inskru

รับมือเด็กเกเรแบบหนังสือ 'บรัดเล่ย์ เด็กเกเรหลังห้องเรียน'

2
2
ภาพประกอบไอเดีย รับมือเด็กเกเรแบบหนังสือ 'บรัดเล่ย์ เด็กเกเรหลังห้องเรียน'

"จริงๆ แล้วเด็กที่สร้างปัญหาไปวันๆ อาจต้องการแค่ใครสักคนที่เข้าใจเขาเท่านั้นเอง"

คือคำโปรยของหนังสือ 'บรัดเล่ย์ เด็กเกเรหลังห้องเรียน' หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ 'There's a Boy in the Girl's Bathroom'

พั้นได้ลองอ่านวรรณกรรมเล่มนี้แล้วนึกถึงคุณครูที่บางครั้งอาจจะเจอกับเด็กๆ ที่ไม่เป็นไปดั่งใจ สร้างความปั่นป่วนให้กับห้องเรียนหรือที่มักมีคำเรียกเด็กเหล่านี้ว่า "เด็กเกเร" เด็กที่เราไม่รู้ว่าจะรับมือกับเขายังไง ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้เขากลายมาเป็นกลุ่มเด็กที่เราเรียกว่า "เด็กดี(?)" หนังสือเล่มนี้อาจจะมีคำตอบ พั้นเลยมาถอดบทเรียนหรือเคล็ดลับที่ครูคาร์ล่า ครูที่ปรึกษาคนใหม่ของโรงเรียนใช้กับบรัดเล่ย์เด็กที่มักสร้างปัญหาให้กับโรงเรียน หวังว่าไอเดียนี้จะจุดประกายอะไรบางอย่างกับคุณครูที่แวะเข้ามาอ่านไม่มากก็น้อย :)

**อาจมีสปอยของเนื้อหาบ้างเล็กน้อย แต่จะไม่เสียอรรถรสในการซื้อมาอ่านแน่นอนค่ะ

ก่อนอื่นอยากชวนส่องความคิดผ่านชื่อภาษาอังกฤษของเรื่องอย่าง 'There's a Boy in the Girl's Bathroom' กันดูก่อนค่ะ

แปลแบบตรงตัวเลยก็คือมีเด็กผู้ชายอยู่ในห้องน้ำหญิง .. ประโยคนี้ทำงานกับพั้นตั้งแต่เห็น เพราะความรู้สึกแว๊บแรกย่อมไม่ดีเพราะมีเหตุผลแย่ๆ มากเหลือเกินที่เรานึกออกเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ แต่ถ้าถอยออกมาอีกนิด "เออเนาะ แล้วทำไมเด็กผู้ชายถึงไปอยู่ในห้องน้ำหญิงได้ล่ะ" ไม่ใช่การเริ่มตัดสินโดยมีคำตอบในใจว่าเพราะอะไร แต่ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?

จะรู้ว่าทำไม.. คงต้องรู้จักกับบรัดเล่ย์ก่อน

บรัดเล่ย์เป็นเด็กผู้ชายชั้น ป.5 ที่อายุมากกว่าเพื่อนคนอื่น 1 ปีเพราะเรียนป.4 ไป 2 ครั้ง เขาไม่สนใจที่ครูสอน ไม่ทำการบ้าน ชอบรังแกเพื่อน ใครก็ไม่ชอบเขา เขาเข้าใจว่าตัวเองคงเป็นเด็กที่มีคนเกลียดมากที่สุดในโรงเรียน แน่นอนว่าสอนยาก ครูส่วนใหญ่จึงทำเป็นมองไม่เห็นเขา และคงพอจะเดาออก ที่นั่งประจำของบรัดเล่ย์คือเก้าอี้ตัวสุดท้าย แถวสุดท้าย

แต่ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ของบรัดเล่ย์จะเป็นแบบนั้น คาร์ล่า ครูที่ปรึกษาคนใหม่ที่มองเห็นสิ่งพิเศษในตัวเด็กทุกๆ คน แม้แต่บรัดเล่ย์ เด็กที่มีคนเกลียดมากที่สุดในโรงเรียนและครูทุกคนต่างบอกกับเธอว่าให้หลีกเลี่ยงหรือระวังเขาไว้ เธอเชื่อว่าบัดเล่ย์เปลี่ยนได้ถ้าเขาเชื่อมั่นในตัวเองมากพอ ..

