้อมของนักเรียน เด็ก ๆ จะไม่ชอบ
วิชาที่สอนอยู่เท่าไหร่นัก แต่พอได้ใช้วิธี
และคำแนะนำจาก Buddy Kru กลายเป็นว่า
ความคิดของเด็ก ๆ เปลี่ยนไป ส่วนมากเข้าเรียน
ก่อนเวลา พอหมดคาบไม่อยากออกจากห้อง
นักเรียนโวยวายอยากเรียนอยู่เรื่อยเลย”
พร้อมต่อยอดเกิดเป็นความเชื่อใจในตัวคุณครู
ขึ้นมาอีกด้วย “ถ้าคาบต่อไปเนื้อหายาก
ก็ไม่กลัว เพราะคิดว่ายากแค่ไหน
คุณครูก็ทำให้เข้าใจได้”
👨💼สำหรับเวทีนี้อาจต่างจากเวทีอื่น ๆ สักหน่อย
ที่ไม่ได้เป็นการส่งเสียงยืนยันความ “ดีย์มากกก”
ของ Buddy Kru แต่เป็นเวทีที่เราอยากส่งเสียง
ถึงผู้บริหาร เพื่อแชร์สิ่งที่เราได้เรียนรู้มาจาก
การวิจัยผ่านเครื่องมือ Buddy Kru นี้
📌“ซัพพอร์ตครูอย่างเต็มที่ ผ่านทัศนคติ /
ต้นแบบห้องเรียน / ผู้เชียวชาญที่ช่วยแนะนำ”
หากเราอยากสนับสนุนการพัฒนาความสามารถ
ของครูในโรงเรียนให้ได้ประสิทธิภาพ เราอาจต้อง
สนับสนุนในรูปแบบเฉพาะเจาะจงรายบุคคลไป
เนื่องจากห้องเรียนแต่ละห้องมีลักษณะ
ไม่เหมือนกัน และตัวครูเองก็มีวิธีการจัดการ
ที่ไม่เหมือนกันเลย สิ่งที่ผู้บริหารทำได้คือ
ยอมรับทักษะ พร้อมสนับสนุนทัศนคติเชิงบวก
ของครู ให้อยากเรียนรู้เพิ่มเติม พร้อม ๆ กับ
ได้นำองค์ความรู้ไปใช้จริงในห้อง โดยอาจ
เริ่มได้จากการมองข้อดี และชูขึ้นมาเป็นต้นแบบ
ให้คุณครูได้เห็นแนวทาง และแลกเปลี่ยน
ความเป็นไปได้ที่เกิดในแต่ละห้องเรียนกัน
รวมถึงเตรียมผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยสนับสนุน
และให้ความคิดเห็นกลับเป็น Feedback Loop
เพื่อพัฒนาตัวเอง
📌“เปิดพื้นที่ที่ให้ครูได้ลองทำอย่างหลากหลาย
เพื่อเห็นจุดที่อยากพัฒนาของตนเอง”
เรื่องนี้คือสิ่งที่ตามมาจากเรื่องราวก่อนหน้า
เมื่อครูและห้องเรียนต่างมีเอกลักษณ์แบบตัวเอง
ผู้บริหารสามารถให้โอกาสครูเรียนรู้สิ่งที่ตนทำได้ดี
และยังพัฒนาได้อีก ด้วยการเปิดพื้นที่ให้คุณครูได้
ทดลองสอน หรือทดลองทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ
เช่น การฝึกครูให้ลองเป็น Facilitator หรือวิทยากร
แต่ต้องโน๊ตไว้หน่อยว่า ทั้งหมดนี้ต้องเกิดขึ้นอย่าง
อิสระบนพื้นฐานของความเชื่อใจกันและกัน
พร้อมสร้างความสบายใจให้คุณครูได้เลือกจะลองเอง
.
📌“เตรียมเครื่องมือเพื่อคอยช่วยเหลือ
และพัฒนาตามที่ครูอยากเป็น เพื่อเสริมความมั่นใจ”
การพัฒนาครูให้สามารถเจริญเติบโตขึ้นต่อไป
ยังต้องมีเครื่องมือที่ช่วย “สรุป” ข้อมูลต่าง ๆ
อย่างจุดแข็ง หรือจุดที่ควรพัฒนาเพิ่มของครู
รวมถึง “เสนอ” วิธีการสอนที่หลากหลาย รวมถึง
ให้ความคิดเห็นให้คุณครูได้สะท้อนตัวเอง
ซึ่งทั้งหมดนี้ทำไปเพื่อช่วยให้ คุณครูเกิด
การตระหนักถึงความสามารถของตัวเอง
(Self-Awareness) และ การจัดการตนเอง
(Self-Management) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการ
มีความมั่นใจ กล้าริเริ่มสิ่งต่าง ๆ ในห้องเรียน
และ กล้าที่จะพัฒนาศักยภาพของตนเองต่อไป
🌟หากถามพวกเราทีมงานเบื้องหลังว่า
Buddy Kru ในความหมายของพวกเราคืออะไร
เราคงตอบว่า “สิ่งนี้ไม่ใช่เครื่องมือ แต่เป็นเครื่องพิสูจน์
ว่านิเวศการเรียนรู้ที่ทำให้ทั้งนักเรียนเอง มีความสุข
เกิดการเรียนรู้ที่ยึดเอาตัวนักเรียนเป็นหลัก
และทำให้คุณครูมีความสุข สามารถเป็นคุณครูได้ดั่งใจ
ในแบบที่คุณครูต้องการ เกิดขึ้นได้จริง !”
💫ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ Buddy Kru
“มันดีย์มากกก” ที่เปิด 5 เวทีในการ
ส่งเสียงยืนยันจากครูที่ได้ใช้งานจริง
ถึงแม้ตอนนี้ Buddy Kru จะปิดระบบไปเพื่อปรับปรุง
แต่เราไม่เคยหยุดที่จะช่วยคุณครูให้มีความสุข
เป็นครูได้อย่างมีความหวัง และมีความหมายแน่นอน
โดยสามารถช่วย insKru สร้างสรรค์เครื่องมือดี ๆ
สำหรับคุณครูแบบนี้ออกมาลองใช้งานกันอีก
ผ่านการสนับสนุนชาวอินส์ได้เลยน้า
🌟สมัครเป็น “ชาวอินส์” ให้ insKru อยู่คู่ครูไทย
ไปได้นาน ๆ พร้อมรับของขวัญแทนคำขอบคุณ
ได้ที่ลิงก์นี้เลย https://bit.ly/WebDonationFB1
แท็กที่เกี่ยวข้อง