ครูทุกคนเตือนคาร์ล่าถึงพฤติกรรมร้ายๆ ของบรัดเล่ย์และบอกให้เธอพยายามห่างเขาไว้ แต่เธอกลับตื่นเต้นที่จะได้เจอแถมบอกว่าเขาคือเด็กที่มีชีวิตชีวามาก!

วิธีที่ครูคาร์ล่าปฏิบัติต่อบรัดเล่ย์

ครูคาร์ล่าไม่ได้บอกเราตรงๆ เป็นข้อๆ ในหนังสือ แต่จากที่พั้นสังเกตสรุปออกมาได้ประมาณนี้ค่ะ

  1. ไม่ตัดสิน และตั้งใจฟัง - ไม่ว่าบรัดเลย์จะพูดอะไร ฟังดูเหมือนไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ครูคาร์ล่าไม่เคยตัดสินความถูกผิดของสิ่งที่บรัดเล่ย์พูดหรือทำเลย เธอตั้งใจฟังทุกอย่างที่เขาพูด ตอบสนองต่อสิ่งที่เขาพูด แถมยังชื่นชมเขาด้วย
  2. ให้เด็กพูด ไม่ใช่เราพูด - ประโยคตัวอย่างที่อยากหยิบยกคือ "ฉันคิดว่าเธอมีอะไรดีๆ ตั้งหลายอย่าง แต่ฉันอยากให้เธอบอกก่อนว่าเธอชอบตัวเองตรงไหน" ทุกๆ ประโยคที่ออกจากปากของคาร์ล่า เธอจะให้เด็กๆ ได้พูดถึงสิ่งที่เขาคิดก่อนเสมอ แล้วค่อยพูดความคิดของตัวเอง
  3. ปฏิบัติตัวดีและพูดดีๆ กับเด็กทุกคน - ไม่ใช่แค่กับบรัดเล่ย์ แต่เด็กทุกคนที่เขามาหาเธอ เธอปฏิบัติตัวเหมือนกันทุกครั้งกับเด็กทุกคน สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือคำพูดของเธอ เธอทักทายอย่างยิ้มแย้มเสมอพร้อมคำพูดติดปากอย่าง "สวัสดีบรัดเล่ย์ ฉันดีใจมากที่ได้เจอเธอในวันนี้" "ฉันดีใจมากที่เธอมาหาฉัน" "ฉันซาบซึ้งใจมากที่เธอเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟัง" "ขอบคุณนะ ฉันซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก" ทุกครั้งที่เธอพูดและทำตัวดีต่อบรัดเล่ย์ คุณจะแปลกใจมากเมื่อเขาเริ่มซึมซับคำพูดและพฤติกรรมเหล่านั้นไปปฏิบัติต่อคนอื่นเหมือนกับที่คาร์ล่าทำต่อเขา
  4. ไม่มีกฎ ไม่สั่งให้ทำอะไร - บรัดเล่ย์พูดว่า พวกครูมักสั่งให้เด็กทำนู่นทำนี่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นคาร์ล่าก็บอกมาเลยว่าจะให้เขาทำอะไร แต่ห้องปรึกษาของคาร์ล่าไม่มีกฎ ไม่สั่งให้เด็กคนไหนทำอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างที่เด็กจะทำ เขาจะต้องตัดสินใจทำด้วยตัวของเขาเอง
  5. รักษาความลับ=รักษาความไว้วางใจ - ไม่ว่าเด็กคนไหนจะพูดอะไรกับเธอ เธอไม่เคยนำเรื่องของเด็กไปเล่าต่อ แม้แต่ผู้ปกครองถาม คาร์ล่าบอกเสมอว่าถ้าพวกเขาพร้อมที่จะเล่า เขาจะเล่าเอง เธอไม่สามารถที่จะเล่าสิ่งนั้นแทนเด็กๆ ได้ ฟังแล้วอาจเป็นบทสนทนาที่ไม่ค่อยดีในมุมผู้ปกครอง และจบไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่ แต่เธอเลือกให้ความสำคัญกับความไว้วางใจของเด็กที่มีต่อเธอมากที่สุด
  6. คนที่เปลี่ยนแปลงเด็กได้ไม่ใช่ใคร แต่คือตัวเด็กเอง - คาร์ล่าไม่ได้มองว่าตัวเองคือผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขอะไรในตัวเด็ก เธอเชื่อว่าเด็กเปลี่ยนได้ด้วยตัวของพวกเขาเอง หากเขาเชื่อมั่นมากพอว่าเขาเปลี่ยนได้ เพราะลึกๆ เธอเชื่อว่าไม่ได้มีเด็กคนไหนหรอกอยากจะเป็นเด็กไม่ดี ทุกครั้งที่เด็กๆ ขอบคุณเธอ เธอมักจะตอบประมาณว่า "ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย เธอต่างหากที่ทำมันได้ด้วยตัวเอง"


ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะตัดสินที่คอยจับผิดเขา เช่น "บรัดเล่ย์! ไปทำอะไรอยู่นอกห้องเรียนน่ะ!" ฟังดูเหมือนคำถามแต่คนที่ได้ยินคงรู้สึกได้ถึงเจตนาอื่น หรือ "จะมาทำลายของในห้องสมุดอีกแล้วใช่มั้ย?" "อย่าเถลไถลนะ!" มันยากมากเหลือเกินสำหรับเด็กหนึ่งคนที่จะมีความเชื่อมั่นว่าเขาสามารถเป็นตัวเองที่ดีกว่านี้ได้ วิธีของคาร์ล่าเท่าที่สรุปมา ฟังดูยากและอาจจะสวยเกินความเป็นจริงในสถานการณ์ที่ครูต้องเผชิญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิธีเหล่านี้ก็เป็นอีกความเป็นไปได้หนึ่งที่อาจจะเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงเด็ก


คาร์ล่าเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะสำเร็จไหม บอกไม่ได้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ มันเหมือนกับการเดินไปแบบไม่รู้จุดหมาย ไม่เวิร์คก็คงต้องลองใหม่ คุณครูรู้สึกยังไงกับวิธีการของคาร์ล่าบ้างคะ?


จริงๆ ในหนังสือมันมีดีเทลอีกเยอะมากเลย แต่ถ้ากลัวจะสปอยจนเสียอรรถรส เป็นหนึ่งในหนังสือที่ดีมากๆ และคิดว่าถ้าคุณครูมีโอกาสได้ลองอ่านสักครั้งคงเป็นเหมือนการเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นอีกบาน

ถ้าเจอเด็กแบบรัดเล่ย์ในชีวิตจริง คงยากมากที่จะเริ่มต้นโดยการยิ้มให้และทักทายเขา เพราะมันง่ายกว่ามากที่จะเมินเฉยต่อการกระทำวายป่วงของเขาแล้วทุ่มเทให้กับเด็กคนอื่นๆ ที่มีความตั้งใจดีมากกว่า ในหนังสือเองครูประจำชั้นก็เหนื่อยกับภาระมากมาย โชคดีเหมือนกันที่โรงเรียนเปิดรับครูที่ปรึกษาเลยช่วงแบ่งเบาภาระบางอย่างของคุณครูที่ต้องสอนไปได้บ้าง (แต่ปลายทางของครูที่ปรึกษาอย่างคาร์ล่า ต้องลองไปอ่านต่อในหนังสือดูนะคะ)

ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน อาจจะสรุปไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ แต่หวังว่าจะได้อะไรกลับไปไม่มากก็น้อยนะคะ 😊

ประถมการจัดการชั้นเรียน

ไอเดียนี้เป็นไงบ้าง?

2
ได้แรงบันดาลใจ
2
ลงไอเดียอีกน้า~
avatar-frame
แบ่งปันโดย
insพั้นซ์ insKru
ดีจ้าา พั้นซ์ นะคะ เป็นทีมพัฒนาเว็บไซต์ inskru ฮับ :)

อยากร่วมแลกเปลี่ยน?

please login

แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru

เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย

icon-please-commentมาเป็นคนแรกที่แลกเปลี่ยนสิ!
credit idea

ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!

ไอเดียน่าอ่านต่อ